ฝ่ายบริหารบริษัทีพีไอ ขอใช้สิทธิ์ฟ้องทั้งแพ่งและอาญา “เป็ดเหลิม” จับแพะชนแกะให้ร้ายฟอกเงินผ่าน “เมซไซอะ” ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายทั้งที่ไม่โอกาสชี้แจงกลางสภา สั่งทีมงานถอดคำพูดผู้ที่อภิปรายพาดพิงทุกคน
วันนี้ (20 มี.ค.) นายศิลปิน บูรณศิลปิน รองผู้จัดการใหญ่ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ยืนยันว่า บริษัท ทีพีไอ โพลีนจำกัด (มหาชน) จะฟ้องทั้งแพ่งและอาญาผู้อภิปรายพาดพิงแน่นอน ส่วนจะเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่งเท่าไรนั้นยังไม่ทราบ ซึ่งได้แกะเทปและหลักฐานต่างๆ เก็บไว้แล้ว และที่สามารถระบุตัวบุคคลได้ในขณะนี้ คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส่วนกรณีนายสุนัย จุลพงศธร ยังอยู่ระหว่างที่ฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาอยู่ว่ามีประเด็นไหนหรือไม่ที่เข้าข่าย
ด้าน นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยังไม่อยากประเมินการอภิปราย แต่เชื่อว่าเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ตนเองนำมาประกอบการอภิปรายมีความชัดเจนมากจนต้องมีผู้ประท้วงกันตลอด
ส่วนกรณีที่บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) กำลังพิจารณาฟ้องแพ่งและอาญานั้นก็ต้องปล่อยให้ว่าไปตามกระบวนการ ซึ่งตนเองก็เข้าใจว่าไม่ได้อภิปรายพาดพิงอะไร
ซึ่งจากการอภิปรายของ ร.ต.อ.เฉลิม ผู้อภิปรายพาดพิงพอจะสรุปได้ว่า บริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัดซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ได้จ่ายเงินสนับสนุนให้กับพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานกรรมการฯ เซ็นชื่อลงนามจ่ายเช็คเพียงคนเดียวโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากกรรมการบริษัทฯ ถือเป็นการนำเงินของประชาชนผู้ถือหุ้นมาจ่ายให้กับพรรคและกลุ่มคนของพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีการจ่ายเช็คจำนวน 27 ฉบับ ผ่านเข้าธนาคารต่างๆรวม 75 ครั้ง ภายในเวลา 84 วันโอนเข้าบัญชีบริษัทเมซไซอะจากนั้นก็แยกย่อยกระจายเช็คไปยังบุคคลต่างๆ 4 กลุ่มด้วยกัน คือ 1.เข้าบัญชีนายประจวบ สังขาว กรรมการบริษัทเมซไซอะซึ่งเป็นบริษัทรับใช้คนของพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเคยมีกรรมการบริษัทชื่อน.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ และนายไทกร พลสุวรรณ ได้รวม 21,269,300บาท 2.เข้าบัญชีกลุ่มคนใกล้ชิดนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้นจำนวนรวม 33,728,000บาท 3.เข้าบัญชีกลุ่มของนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น13,600,000 บาท และ 4.เข้าบัญชีนายประพร เอกอุรุ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้รวม 43,409,740บาท
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า การโอนเงินดังกล่าวเป็นช่วงเวลาเดียวกับช่วงใกล้เลือกตั้งพอดี ที่สำคัญเมื่อคืนวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมามีฝ่ายรัฐบาลไปบังคับข้าราชการเพื่อไปขอคำให้การในคดีดังกล่าว ถือว่าเป็นการทำนิติกรรมอำพรางผ่านบริษัท เมซไซอะ