“เทพไท” เย้ย 7 ข้อหาฝ่ายค้านยื่นซักฟอกแค่เล็กน้อย ชี้ไม่ระคายผิว สับ “เป็ดเหลิม” ขึ้นต้นด้วยลำไม้ไผ่ สุดท้ายแค่บ้องกัญชา เยาะข้อมูลอภิปรายเก็บเก่าเนิ่นนาน หาดูได้ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ระบุไม่ต้องถึงมือ “อภิสิทธิ์” ชี้แจง แค่โฆษกส่วนตัวก็ชี้แจงแทนได้
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติขอถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งโดยระบุความผิด 7 ประเด็นนั้นว่า น้อยกว่าที่คาดหมายไว้ เพราะพรรคฝ่ายค้านได้ประกาศว่านายกรัฐมนตรีมีประเด็นความผิดที่จะต้องอภิปรายถึง 14 ประเด็น จึงไม่ทราบว่าตกหล่นที่ไหนอีก 7 ประเด็น หรือว่าเป็นการรีบเร่งจนเกินไปจึงทำการบ้านได้แค่ 7 ประเด็นเท่านั้น ใจจริงแล้วอยากจะทอดเวลาออกไปให้อีกเพื่อให้พรรคฝ่ายค้านได้ไปเสาะหาประเด็นความผิดตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ และเมื่อดูเนื้อหาข้อมูลที่จะนำมาถอดถอน 7 ประเด็นแล้ว ถ้าพูดแบบภาษานักเลง เรียกได้ว่าไม่ระคายผิว เพราะข้อกล่าวหาทั้ง 7 ข้อ เป็นเรื่องเก่า ก่อนที่นายอภิสิทธิ์จะมารับตำแหน่งนายกฯ ก็มี เป็นเรื่องที่ปรากฏเป็นข่าวตามหน้าสื่อมวลชนก็มี ถ้าพรรคฝ่ายค้านมีปัญญาเพียงแค่นี้ก็ไม่จำเป็นต้องเสาะหาประเด็นหรือข้อมูลจากประชาชน แค่กลับไปเปิดดูหนังสือพิมพ์ฉบับเก่าๆ แล้วนำมารวบรวมเป็นประเด็นปัญหายื่นเป็นญัตติได้เลย
นายเทพไทกล่าวต่อว่า ตอนแรกที่ทราบข่าวก็รู้สึกหวั่นไหวกับคำโฆษณาชวนเชื่อของแม่ทัพที่นำทีมอภิปรายอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในลักษณะที่ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ แต่พอเหลาลงไปก็กลับเป็นบ้องกัญชา และเชื่อว่านายกรัฐมนตรีสามารถชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้แน่นอน เพราะความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องถึงตัวนายกรัฐมนตรีแค่โฆษกประจำตัวก็สามารถชี้แจงแทนได้แล้ว โดยไม่ต้องมีการเตรียมตัวแต่ประการใด เช่น 1.ประเด็นการขอพระราชทานนายกฯตามมาตรา 7 ถือเป็นเรื่องเก่าในรัฐธรรมนูญปี 2540 และไม่ได้ขัดต่อรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด 2.การเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ ที่อ้างว่าไม่เป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย อยากถามกลับว่า กระบวนการจุดใดบ้างที่ไม่เป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย การที่ ส.ส.ลงมติโหวตในสภาฯจนได้รับเสียงข้างมาก ไม่ใช่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญอีกหรือ 3.การแต่งตั้งแกนนำพันธมิตรฯ เข้าเป็นรัฐมนตรี ขอถามว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตราไหน นายกษิต ภิรมย์ ไม่ได้เป็นแกนนำพันธมิตรฯเป็นเพียงแค่วิทยากรรับเชิญเท่านั้น
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า ส่วน 4.ฝ่าฝืนกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ รับเงินสนับสนุนจากบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ คำถามนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่จำเป็นต้องตอบด้วยตัวเอง เพียงใช้คำตอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ยืนยันว่า ได้ตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความผิด หรือได้รับเงินตามที่ถูกกล่าวอ้างเพื่อสร้างข่าวให้สับสนและบิดเบือนข้อมูลเพื่อชิงพื้นที่ข่าว 5.กรณีที่ประเทศกัมพูชา ทำถนนบุกรุกเข้ามาในดินแดนของราชอาณาจักรไทยเพื่อใช้เป็นทางขึ้นเขาพระวิหาร ก็เป็นเรื่องที่สืบเนื่องจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ และกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ทำหนังสือยื่นประท้วงต่อรัฐบาลกัมพูชาแล้ว 6.การรับรองสมาชิกพรรคให้กับนายธานินทร์ ใจสมุทร ลงสมัครเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สตูล ก็เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ในฐานข้อมูลของ กกต.และฐานข้อมูลของพรรคประชาธิปัตย์ว่านายธานินทร์ ยังคงเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่ และ 7.เรื่องการส่งข้อความเอสเอ็มเอส ขณะที่นายอภิสิทธิ์เข้ารับตำแหน่งนายกฯทำให้บริษัทต้องเสียค่าใช้จ่ายและละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ เรื่องนี้เป็นความสมัครใจและเป็นสิทธิของผู้รับบริการที่จะตอบรับ เอสเอ็มเอสนั้นหรือไม่ ถ้าไม่ตอบรับก็ไม่ต้องเสียค่าบริการแต่อย่างใด ถือว่าเป็นการสื่อสารระหว่างนายกรัฐมนตรีกับประชาชนอีกช่องทางหนึ่งเท่านั้น
นายเทพไทกล่าวต่อว่า หลังจากที่รู้ข้อกล่าวหาทั้ง 7 ข้อแล้วก็คงไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากไปกว่านี้ ยังคงเหลือแต่การรอคอยประเด็นที่จะใช้อภิปรายในสภาฯ ซึ่งคาดการณ์ว่าคงไม่นอกเหนือไปกว่าประเด็นที่กล่าวมาแล้วทั้ง 7 ข้อ และหากจะเป็นประเด็นปลีกย่อยก็คงจะตัดข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์มาประกอบการอภิปรายฯ แต่ทางพรรคเองก็ไม่ได้ตั้งอยู่บนความประมาท ได้มีการกำชับกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้เตรียมพร้อมในเรื่องข้อมูลอื่นๆ ที่ต้องชี้แจงตลอดเวลา