ส.ว.จอมคุ้ยไล่สอบรัฐมนตรีรายบุคคล ถึงคราว “กษิต” ยื่น กกต.สอบกรณีพบคู่สมรสมีหุ้นในบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ ชี้อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 ห้ามรัฐมนตรีเป็นหุ้นส่วนบริษัทคู่สัมปทานรัฐ ทั้งหมายรวมถึงคู่สมรสด้วย
วันนี้ (30 มี.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ได้ยื่นหนังสือต่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก่อนส่งเรื่องต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา
นายเรืองไกรกล่าวว่า ตนยื่นหนังต่อ กกต.เพื่อให้ส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่ากรณีนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น นายกษิตแจ้งว่ามีเงินลงทุนที่เป็นของคู่สมรส ซึ่งเป็นหุ้นของบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ มูลค่าตามตราสาร 100,000 บาท ขณะที่บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ เป็นบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นการผูกขาดตัดตอน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 วรรคหนึ่ง
อีกทั้งมาตรา 267 ระบุว่าห้ามมิให้รัฐมนตรีเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม และมาตรา 265 วรรคสาม ให้บังคับกับคู่สมรสของรัฐมนตรีด้วย ดังนั้นการถือครองหุ้นดังกล่าวจึงอาจเข้าข่ายกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา 267 และมาตรา 265 วรรคหนึ่ง วงเล็บสอง และวรรคสาม ขณะที่รัฐธรรมนูญมาตรา 182 ก็บัญญัติว่า ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวเมื่อ กระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา 267 มาตรา 268 หรือมาตรา 269