“ณัฐวุฒิ” เหิมหนักกล่าวหา “สุรยุทธ์” เตี๊ยมข้อมูล “ปีย์-จรัญ” พูดให้เหมือนกัน ทำซ่าประกาศปิดทำเนียบไม่ให้ครม.เข้าประชุม พร้อมปราศรัยบุกระดมมวลชนร่วมชุมนุม อ้างเตรียมแฉคลิปปฏิวัติภาคสองต่อ มุ่งหวังขับไล่ “ป๋าเปรม-อภิสิทธิ์” ขณะที่ตำรวจ-ทหารคุมเข้มรอบทำเนียบและบริเวณบ้านสี่เสาเทเวศร์ แต่เจอ “ม็อบแดงถ่อย” สกัดทางไม่ให้ผลัดเปลี่ยนกำลังเข้าออกทำเนียบ
วันนี้ (29 มี.ค.) นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.)แถลงถึงท่าที่บุคคลที่ถูกพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯพาดพิงถึง ว่า ทุกคนที่ถูกพาดพิง ล้วนปฎิเสธ แต่มีข้อสังเกตในการปฎิเสธ นั้น 2-3 ประการ คือ ประการแรกชื่อบุคคลชุดแรกที่พ.ต.ท.ทักษิณ เอ่ยถึงจากจ.เชียงใหม่มีพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี คนหนึ่งและมีบุคคลในแวดวงตุลาการระดับสำคัญ 3-4 คน ปรากฏ ว่า ผู้สื่อข่าวไปสอบถามพล.อ.สุรยุทธ์ ในเวลาใกล้เคียงกับที่ไปถามนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก่อนที่พล.อ.สุรยุทธ์ จะแถลงข่าวเรื่องนี้ นายจรัญไม่กล้าพูดเรื่องนี้ไม่กล้าอธิบายข้อเท็จจริง ซึ่งถ้าเป็นความเท็จโดยสิ้นเชิง เชื่อว่าคนอย่างนายจรัญ คงไม่ปล่อยเอาไว้ แต่ในวันนั้นเพียงบอกว่าต้องปรึกษาผู้ใหญ่ก่อนว่าจะชี้แจงอย่างไร
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า แต่หลังจากที่พล.อ.สุรยุทธ์ แถลงข่าวปฎิเสธที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวานนี้ ก็ได้ข่าวว่านายจรัญก็ปฎิเสธชัดเจนขึ้น แล้ววิธีการปฎิเสธก็ไปในแนวทางเดียวกับพล.อ.สุรยุทธ์ นั่นหมายความ ว่าถ้าให้พูดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย มีการกังวลว่าข้อมูลที่ชี้แจงอาจแตกต่างกัน ใช่หรือไม่ คือถ้าข้อเท็จจริงนี้มีข้อเท็จจริงเดียวเรื่องนี้เรื่องใหญ่ การไปปรึกษาหารือประชุมกันเพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มาโดยระบอบประชาธิปไตย เข้าข่ายความผิดฐานกบฏในราชอาณาจักร เพราะฉะนั้นเมื่อบุคคลระดับองคมนตรี หรือบุคคลระดับผู้ใหญ่ในแวดวงตุลาการ ถูกกล่าวหา อันอาจจะพาดพิงเกี่ยวพันถึงข้อหาดังกล่าวถือเป็นเรื่องฉกาจฉกรรจ์ แต่คนอย่างนายจรัญ กลับไม่ตัดสินใจจะชี้แจงในทันที รอจนมีคำชี้แจงของพล.อ.สุรยุทธ์ จึงมีข้อสังเกตได้ว่าถ้าชี้แจงต่างคนต่างพูดมันจะไม่ตรงกันใช่หรือไม่
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ประการที่ 2 ไม่อยากให้พล.อ.สุรยทธ์ คิดว่าตัวเองมีต้นทุนส่วนตัวหรือมีความน่าเชื่อถือส่วนตัวเพียงพอที่จะทำให้ประชาชนเชื่อ เพราะท่าทีดูเหมือนจะมั่นใจว่าสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาพูด รวมทั้งสิ่งที่พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ.กอ.รมน.พูดหรือแม้กระทั้งนายสนธิ ลิ้มทองกุล พูด จะดูเหมือนมั่นใจว่าข้อมูลจากคนเหล่านั้น จะมีน้ำหนักความน่าเชื่อถือไม่เท่าสิ่งที่พูดออกมาจากปากของพล.อ.สุรยุทธ์ จึงอยากให้พล.อ.สุรยุทธ์ ได้ทบทวน และอยากให้สังคมไทยได้ใช้สติในการพิจารณาที่จะกำหนดความน่าเชื่อถือตัวของบุคคลโดยเทียบเคียงกับข้อเท็จจริงในอดีตที่ผ่านมา
“พล.อ.สุรยทธ์ไม่เหลือต้นทุนความน่าเชื่อถือแล้ว เพราะพฤติกรรม ที่ผ่านมามันฟ้อง เช่นเป็นประธานชมรมที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติในพื้นที่เขาใหญ่ แต่ในขณะที่เป็นประธานชมรมนี้ก็บุกรุกและครอบครองที่ดินบนยอดเขายายเที่ยง ซึ่งคนที่อยู่ชั้นล่างถูกจำคุกในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน แต่ คนที่เป็นประธานฯครอบครองที่ดินเขายายเที่ยงมันสะท้อนชัดว่า ในการดำเนินชีวิตของพล.อ.สุรยุทธ คือพูดอย่างหนึ่ง แสดงอย่างหนึ่งแต่ทำอีกอย่างหนึ่งอย่างนี้จะมีผลต่อต้นทุนของพล.อ.สุรยุทธ์หรือไม่” นายณัฐวุฒิ กล่าว
ส่วนการชี้แจงสาเหตุความขัดแย้งระหว่างกันพล.อ.สุรยุทธ์และสาเหตุสำคัญที่พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องโยกย้ายพล.อ.สุรยุทธ จากตำแหน่งผบ.ทบ.เป็นผบ.สส. คือการเคลื่อนกำลังไปปะทะกับประเทศเพื่อนบ้านจนเกิดการบาดเจ็บล้มตายหลายร้อยนาย ซึ่งเมื่อวานพล.อ.สุรยทธ์ ชี้แจงเรื่องนี้ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะสิ่งที่ทำคือการเคลื่อนกำลังไปฝึกแล้วได้รับการอนุมัติจากพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รมว.กลาโหมในขณะนั้น เพราะฉะนั้นต้องถามพล.อ.สุรยุทธ์ ว่าจำเหตุการณ์พวกนี้ได้หรือไม่ว่า เหตุการณ์ที่พูดกันเป็นเหตุการณ์ที่พล.อ.สุรยุทธ์ อ้างเหตุว่า มีทหารของว้ายิงทหารของไทยตายเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2545 พอไปอ้างเหตุอย่างนี้ ก็ได้ดำเนินการต่อไปนี้ คือ 31 มี.ค. ก็ให้นายทหารฝ่ายเสธของผบ.ทบ.คนหนึ่งเข้าพบพล.ท.อุดมชัย องคสิงห์ แม่ทัพภาคที่ 3 ที่มณฑลทหารบก 33 จ.เชียงใหม่แล้วระบุว่า ผบ.ทบ.มีคำสั่งให้ทำแผนเพื่อเข้าตีกำลังทหารว้า โดยอ้างว่า นายกฯและรมว.กลาโหม เห็นชอบ
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า และในที่ประชุมพล.อ.สุรยุทธ์ บอกว่า ปฎิบัติการนี้พ.ต.ท.ทักษิณเห็นชอบทั้งที่พ.ต.ท.ทักษิณไม่ทราบเรื่อง จนเมื่อวันที่ 20 พ.ค. พล.อ.สุรยุทธ์ ได้สั่งปฎิบัติการจนเกิดการบาดเจ็บตายกว่า 300 นาย จากนั้นเมื่อพ.ต.ท.ทักษิณทราบเรื่องก็ได้สั่งระงับแล้วเรียกแม่ทัพภาค 3 ให้ยุติภารกิจ ถามว่าจำได้หรือไม่ จริงหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่าพล.อ.สุรยุทธ์ พูดอย่างหนึ่งทำอีกอย่างหนึ่งเรื่อยมา แล้วแบบนี้ยังมั่นใจว่ามีต้นทุนความเชื่อถือเพียงพอที่จะมาใช้กับสังคมไทยอีกหรือ และยังไม่เทียบเคียงกับที่นายสนธิพูดในคลิปวิดีโอว่า บอกเขาว่าเป็นนายกฯจะให้ทีวี 1 ช่องแล้วพอได้เป็นก็ไม่ให้
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้สำหรับคนเสื้อแดงถือว่าได้ข้อยุติแล้ว เพราะเราไม่อาจรับฟังและเชื่อถือคำชี้แจงของพล.อ.สุรยุทธ์ ได้ เพราะถือว่าข้อมูลได้ข้อยุติเพราะเป็นการไหลเข้ามาจากข้อมูลหลายสาย แล้วมีความตรงกันจนสรุปได้เป็นข้อเท็จจริงเดียว เพราะฉะนั้นคนเสื้อแดงยังคงยืนยันที่ขับไล่รัฐบาลชุดนี้พร้อมโค่นอำนาจของระบอบอำมาตยาธิปไตยพร้อมกับการเปิดแนวรบโดยมวลชนซึ่งหน้ากับองคมนตรีบางคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเข้ามาแทรกแซงทางการเมือง คำว่าเปิดแนวรบทางมวลชนไม่ใช่ใช้ความรุนแรง แต่จะมีการเคลื่อนไหวทางมวลชนเชิงข้อมูลข้อเท็จจริงโดยพุ่งเป้าไปที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันองคมนตรีและขอเรียนไว้ก่อนว่า คงไม่มีใครพยายามเชื่อมโยงความเคลื่อนไหวของเราไปถึงสถาบันเบื้องสูงเพราะไม่มีเจตานาและความพยายามเช่นนั้นมาตั้งแต่ต้น
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ได้รับการประสานจากตำรวจว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจะสลายการชุมนุมช่วงเย็นนี้ใช่หรือไม่ว่า ขอยืนยันว่าไม่ จะไม่มีการประกาศสลายการชุมนุม หรือยกเลิกการชุมนุมในวันนี้พรุ่งนี้ มะรืนนี้อย่างแน่นอน การชุมนุมของคนเสื้อแดงจะยังคงเดินต่อไปส่วนจะถึงเมื่อไหร่คงยังไม่สามารถสรุปได้ในวันนี้แต่ว่า ที่บอกว่าจะมาอยู่ 3-4 วัน ไม่ทราบว่าเป็นข้อมูลการข่าวจากไหน แต่ยืนยันว่าไม่ใช่แผนการหรือข้อสรุปร่วมกันของคนเสื้อแดง และยืนยันว่าจะดูแลระมัด ระวังและอำนวยความสะดวกการจัดงานกาชาดเป็นอย่างดี ยืนยันว่าจะไม่มีปัญหาระหว่างกันและประสานงานใกล้ชิดกับตำรวจ เพื่อให้ทั้งสองกิจกรรม ดำเนินได้พร้อมกันโดยไม่กระทบกระทั้งหรือสร้างความยากลำบากระหว่างกัน ทั้งนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อประสานจากเจ้าหน้าที่ว่าจะใช้เส้นทางเสด็จ อย่างไรก็ตามไม่ขัดข้องพร้อมให้ความร่วมมือตำรวจตลอด และไม่ไปเคลื่อนไหวในวันที่ 21 แกนนำพันธมิตรฯจะไปมอบตัวที่สโมสรตำรวจ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กรณีนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ก็เป็นอีกคนที่ยืนฝ่ายเดียวกับพล.อ.สุรยุทธ์ หรือฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณ หรือรัฐบาลของสมัคร สุนทรเวชและนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เสมอ นายปีย์ เป็นคนเดียวกับที่นายสมัครเรียกสมญาว่า ไอ้หัวเถิก ดังนั้นจึงไม่ผิดความคาดหมายที่นายปีย์จะต้องพูดแบบนี้ ยืนยันข้อมูลให้พลอ.สุรยุทธ์ เพราะเป็นพวกเดียวกัน แต่น่าแปลกใจที่นายสนธิที่เป็นพวกเดียวกัน กลับพูดในข้อเท็จจริงเดียวกันกับพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งสิ่งที่น่าคิดอยู่ตรงนี้ ตนกับพ.ต.ท.ทักษิณ พูดตรงกันไม่แปลก นายปีย์พูดตรงกับพล.อ.สุรยุทธ์ไม่แปลก พล.อ.พัลลภ บินไปหาพ.ต.ท.ทักษิณ อาจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ไม่คิดว่าแปลกบ้างหรือที่นายสนธิกับพ.ต.ท.ทักษิณ พูดเรื่องนี้ตรงกัน
ส่วนการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะมาประชุมครม. ที่ทำเนียบฯในวันอังคาร นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า คนเสื้อแดงยืนยันว่า มาขับไล่หมายความว่าถ้าเห็นก็ขับไล่ เพราะฉะนั้นถ้านายกฯจะเข้าประชุมคนเสื้อแดงก็จะขับไล่ เช่นเดียวกับรัฐมนตรีคนอื่นด้วย เพราะเรามาขับไล่รัฐบาล เดินเท้าเข้ามาก็ขับไล่ เราไม่ได้มาต้อนรับ ไม่ว่าจะมาด้วยวิธีใด เราจะสงวนสิทธิ์ในการขับไล่ทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนเรื่องที่เสื้อแดงหยิบมาเป็นประเด็นจะเป็นเรื่องที่มาของรัฐบาล จะทำให้ขับไล่ได้หรือ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นี่เป็นน้ำหนักมากที่สุดถ้ามาโดยไม่ถูกต้องชอบธรรม จะอยู่ในตำแหน่งหรือทำงานต่อไปได้อย่างไร ถ้าเป็นพระที่บวชไม่ถูกต้องต้องจับสึก ข้าราชการที่สอบเข้าบรรจุไม่ถูกต้องก็ต้องปลดออก นักเรียนระดับป.ตรี ป.โท ถ้าจบม.6 มาไม่ถูกต้องก็ต้องถอนวุฒิการศึกษา หลักการเดียวกันเมื่อรัฐบาลมีที่มาไม่ชอบตามระบอบประชาธิปไตย เราจะปล่อยให้รัฐบาลชุดนี้ทำงานต่อไปได้ยังไง ถ้าไม่อย่างนั้นสังคมนี้ต่อไปใครจะทำอะไรก็ได้ โดยอ้างว่าเมื่อตัวเองเข้ามาอยู่แล้ว มีความชอบธรรมที่จะอยู่ต่อไป คือแอบปีนเข้ามาบ้านเขาแล้วเจ้าของบ้านเขาเห็นแล้วจะไม่ยอมให้เขาไล่ มันเป็นไปไม่ได้
นายณัฐวุฒิ ยืนยันอีกครั้งว่า ไม่มีการสั่งการจากพ.ต.ท.ทักษิณว่าให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ โดยเมื่อคืนหลังจากพ.ต.ท.ทักษิณ วิดิโอลิงค์เสร็จก็โทรมาหาตนบนเวที ถามว่าบรรยากาศเป็นอย่างไร ก็ยังถามอีกว่าพรุ่งนี้พวกเราจะทำอะไร นี่คือความจริง แม้ตนอาจไม่มีต้นทุนความน่าเชื่อถือเหมือนพล.อ.สุรยุทธ์ แต่มีความชัดเจนว่า จริงก็ไม่โกหก พ.ต.ท.ทักษิณเป็นห่วงเรื่องร้อน เห็นใจประชาชน ถามทุกวันคือ ร้อนมาไหม ประชาชนเขาลำบากมากไหม อยู่กินกันอย่างไร และความปลอดภัยว่าจะมีแทรกซึมหรือไม่ สร้างสถานการณ์หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน เพราะไม่ต้องการให้ยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านใช่หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่ได้คิดว่าการกระทำตรงนี้จะมีผลกับทรัพย์สิน 7.6 หมื่นล้าน เพราะส่วนตัวมั่นใจว่า รัฐบาลนี้หรือชุดไหนก็ตามไม่ความชอบธรรมหรืออำนาจจะยึดทรัพย์ก้อนนั้นของพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่แล้ว เพราะมันเป็นทรัพย์สินที่มีมาก่อนจากการทำธุรกิจ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่คนที่มีเงินพันล้านมาเป็นนายกฯ แล้วมีเงิน 7.6 หมื่นล้าน แต่เป็นคนมีเงินมีฐานะระดับหมื่นแสนล้านคนรู้ทั้งโลก ถ้ายึดได้จริงคงยึดได้ตั้งแต่รัฐบาลคมช.
ส่วนกลุ่มเพื่อนเนวินไม่น่าจะออกมาวิจารณ์อะไรมาก เพราะวิธีการของเรากับความเคลื่อนไหวเมื่อครั้งกลุ่มเพื่อนเนวินอยู่กับพ.ต.ท.ทักษิณ มีความแตกต่างกันหลายอย่างโดยเฉพาะ การจัดการ เรื่องงบประมาณในการเคลื่อนไหว เราเคลื่อนไหวโดยกำลังประชาชน ประชาชนมาไม่มีค่าตอบแทน มาบริจาคต่อสู้กันเอง ส่วนคนอื่นเป็นอย่างไรไม่ทราบ ซึ่งกลุ่มเพื่อนเนวินจะเป็นรัฐบาลจะใหญ่ในกระทรวงไหนก็อยู่ไปเถอะ ไม่มีความจำเป็นต้องมากระทบกระทั้งอะไรกับคนเสื้อแดงเพราะว่า ถ้ากระทบกระทั้งก็ต้องชนกันไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีใครต้องกลัวกันเราใกล้ชิดสนิทและรักกันแต่ไม่ได้หมายความว่าต้องกลัวกัน
ทั้งนี้ สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของ นปช.ยังคงปักหลักชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยจากทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการผลัดเปลี่ยนกำลัง และได้นำกำลังตำรวจหญิงจากกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนเข้ามาตรึงกำลังภายในทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายทหารซึ่งตรึงกำลังอยู่ภายในทำเนียบรัฐบาลจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถผลัดเปลี่ยนกำลังได้ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยินยอมให้ทหารเข้าออกพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทหารมีกำหนดผลัดเปลี่ยนกำลังตั้งแต่เวลา 24.00 น.จึงได้มีการนำเสื้อลำลองมาแจกจ่ายให้กับกำลังในทำเนียบรัฐบาลอีกคนละ 2 ชุด
ขณะที่บนเวทีปราศรัย นอกจากนายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงจะขึ้นเวทีปลุกใจประชาชนให้ออกมาร่วมชุมนุมแล้วก็มีเพียงแนวร่วมกลุ่มเสื้อแดงที่สลับกันขึ้นเวทีปราศรัย โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ยังคงเป็นการโจมตีองคมนตรีและรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สลับการแสดงดนตรี
ส่วนบริเวณหน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ยังคงมีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจวางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด พร้อมมีการนำแผงเหล็กมากั้นไว้อย่างหนาแน่นโดยรอบบริเวณ ภายหลังจากกลุ่ม นปช.เข้าปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลเป็นวันที่ 4 แล้ว และประกาศปลุกระดมมวลชจะไปปิดล้อมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์
ขณะเดียวกัน ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจากนครบาล ประชุมติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.โดยจะประเมินสถานการณ์ทุกชั่วโมง