xs
xsm
sm
md
lg

“คำนูณ” จี้รัฐฯ ปกป้ององคมนตรี-หลัง “นช.แม้ว” ใส่ความต่อเนื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คำนูณ สิทธิสมาน
“คำนูณ” จี้รัฐหามาตรการปกป้ององคมนตรี หลังถูก “นช.แม้ว” โฟนอินดูหมิ่นใส่ความต่อเนื่อง แต่ด้วยสถานภาพที่ปรึกษาพระมหากษัตริย์ ไม่สามารถชี้แจงตอบโต้ด้วยตัวเองได้ แนะควรมี กม.คุ้มครอง ให้องคมนตรีเป็นเจ้าพนักงานฯ ค้าน “สุเทพ” ปล่อย ปชช.คิดเอง ระบุหากปล่อยให้พูดโดยไม่ตอบโต้ เท่ากับยอมรับความจริง แนะระยะสั้นรัฐบาลควรตอบโต้แทน โดยหารือกับองคมนตรีก่อน

วันที่ 23 มี.ค. นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามมาตรการการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการอื่นในการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา กล่าวถึงการปราศรัยผ่านระบบวิดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อหน้าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และเผยแพร่ไปทั่วประเทศผ่านช่องทางต่างๆ เมื่อคืนวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ในส่วนของเนื้อหาโดยรวมทั้งหมดนั้นไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ แต่จะขอเรียกร้องรัฐบาลให้ใช้วิจารณญาณพิจารณาให้ถ่องแท้ว่าจะปกป้ององคมนตรีอย่างไร เพราะเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความองคมนตรีโดยชัดเจน สมควรมีการชี้แจง หรือดำเนินมาตรการอื่นที่จำเป็นแทนองคมนตรีอย่างไรหรือไม่ เพราะเป็นเวลาเกือบ 3 ปีมาแล้วที่องคมนตรีหลายท่าน โดยเฉพาะ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ถูกกระทำย่ำยีจากคนกลุ่มหนึ่งทั้งทางวาจา ข้อเขียน รวมทั้งเดินขบวนไปก่อความไม่สงบบริเวณหน้าที่พัก โดยท่านไม่อาจชี้แจงความจริงตอบโต้ได้ เนื่องจากต้องรักษาฐานภาพของความเป็นคณะที่ปรึกษาพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ การชี้แจงความใดๆ ด้วยตัวเองอาจถูกมองว่าเข้าข่ายแสดงความเป็นฝักฝ่ายทางการเมือง หรือนำตนเข้ามาเป็นคู่กรณีในทางการเมือง

“ฐานภาพทางกฎหมายขององคมนตรี บ้านเมืองปกป้องอะไรท่านไม่ได้เลย เพราะไม่ได้มีฐานภาพเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ไม่ต้องพูดถึงศาลยุติธรรมที่กฎหมายปกป้องนะ อยากจะเปรียบเทียบว่าฐานภาพขององคมนตรีต่ำกว่าตำรวจจราจรที่เป่านกหวีดอยู่กลางถนนเสียอีก เพราะคนเหล่านั้นยังมีฐานภาพเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย หากถูกดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาท ก็มีบทกำหนดโทษโดยเฉพาะแตกต่างจากบุคคลธรรมดา แต่องคมนตรีไม่มี หากอยากจะฟ้องหมิ่นประมาท ก็ต้องฟ้องเองเหมือนบุคคลธรรมดา”

นายคำนูณกล่าวว่า บทบัญญัติตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา ก็ปกป้องเฉพาะพระมหากษัตริย์ พระราชินี และพระรัชทายาทเท่านั้น หากจะมีเพิ่มเติมก็คือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ไม่ได้มีการปกป้ององคมนตรี ในสมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติเคยมีการหารือกันว่าสมควรหามาตรการในการปกป้ององคมนตรีอย่างไร หรือไม่ ก็เห็นพ้องกันว่าไม่ควรไปแตะมาตรา 112 เด็ดขาด เพราะองคมนตรีเป็นบุคคลธรรมดา ไม่ใช่พระบรมวงศานุวงศ์ แต่ในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาพระมหากษัตริย์ โดยรัฐธรรมนูญถวายเป็นพระราชอำนาจให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งได้ตามพระราชอัธยาศัย ก็ควรมีหนทางรักษาเกียรติขององคมนตรีไว้บ้าง ซึ่งในมุมหนึ่งก็เสมือนเป็นการรักษาพระเกียรติและพระราชอำนาจที่รัฐธรรมนูญถวายให้พระองค์ไว้ นายวิษณุ เครืองาม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในขณะนั้น ได้เสนอทางออกไว้ประการหนึ่งว่าอาจทำได้โดยการแก้ไขให้องคมนตรีเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เพื่อให้มีฐานภาพทางกฎหมายเหนือกว่าบุคคลธรรมดาระดับหนึ่ง แต่เนื่องจากเป็นปลายสมัย สนช. จึงไม่ได้มีการดำเนินการผลักดันเป็นรูปธรรมอะไร นอกจากอยู่ในรายงานของคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเท่านั้น

“ควรเข้าใจว่า องคมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนของพระมหากษัตริย์ในงานต่างๆ อยู่เป็นปกติ การจะปกป้องท่านเพียงโดยการบัญญัติให้เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ไม่น่าจะเกินเลย เพราะก็แค่ให้เทียบเท่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยขณะปฏิบัติราชการเท่านั้น ไม่ใช่จะไปยกฐานะบุคคลธรรมดาคณะหนึ่งให้มีฐานภาพพิเศษ แตะต้องไม่ได้ เหมือนที่คนบางกลุ่มกล่าวหาโจมตี”

นายคำนูณยังได้กล่าวถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ถูกโจมตีมาโดยตลอดว่า ไม่เพียงแต่เป็นประธานองคมนตรี เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่ได้การยกย่องอย่างสูงในฐานะที่มีความซื่อสัตย์สุจริต แต่ยังได้รับพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งให้เป็นรัฐบุรุษ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2531 โดยในพระบรมราชโองการนั้นทรงระบุไว้ชัดเจนว่าเนื่องจากเป็นบุคคลที่เคยรับราชการสนองพระเดชพระคุณมาก่อน ทั้งด้านการทหาร และการบริหารราชการแผ่นดิน มีความรู้ความสามารถในการบริหารบ้านเมืองและได้ปฏิบัติหน้าที่โดยซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด แล้วคนไทยจะไม่ให้เกียรติท่านโดยการบัญญัติให้ท่านมีฐานะพิเศษกว่าบุคคลธรรมดาเพียงเล็กน้อย แค่พอไม่ให้ต้องเดินขึ้นโรงพักแจ้งความเอง ไม่ได้เลยหรือ

อย่่างไรก็ตาม นายคำนูณไม่เห็นด้วยต่อการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่าประชาชนจะรู้ได้เองว่าอะไรเป็นอะไร และเป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะต้องใช้วิจารณญาณ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจะไม่ตอบโต้ไม่ชี้แจงความจริงแทน เพราะความเท็จนั้นถ้าพูดบ่อยครั้งผ่านสื่อ โดยไม่มีผู้ใดออกมาชี้แจงความจริงตอบโต้ นานวันเข้าคนอาจจะเชื่อว่าความเท็จนั้นเป็นความจริง เพราะไปเชื่อในตรรกะง่ายๆ ว่าถ้ามันไม่จริงคงมีคนออกมาตอบโต้ชี้แจงความจริงแล้ว การไม่มีคนออกมาตอบโต้ชี้แจงความจริงแทนแสดงว่าความเท็จนั้นคือความจริง

“จะให้ พล.อ.สุรยุทธ์ (จุลานนท์) กับท่านชาญชัย (ลิขิตจิตถะ) หรือป๋าเปรม ท่านออกมาให้สัมภาษณ์สื่อตอบโต้ทุกครั้งที่มีคนพูดความเท็จเกี่ยวกับตัวท่านหรือ และระบบของเราก็ไม่มีโฆษกประจำสำนักองคมนตรี มีแต่ พล.ร.ท.พะจุณห์ ตามประทีปที่ก็เป็นเพียงหัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรีเท่านั้น ไม่มีหน้าที่โดยตรง ผมเห็นว่าประชาชนจะใช้วิจารณญาณได้ ก็ต่อเมื่อได้รับข้อมูลอย่างรอบด้านเท่านั้น ความจริงต้องแก้ด้วยความจริง ไม่ใช่ด้วยความเงียบ”

นายคำนูณเห็นว่า ในระยะสั้นรัฐบาลจะต้องทำหน้าที่ชี้แจงตอบโต้ประเด็นที่มีความแหลมคมแทนองคมนตรี หากไม่แน่ใจ สมควรหารือกับคณะองคมนตรีก่อน ส่วนในระยะกลาง และระยะยาว จะพิจารณาแก้ไขให้องคมนตรีมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย หรือโดยมาตรการอื่นอย่างไรหรือไม่ ก็สุดแท้แต่รัฐบาลจะเร่งใช้วิจารณญาณ แต่ไม่ควรนิ่งเฉย
กำลังโหลดความคิดเห็น