รองนายกฯ ปฏิเสธรัฐบาลบีบคอฝ่ายค้านเสนอเลื่อนอภิปราย 19 มี.ค.นี้ ชี้เป็นหน้าที่ ปธ.สภาฯ สอนมวยฝ่ายค้านต้องเตรียมข้อมูลให้พร้อมก่อนยื่นญัตติ ไม่วิตกเสื้อแดงเตรียมแผนเผด็จศึก ย้ำไม่จำเป็นต้องใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเข้มาควบคุมสถานการณ์
วันนี้ (17 มี.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเลื่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลมาเป็นวันที่ 19-20 มี.ค. ซึ่งฝ่ายค้านมองว่าเป็นการเล่นเกมทางการเมืองไม่ให้เตรียมตัวได้ทัน และพยายามหนีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงด้วยว่า ตนไม่ได้เล่นเกมกับใคร เพียงแต่ทางประธานสภาได้แจ้งมาว่าในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมร่วมระหว่าง ส.ส.และส.ว. เกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างประเทศ 3-4 ฉบับ ที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภา จากนั้นก็จะมีการเลือกตั้งกกต.ซึ่งนายชัย ชิดชอบ จะต้องเป็นประธานการประชุม ซึ่งถ้าจะเลื่อนไปอีกก็จะใกล้กับเทศกาลสงกรานต์เกินไป จึงได้ถามไปว่ารัฐบาลพร้อมหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลก็ต้องพร้อม ส่วนที่กลุ่มเสื้อแดงจะร่นการชุมนุมใหญ่จากวันที่ 29 มี.ค.ขึ้นมาเร็วขึ้นด้วยนั้น ไม่ถือว่าเป็นปัญหาแต่อย่างไร รัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหมือนรัฐบาลกลัวการตรวจสอบของฝ่ายค้านหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนเคยเป็นฝ่ายค้าน และเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลมาก่อน ซึ่งก่อนที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ต้องมีหลักฐาน และเตรียมตัวไว้ก่อน ดังนั้นจึงไม่คิดว่ากรณีจะเป็นปัญหา และไม่คิดว่าเรื่องนี้รัฐบาลจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เป็นการทำหน้าที่ เมื่อถามมาก็ตอบไป
เมื่อถามถึงกรณีของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่มีสมาชิกในพรรครัฐบาลบอกว่าอาจจะไม่ยกมือให้นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นว่ารัฐมนตรีทุกท่านสามารถชี้แจงคำอภิปรายของฝ่ายค้านได้ทุกประเด็น ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่น่าเป็นห่วง เมื่อถามว่าเสียงที่ยกมือโหวตลงคะแนนให้รัฐมนตรีแต่ละท่านจำเป็นต้องเท่ากันทุกคนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่จำเป็น และที่ผ่านมาก็ไม่เห็นจะเท่ากันเลยสักครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านบอกว่าหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว รัฐบาลจะไม่มีโอกาสแม้กระทั่งปรับครม. แต่รัฐบาลอาจต้องยุบสภาไปก่อน นายสุเทพ กล่าวว่า ฝ่ายค้านเขาก็ต้องพูดอย่างนั้น อย่าไปตื่นเต้นมาก “จะไม่ได้หรือตอนที่ผมเป็นฝ่ายค้าน คุณเฉลิม เป็นรัฐมนตรี มีการโฆษณาชวนเชื่อยิ่งใหญ่ แต่ผลที่ออกมาอย่างที่เห็น ผมไม่ตื่นเต้นและไม่รู้สึกอะไร ขำ ๆ ด้วยซ้ำไป” รองนายกฯ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวถึงการรุกหนักของกลุ่มเสื้อแดงและการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นปรากฎการณ์ที่หวังผลอะไรหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ก็มีเป้าหมายชัดเจนกับการให้บ้านเมือง ยุ่งเหยิง วุ่นวาย เพื่อปูทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศ เมื่อถามว่ารัฐบาลมีความหนักใจหรือประเมินความสำเร็จของยุทธศาสตร์ที่เขากำลังทำในขณะนี้อย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่าไม่หนักใจ แต่รู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น มันทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศ กระทบ กระเทือน และเป็นช่วงเวลาที่เราต้องการให้ชาวโลกได้เห็นว่า เรามีพื้นฐานทางขนบธรรมเนียมประเพรีที่แข็งแรง แต่คนเหล่านี้ก็พยายามจะทำลายภาพพจน์ดี ๆ ไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลพยายามที่จะหลีกเลี่ยง แต่บรรดานักวิชาการเองบอกว่ากรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ นี้ไม่ธรรมดา และอาจส่งผลกระทบต่อรัฐบาลได้ นายสุเทพกล่าวว่า ทุกฝ่ายมีสิทธิที่จะแสดงความเห็นได้ เราก็ติดตามดูสถานการณ์กันต่อ ตนมีหน้าที่แก้ปัญหา เมื่อถามว่าที่บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามจะกลับมานั้น ประเมินว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับเข้ามาโดยวิธีใด นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่าฝ่ายความมั่นคงได้มีการวิเคราะห์ถึงข้อมูลที่มีการเปิดเผยถึงแผนปฏิบัติการพระเจ้าตากสินที่พรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดงนำมาใช้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้วิเคราะห์เรื่องแผนตากสินอะไร แต่ผมก็ต้องวิเคราะห์สิ่งที่เขาปฏิบัติออกมา ก็เห็นว่าทุกกระบวนการของเขามีการวางแผน มีการเชื่อมโยง มีเป้าหมายชัดเจน
เมื่อถามว่าการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมทางการเมืองหลังจากนี้ เห็นว่ามีแนวคิดที่จะนำพรบ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักรมาใช้ เพื่อเป็นการกำหนดโซนนิ่ง ให้มีการชุมนุมอยู่ในขอบเขต ข้อเท็จจริง เป็นอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า รัฐบาลไม่มีแนวคิดนี้ เมื่อถามว่าเป็นแนวคิดของนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทยจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอออกมา นายสุเทพ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยกับนายถาวร ส่วนแนวคิดนี้จะเป็นไปได้หรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ เพราะขนาดกลุ่มที่เขาก่อปัญหายังไม่ได้วิจารณ์เลย ฝ่ายเดียวกันจะไปวิจารณ์ทำไม อย่างไรก็ตาม จุดยืนของพวกเราเคารพการแสดงออกของประชาชน แต่ก็ต้องแสดงออกในกรอบของกฎหมาย ต้องไม่ทำอะไรที่เป็นการฝ่าผืนกฎหมาย ถ้าฝ่าฝืนกฎหมายพวกตนก็ต้องดำเนินการ ทั้งนี้การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ก็ขอให้ชาชนช่วยติดตามด้วย เพราะรัฐบาลเองไม่อยากที่จะแสดงความเห็นอะไรมากมาย เนื่องจากอาจจะถูกมองว่าไปยั่วยุมากกว่า