“มาลีรัตน์” ชี้ชัดเจตนา “นช.แม้ว” โฟนอินจงใจหมิ่น “เบื้องสูง” โดยใช้รหัสตัวเลขแทนพาดพิง แต่กลับลำป้ายผิด “ป๋าเปรม” เป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ สวดยับ “ทักษิณ” ฟั่นเฟือนหลังอ้างทั่วโลกไม่ยอมรับ “ศาลปกครอง” สลด “สภาไทย” สุดอัปยศ เหตุ ส.ส.ในสภาให้ของลับกันวุ่น
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นางมาลีรัตน์ แก้วก่า ปราศรัย
วานนี้ (27 มี.ค.) นางมาลีรัตน์ แก้วก่า แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรุ่น 2 กล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า พ.ต..ทักษิณ ชินวัตร และพวกพ้อง ก่อกวนปั่นป่วนทุกรูปแบบ โดยประโยคแรกที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แฉนั้น หลุดคำแรกออกมาว่า ผู้มีพระบารมี นั่นหมายถึงเจตนาที่บ่งออกมาจากใต้สำนึก ซึ่งหมายถึงใครคงไม่ต้องไปขยายความ เพราะรู้อยู่แก่ใจ แต่ตอนหลังกลับมาระบุว่า ผู้มีบารมีนอกเหนือรัฐธรรมนูญว่าหมายถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ จากนั้นได้เรียกร้องให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ออกมาสมัครรับเลือกตั้ง แต่ท้ายที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณ ขอโทษขอโพย พล.อ.เปรม และ พล.อ.สุรยุทธ์ ทั้งๆ ที่ด่าเขามากว่าร่วมครึ่งชั่วโมง
“ประโยคหนึ่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่น่าสนใจคือ วันนี้ที่เขามาพูดเพื่อแก้ปัญหาของประเทศ แต่เริ่มต้นเขาพูดถึงประเทศญี่ปุ่นที่ไปลงทุนในประเทศเวียดนาม แต่เมืองไทยเสียโอกาสเพราะเรามัวแต่ทะเลาะกัน จน คมช.ยึดอำนาจ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ มาถึง 6 ปี แล้วถามว่าเวลานั้นไปทำอะไรอยู่ ถึงทำให้เวียดนามชิงญี่ปุ่นไปลงทุน ทำไมไม่ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาเสียบ้าง”นางมาลีรัตน์ กล่าว
นางมาลีรัตน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังระบุว่า ขอให้หยุด เพื่อมาเริ่มต้นกันใหม่ โดยเรียกร้องให้ กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน และ ส.ส.พลังประชาชน ให้ลุกไปขึ้นเวทีเสื้อแดงได้แล้ว อย่าเหนียมอาย ซึ่งตนเห็นว่า คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไปกลับมา และคาดว่าคงจะโฟนอิน และบงการกลุ่มเสื้อแดง โดยจะโทรศัพท์ไปสั่งการแกนนำเสื้อแดงไปเรื่อยๆ
“เด็กๆ ที่ดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อครั้งที่ผ่านมา เขาบอกว่า เคยได้ยินแต่คนเรียกรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปะอาชา ว่า เป็นรัฐบาลอัปยศ เพราะนายบรรหาร ชิงปิดสภาโดยไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่มาถึงยุคนี้ ไม่เคยเห็นครั้งใดที่สภาจะตกต่ำจนไม่รู้ว่าจะเรียกว่า สภาผู้ทรงเกียรติได้หรือไม่ เพราะ 1.ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องที่หน่อมแน้มที่สุด ส่วนเรื่องที่น่าจะมีสาระบ้าง บ้างอาจจะเป็นเรื่องเงินบริจาค 258 ล้าน ของพรรคประชาธิปัตย์ 2.ผู้อภิปรายใช้วาจาที่หยาบคายอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย”นางมาลีรัตน์ ระบุ
แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 ยังกล่าวถึงการอภิปรายของ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ว่า การที่ ร.ต.ท.เชาวริน อภิปรายโดยเอารูปที่ไม่สมควรเข้ามาเปิดเผยในสภานั้น ถือว่าไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญคือ กรณีที่มี ส.ส.ให้ของลับกันในสภา ถือว่าสภาไทยสมควรจะวางหรีดได้แล้ว ถามว่ามี ส.ส. หรือ มี ส.ว.ดีๆ หรือไม่ คำตอบคือมี แต่เมื่อคนดีๆ เหล่านั้นไปเกลือกกลั้วกับสิ่งเลวๆ ก็เหมือนกับได้ซึมซับสิ่งไม่ดีเหล่านั้นเข้าไป ฉะนั้นตนจึงอยากให้แยกออกไป และนี่คือความตกต่ำที่สุดของสภาไทย
“ส่วนฉายาที่นักข่าวจะตั้งให้กับสภาในทุกๆ ปีนั้น ดิฉันคาดว่าในปี 2552 นี้ นักข่าวคงจะตั้งฉายาให้ว่า สภาของลับ ก็อาจจะเป็นไปได้ ที่สำคัญ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักโทษ ทำให้วันนี้เขาเอาแต่โทษผู้หลักผู้ใหญ่ และพันธมิตรฯ อีกทั้งยังโทษการปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 แต่มาวันนี้โทษองค์กรอิสระรายตัว โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ และศาลแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดย พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่า ทั่วโลกเขาไม่ยอมรับแล้ว แสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สติฟั่นเฟือน เพราะศาลปกครองที่เขาอ้างว่าผิดนั้น เขายังใช้กันอยู่ทั่วโลก”แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 กล่าว
นางมาลีรัตน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้การอภิปรายในสภายังมีการกล่าวโทษ ป.ป.ช. โดยระบุว่า ป.ป.ช. เหมือนกับ ปชป. รวมทั้งยังไปโทษ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. สรุปแล้วเขาด่าไปหมด ที่สำคัญตนเสียดายที่นายพีระพันธุ์ เสนอญัตติ พ.ร.บ.ความปรองดองแห่งชาติ ซึ่งอุบาทว์ที่สุด เนื่องจากเขาขอนิรโทษกรรมไปจนถึงวันที่ 2 พ.ค.2552 นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวหาพันธมิตรฯ ว่าเป็นม็อบมีเส้น และเอเอสทีวี ศาลปกครองก็คุ้มครองมาจนถึงทุกวันนี้ แถมยังพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูงโดยใช้รหัสตัวเลขที่สำคัญเขายังอ้างว่า ให้ภรรยาไปซื้อหนี้เสีย กลับต้องโทษติดคุก 2 ปี และกรณีการบุรุกเขายายเที่ยง กลับไม่ถูกดำเนินคดี
“วันนี้พี่น้องพันธมิตรฯ เราหยุดไม่ได้ จะต้องเดินหน้าไปด้วยกัน โดยมีการจัดเวทีเสวนาไปในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะเยาวชน เราต้องให้เขาตื่นรู้ ที่น่าปลื้มใจก็คือ เยาวชนในอเมริกา เขามีความประสงค์ที่จะเข้าร่วมกับเยาวชนซึ่งเป็นพันธมิตรฯ ในประเทศไทย”นางมาลีรัตน์ ระบุ
แกนนำพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลแจกเงิน 2 พันบาทว่า 2 การแจกเช็ค 2 พันบาทเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา เราจะเห็นระบบการจัดการที่ไม่ดี เพราะเหมือนงานเทกระจาด และการที่รัฐบาลทำเช่นนั้นตนเห็นด้วย แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะถือว่าไม่ใช่การแก้ปัญหาทั้งระบบ ซึ่งยังรับผิดชอบ และบริหารไม่ได้เต็มที่ ฉะนั้นต้องไปดูว่ามีการซ่อนอะไรเอาไว้ในสำนักงานประกันสังคมหรือไม่ ที่ระบุเช่นนี้ไม่ใช่ว่าโดยส่วนตัวแล้วมีปัญหาอะไรกับสำนักงานประกันสังคม แต่อยากจะถามว่าหากมีการจัดการที่ดี และตรียมการดีๆ แล้วคอมพิวเตอร์จะเสียหรือไม่ ดังนั้นจึงไม่อะไรที่จะแก้ตัวได้ มีแต่ต้องขอโทษประชาชนเท่านั้นที่จะทำได้