นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภาสรรหา กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลกำลังผลักดันให้มีการแก้รัฐธรรมนูญก่อนปิดสมัยประชุมนี้ว่า ขอเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม โดยเฉพาะในหมวดการตรวจสอบอำนาจรัฐ เนื่องจากการตรวจสอบทรัพย์สินของนักการเมืองที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 2550 ยังไม่ครบ โดยเฉพาะเรื่องการได้มาของทรัพย์สินของนักการเมือง ทั้งนี้ ขอเสนอโมเดลตรวจสอบทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและผู้บริหารท้องถิ่น ที่มีส่วนในการใช้อำนาจรัฐและใช้งบประมาณ โดยโมเดลดังกล่าวจะเป็นระบบที่ทำให้การตรวจสอบทรัพย์สินของนักการเมืองเป็นไปโดยอัตโนมัติ
ส.ว.สรรหา กล่าวอีกว่า โมเดลนี้ยังกำหนดให้ต้องแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินทุกปีระหว่างการดำรงตำแหน่ง โดยต้องยื่นพร้อมพร้อมเอกสารประกอบ ซึ่งเป็นสำเนาหลักฐานที่พิสูจน์ความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สิน รวมทั้งสำเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทุกรอบปีภายใน 30 วัน นับแต่วันครบรอบแต่ละปี ไม่ใช่ตรวจเฉพาะหลังเข้ารับตำแหน่ง และหลังพ้นจากตำแหน่งเท่านั้น เพื่อควบคุมความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินให้เป็นไปโดยชอบ และป้องกันการทุจริตในระหว่างการดำรงตำแหน่ง และต้องตรวจสอบการมีอยู่จริงของทรัพย์ย้อนหลัวไป 2 ปีด้วย โดยดูว่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นตรงกับแบบภาษีหรือไม่ ถ้าไม่ตรงกันถือว่า เป็นการได้ทรัพย์มาโดยมิชอบ และถ้าผิดจริงต้องถูกยึดทรัพย์
นอกจากนี้ โมเดลนี้จะตรวจสอบแค่ ส.ส. ส.ว. คณะรัฐมนตรี และผู้ที่มีส่วนในการใช้อำนาจรัฐอื่นๆ รวมแล้วไม่เกิน 1,000 คน ทั้งนี้เพื่อช่วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เคลียร์คดีที่ค้างคาอยู่ หากตรวจสอบคนเหล่านี้ได้ ก็คิดว่าต่อไปเราจะได้คนดีมาบริหารบ้านเมือง และหากประชาชนสามารถตรวจสอบนักการเมืองระดับชาติได้อย่างจริงจัง ต่อไปประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ จะสามารถตรวจสอบผู้บริหารท้องถิ่นของตัวเองได้ เพราะผู้บริหารท้องถิ่นเหล่านี้ ก็มีส่วนในการใช้อำนาจรัฐและใช้งบประมาณเช่นกัน ซึ่งการตรวจสอบจะกระจายไปทุกพื้นที่ ที่จะเกิดการควบคุมซึ่งกันและกัน เพราะโมเดลตรงนี้จะถูกทำเป็นซอฟต์แวร์ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้และข้อมูลทุกอย่างจะต้องเปิดเผยอย่างโปร่งใส
ส.ว.สรรหา กล่าวอีกว่า โมเดลนี้ยังกำหนดให้ต้องแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินทุกปีระหว่างการดำรงตำแหน่ง โดยต้องยื่นพร้อมพร้อมเอกสารประกอบ ซึ่งเป็นสำเนาหลักฐานที่พิสูจน์ความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สิน รวมทั้งสำเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทุกรอบปีภายใน 30 วัน นับแต่วันครบรอบแต่ละปี ไม่ใช่ตรวจเฉพาะหลังเข้ารับตำแหน่ง และหลังพ้นจากตำแหน่งเท่านั้น เพื่อควบคุมความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินให้เป็นไปโดยชอบ และป้องกันการทุจริตในระหว่างการดำรงตำแหน่ง และต้องตรวจสอบการมีอยู่จริงของทรัพย์ย้อนหลัวไป 2 ปีด้วย โดยดูว่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นตรงกับแบบภาษีหรือไม่ ถ้าไม่ตรงกันถือว่า เป็นการได้ทรัพย์มาโดยมิชอบ และถ้าผิดจริงต้องถูกยึดทรัพย์
นอกจากนี้ โมเดลนี้จะตรวจสอบแค่ ส.ส. ส.ว. คณะรัฐมนตรี และผู้ที่มีส่วนในการใช้อำนาจรัฐอื่นๆ รวมแล้วไม่เกิน 1,000 คน ทั้งนี้เพื่อช่วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เคลียร์คดีที่ค้างคาอยู่ หากตรวจสอบคนเหล่านี้ได้ ก็คิดว่าต่อไปเราจะได้คนดีมาบริหารบ้านเมือง และหากประชาชนสามารถตรวจสอบนักการเมืองระดับชาติได้อย่างจริงจัง ต่อไปประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ จะสามารถตรวจสอบผู้บริหารท้องถิ่นของตัวเองได้ เพราะผู้บริหารท้องถิ่นเหล่านี้ ก็มีส่วนในการใช้อำนาจรัฐและใช้งบประมาณเช่นกัน ซึ่งการตรวจสอบจะกระจายไปทุกพื้นที่ ที่จะเกิดการควบคุมซึ่งกันและกัน เพราะโมเดลตรงนี้จะถูกทำเป็นซอฟต์แวร์ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้และข้อมูลทุกอย่างจะต้องเปิดเผยอย่างโปร่งใส