“ส.ว.เรืองไกร” ยื่นหนังสือร้อง ป.ป.ช.สอบ กกต.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หลังมีมติ ชี้ “ส.ว.ปราจีนบุรี” ขาดคุณสมบัติ เพราะมีชื่อเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่นายทะเบียนพรรคยันไม่ได้เป็นสมาชิกแล้ว ระบุอาจเข้าข่ายละเว้นหน้าที่ ยกคำสั่งศาลฎีกาอ้างฐานข้อมูล กกต.ไม่ชัวร์
วันนี้ (5 ก.พ.) ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า มีกระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครในการเลือกตั้ง หรือกระทำการละเว้นโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบในการปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง 2550 มาตรา 29 และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีมีคำวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพภาพของ นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี สิ้นสุดลงโดยอ้างว่า นายสุรเดช ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ว.ในวันสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ว.จังหวัดปราจีนบุรี ตามมาตรา 115(6) ของรัฐธรรมนูญ 2550 เนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันที่สมัครรับเลือกตั้ง โดย กกต.ได้ส่งคำวินิจฉัยดังกล่าวให้ประธานวุฒิสภาเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ทั้งนี้ หนังสือคำร้อง ระบุว่า ในอดีตเคยมีกรณี นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร ซึ่งในคราวลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2551 ซึ่ง ผอ.กต.กำแพงเพชร เคยสั่งตัดสิทธิ์โดยอ้างข้อมูลทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองในระบบอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงาน กกต.ว่า เป็นสมาชิกพรรคมหาชน แต่เมื่อมีการร้องคัดค้านไปยังศาลฎีกา และมีการตรวจสอบไปยังพรรคมหาชนแล้ว ฝ่ายทะเบียนของพรรคยืนยันมาว่า นายกฤช ไม่เคยเป็นสมาชิกพรรค จากคำสั่งศาลฎีกาดังกล่าว เห็นว่า การใช้ข้อมูลทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองในระบบอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงาน กกต.เพียงอย่างเดียวไม่อาจรับฟังหรือเชื่อถือได้ ซึ่ง กกต.ได้ทราบถึงคำพิพากษาดังกล่าวแล้ว แต่ กกต.กลับวินิจฉัยว่า นายสุรเดช สิ้นสุดสมาชิกภาพ ส.ว.ปราจีนบุรี โดยใช้ข้อมูลทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองในระบบอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงาน กกต.ทั้งๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้มีหนังสือมายังนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้วว่า นายสุรเดช ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2545 และไม่เคยกลับมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคอีก โดยไม่ปรากฏหลักฐานอื่นมาหักล้างว่า กกต.ได้มีการตรวจสอบหลักฐานการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ของ นายสุรเดช เพิ่มเติม
“กรณีนี้จึงขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบพฤติการณ์ของ กกต.อาจเข้าข่ายกระทำการหรือละเว้นกระทำการโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบในการปฏิบัติหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง 2550 มาตรา 29 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เนื่องจาก กกต.และเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน กกต.ควรจะต้องรู้ถึงแนวของศาลฎีกาเคยพิพากษาไว้ข้างต้น” หนังสือ ระบุ