“อภิสิทธิ์” หอบกุหลาบแดงช่อใหญ่ เชิญ “เติ้ง” ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ยอมีประสบการณ์สูงอยากได้คำแนะนำ ด้าน “บรรหาร” รับสภาพเป็นแค่ “มังกือ” ถูกเด็ดหัวเด็ดหาง ชี้หมดยุคคนรุ่นตัวเองแล้ว ถึงเวลาของคนรุ่นใหม่ วอนทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ฝ่ายไหนรวมเสียงข้างมากได้ ต้องยอมรับ
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 8 ธ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหนาพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วย สมาชิกพรรคกว่า 40 คนเข้าพบ นายบรรหาร ศิลปะอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติ ที่บ้านพัก ซ.จรัญสนิทวงศ์ 55 เพื่อส่งเทียบเชิญร่วมจัดตั้งรัฐบาล พร้อมมอบดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ สั่งตรงจากประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเดินทางมาพบครั้งนี้หลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประสานไว้เรียบร้อยแล้ว และทราบว่านายบรรหารให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งในฐานะที่นายบรรหารเป็นผู้มีประสบการณ์มายาวนาน น่าจะให้คำปรึกษาที่มีประโยชน์ต่อประเทศ ต่อไป
ด้านนายบรรหารกล่าวตอบว่า พร้อมที่จะให้คำแนะนำ เพราะทุกพรรคก็มีส่วนร่วมในการที่จะแก้ไขปัญหาให้กับชาติบ้านเมือง ส่วนตัวไม่ขัดข้องแต่อย่างใด
นายบรรหารกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ไม่มีอะไร นายอภิสิทธิ์ และคณะมาเยี่ยมในฐานะที่รู้จักชอบพอกันมาก่อน เพื่อมาคุยเรื่องการเมือง แต่หน้าที่สนับสนุนเป็นของรุ่นน้อง นายอภิสิทธิ์ก็มาคาราวะ ว่ามีช่องทางให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจหรือไม่ กับการแก้ไขปัญหาของชาติว่าต่อไปจะทำอย่างไร
เมื่อถามว่าในฐานะอดีตนายกฯ จะให้คำแนะนำอย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่า เป็นเพียงการหารือเฉยๆ ว่าประเทศชาติมีปันหาเราจะมีทางออกอย่างไร เพื่อหารือกันให้บ้านเมืองมีทางออก ไม่ได้มีการเทียบเชิญแต่อย่างใด ตนในฐานะที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปีจึงไม่ขอออกความเห็นแต่อย่างใด
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นมังกรทางการเมือง มองแววความเป็นนายกฯ ของนายอภิสิทธิ์ อย่างไร นายบรรหารกล่าวว่า”ผมไม่ได้เป็นมังกรการเมืองแล้ว ตอนนี้ผมเป็นแค่มังกือการเมือง เพราะมังกรถูกเด็ดหัวเด็ดหางไปเรียบร้อยแล้ว”
นายบรรหารกล่าวว่า แต่หากจะมองในแง่ส่วนตัวนักการเมืองรุ่นตนได้หมดสมัยไปแล้ว โอกาสคงจะเป็นแค่ที่ปรึกษา การเมืองสมัยใหม่ต้องการคนหนุ่ม ไฟแรง มีความรู้ความสามารถ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ถ้อยทีถ้อยอาศัย มีความอดทน ขยัน ใครอยู่ในแนวทางนี้ก็สามารถเป็นนายกฯ ได้
เมื่อถามว่า นายอภิสิทธิ์ มีแววตามที่พูดได้หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ก็ดูสิ ถ้ามีแววตามที่กล่าวมาก็เป็นได้ ไม่อยากฟันธง ตนเป็นนักการเมืองไปหนุนใครไม่ได้ เพราะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง อย่างไรก็ตามขณะนี้บ้านเมืองเกิดวิกฤตทุกฝ่ายน่าจะหันหน้าเข้าหากัน พูดจากัน ไม่ควรถือฝักถือฝ่าย หากสามารถปองดองกันได้ ก็เป็นเรื่องที่ดี ขอแนะนำว่า ให้เอาเหมือนประเทศอเมริกา เหมือนโอบามาชนะ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ก็โทรศัพท์ไปยินดี
เมื่อถามว่า บ้านเมืองผ่านวิกฤตมาแล้วควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี นาบรรหาร กล่าวว่า ขณะนี้มีพรรคการเมือง 2 พรรคใหญ่ ฝ่ายไหนมีโอกาสก็ต้องแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน โทรศัพท์ไปหาก็ได้ เหมือนเมื่อปี 38 -39 ตนได้มีโอกาสส้มหล่นเป็นนายกฯ นายชวน หลีกภัย โทรศัพท์จากตรังมาแสดงความยินดีด้วย นี่คือสปิริตของนักการเมือง เมื่อการเมืองมาถึงจุดนี้จึงอยากให้นักการเมืองได้ร่วมมือกันและช่วยทำงานในสภา เพราะขณะนี้ภาคเศรษฐกิจแย่ จึงต้องหันหน้ามาช่วยกัน เพราะปัญหาบ้านเมืองอยู่ที่เสื้อเหลือง เสื้อแดง ดังนั้นเมื่อนักการเมืองคุยกันทุกอย่างน่าจะดี หากฝ่ายไหนได้เสียงข้างมาก อีกฝ่ายต้องยอมรับ ซึ่งขณะนี้ภาคเศรษฐกิจก็ยอมรับพรรคประชาธิปัตย์ จึงอยากให้ทุกพรรคการเมืองได้ให้โอกาสพรรคที่มีโอกาส แต่ยืนยันว่าการมาหารือครั้งนี้ไม่ได้มาเชิญ แต่มาคุยกัน คิดถึงกัน ไม่ได้คุยกันนาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าแกนนำทั้งสองพรรคได้ใช้เวลาในการหารือนายร่วม 20 นาที โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวภายหลังว่า นายบรรหารให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจตรงกันและมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน จึงว่าการประชุมสภาในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะเป็นทางออกแก้วิกฤติของประเทศได้
ผู้สื่อข่าวรายว่าจากนั้น นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยนายสุเทพ และแกนนำพรรคได้เดินทางไปพบนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมาธิปไตย ที่บ้านพักย่านสนามบินน้ำ