อนุกรรมการ กกต.เรียกผู้ร้อง “สมชาย” ถือหุ้นบริษัทคู่สัญญาสัมปทานของรัฐสอบเพิ่ม คาดสรุปสำนวนชงที่ประชุมพิจารณาทันสัปดาห์หน้า ด้านผู้ร้องมั่นใจนายกฯ จำนนต่อพยานหลักฐาน ตกจากเก้าอี้แน่นอน
วันนี้ (12 พ.ย.) ที่อาคารศรีจุลทรัพย์ นายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ พร้อมด้วย นายวัลลภ จันดาเป้า นักวิชาการอิสระภาคเกษตร ได้เดินทางมาชี้แจงเพิ่มเติมต่อคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของ กกต. กรณีที่ร้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ถือหุ้นในบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานของรัฐ ทำให้คุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 265, 267 และ มาตรา 106 (6) อันเป็นเหตุให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ตามมาตรา 171 วรรค 2 ประกอบมาตรา 48 โดยใช้เวลาในการชี้แจงนานกว่า 3 ชั่วโมง
นายสมคิด กล่าวภายหลังการชี้แจงว่า วันนี้ตนได้นำเอกสารทางราชการที่ระบุชัดเจนว่านายสมชายนั้นถือหุ้นอยู่ในบริษัท และเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐอย่างชัดเจน อีกทั้งกรณีดังกล่าวชัดเจนกว่ากรณีของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี จึงไม่ต้องส่งให้องค์กรใดตีความเรื่องคุณสมบัติอย่างแน่นอน
ส่วนอนุกรรมการชุดดังกล่าวจะเรียกนายสมชายมาชี้แจงหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่อาจจะไม่เรียกมาชี้แจง เพราะสำนวนดังกล่าวนั้นมีความสมบูรณ์ชัดเจน และเท่าที่ทราบที่ผ่านมานั้น ทางอนุกรรมการได้เรียกเอกสารจากหน่วยงานของรัฐที่เป็นคู่สัญญากับบริษัทที่นายสมชายถือหุ้นอยู่มารวมไว้ในสำนวนเรียนร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าอนุกรรมการชุดดังกล่าวน่าจะสรุปสำนวนดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ กกต.ในสัปดาห์หน้า
“ผมเชื่อว่าอนุกรรมการคงไม่ขยายเวลาสอบสวนออกไปอีกแล้ว เพราะที่ผ่านมานั้นใช้เวลาในการดำเนินการสอบสวนไปกว่า 45 วัน และเท่าที่สอบถาม หลักฐานที่อนุกรรมการรวบรวมนั้นก็ครบถ้วนสมบูรณ์ ประกอบกับหลักฐานที่ผมนำมาให้เพิ่มเติมนั้นก็เป็นปัจจุบันที่สุด และเอกสารยังระบุชื่อนายสมชายว่าถือหุ้นอยู่ อีกทั้งสำนวนทั้งหมดนั้นจะไปรวมกับสำนวนของคำร้องของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.แบบสรรหา จึงน่าจะสมบูรณ์ชัดเจน” นายสมคิด กล่าว