xs
xsm
sm
md
lg

“ไข่แม้ว” ระดมชื่อ 158 ส.ส.ยื่น “ประสพสุข” ถอดถอน รบ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คณะทำงานยื่นซักฟอกรัฐบาล ระดมรายชื่อ ส.ส.158 คน ยื่นหนังสือต่อ “ประสพสุข” ถอดถอน “อภิสิทธิ์” ต่อ ป.ป.ช. ระบุเนื้อหาความผิด 9 หน้า ชี้ใช้อำนาจส่งข้อมูลถึงประชาชน ปกปิดเงินบริจาคพรรค ละเลยให้ประเทศเพื่อนบ้านบุกรุกพื้นที่เขาพระวิหาร ด้าน “ประธานสภา” ระบุต้องตรวจสอบข้อมูลภายใน 15 วัน ก่อนส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ ส่วน “ชัย” เผยไม่ได้รับญัตติซักฟอกรัฐบาลจากฝ่ายค้าน

วันนี้(11 มี.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา10.10น.ที่ห้องรับรองพิเศษ อาคารรัฐสภา 2 ส.ส.พรรคเพื่อไทยประมาณ 20 คน นำโดย นายพีระพันธ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะทำงานยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี ได้นำรายชื่อส.ส.จำนวน 158 คนที่เข้าชื่อเพื่อยื่นหนังสือคำร้องขอให้ถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 271

โดยนายพีระพันธ์ กล่าวว่า ด้วยส.ส.พรรคเพื่อไทยเห็นตรงกันว่าควรยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่เนื่องจากคราวนี้จะมีการอภิปรายพฤติกรรมนายกรัฐมนตรีที่ส่อว่าจงใจทุจริต กระทำผิดรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติว่า การยื่นญัตติต้องยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีก่อน และให้ยื่นต่อประธานวุฒิสภาเพื่อดำเนินการต่อไป ดังนั้นส.ส.พรรคเพื่อไทย 158 คนจึงเข้าชื่อเพื่อยื่นญัตติขอให้ดำเนินการถอดถอนนายกรัฐมนตรี

ด้านนายประสพสุข กล่าวว่า จะรีบดำเนินการและตรวจสอบรายชื่อส.ส.ที่เข้าชื่อยื่นถอดถอนว่าครบ 1 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้หรือไม่ โดยมีเวลา15วันในการตรวจสอบ ซึ่งในวันศุกร์ที่ 13 มี.ค.จะมีการประชุมวุฒิสภาดังนั้นจะแจ้งให้ที่ประชุมวุฒิสภาทราบด้วย และไม่จำเป็นต้องรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) โดยสามารถดำเนินการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้เลย

นายพีรพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังยื่นถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า ในวันที่ 12 มี.ค.คณะทำงานจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างประสานเวลาที่ชัดเจน โดยยื่นเหตุผล 14 ประเด็นพร้อมกับแนบชื่อร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวรัฐมนตรีที่กำลังพิจารณาจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ 8 รายชื่อนั้นอาจมีปรับลดหรือเพิ่มได้ เพราะเป็นเพียงข้อเสนอของสมาชิกพรรค แต่สรุปสุดท้ายคณะทำงานที่เกี่ยวข้องจะหารือ โดยดูที่ประเด็นเนื้อหาเป็นหลัก เพราะหากจำนวนรัฐมนตรีมากเกินไปจะทำให้ประเด็นแตกจนกลายเป็นการอภิปรายทั่วไปแทน

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าจำนวนส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ลงชื่อมีจำนวนไม่มากนั้น นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีส.ส.ที่ลงชื่อทั้งหมด 158 คนจากจำนวนส.ส.ทั้งหมด 187 คน ถือว่าเกินจำนวน1ใน4 คือ116 คนตามที่ข้อบังคับกำหนดไว้ ส่วนส.ส.ที่ไม่ได้ลงชื่อนั้นพรรคได้ตรวจสอบแล้วพบว่า มีเหตุผลหลายประการประกอบกันไป อาทิ ส.ส.ที่อยู่ระหว่างรอฟังผลใบเหลืองหรือใบแดง 7 คน ติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ 8 คน รวมทั้งตัดในส่วนของรองประธานสภาฯ ออกไป

นายพีรพันธุ์ กล่าวอีกว่า พรรคได้จัดทำโพลสำรวจความเห็นของประชาชนทั้งก่อนและหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้ โดยในช่วงก่อนการอภิปรายฯ นั้นจะสอบถามเกี่ยวกับความต้องการของประชาชนว่า อยากให้ฝ่ายค้านอภิปรายฯในเรื่องใดบ้าง เช่น ปัญหาทุจริตและปัญหาเศรษฐกิจ อย่างกรณีการแจกเงิน 2,000 บาท และหลังจากการอภิปรายฯเสร็จสิ้นก็จะมีการทำโพลอีกครั้ง เพื่อสอบถามว่ารัฐบาลสามารถชี้แจงการอภิปรายฯได้ดีแค่ไหน และประเมินผลการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านด้วยเช่นกัน

นายประสพสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับหนังสือคำร้องถอดถอนนายกรัฐมนตรีว่า หากรัฐบาลทำอะไรบกพร่องก็สามารถยื่นอภิปรายได้ ถ้าเห็นว่ามีความบกพร่องแล้วปล่อยไปก็ยิ่งจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติ ไม่มีอะไรเร็วหรือช้า ส่วนกรณีที่รัฐบาลกำลังดำเนินการเรื่องความสมานฉันท์แต่ฝ่ายค้านกลับยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายประสพสุข กล่าวว่า ต้องแยกกัน ถ้ามีข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารที่บกพร่องก็เปิดอภิปรายได้ เรื่องสมานฉันท์ที่จะแก้นั้นไม่ได้เรียกว่า ปฏิรูปการเมือง แต่เขาเรียกว่าพัฒนาการเมือง เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทำคู่ขนานกันไม่ได้ ไม่เกี่ยวข้องกัน

ด้านนายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้(11 มี.ค.) เวลา 15.00.น. คณะทำงานยุทธศาสตร์ รวมทั้งร.ต.อ. เฉลิมจะประชุมเพื่อสรุปตัวรัฐมนตรีและประเด็นที่จะอภิปราย ที่ห้องประชุมวิปฝ่ายค้าน อาคารรัฐสภา 1 ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะลดจำนวนรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายลงเหลือประมาณ 4 คน โดยจะอภิปรายฯเฉพาะรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนรัฐมนตรีที่ถูกคัดออกนั้นเนื่องจากมีข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจน

ผู้สื่อข่าวถามว่าสาเหตุที่ตัดรายชื่อรัฐมนตรีของพรรคร่วมออกเพราะพรรคเพื่อไทยต้องการรักษาแนวร่วมใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า คงไม่ใช่ แต่ที่ตัดออกเพราะมองว่ารัฐมนตรีอยู่ภายใต้การควบคุมของนายกรัฐมนตรี ดังนั้นถ้านายกฯ หมดความชอบธรรมรัฐมนตรีก็จะพ้นไปทั้งคณะ

ขณะที่ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลจากฝ่ายค้าน จึงไม่สามารถระบุได้ว่าจะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระได้ในช่วงใด อย่างไรก็ตาม เมื่อฝ่ายค้านยื่นมาก็ต้องตรวจสอบความถูกต้องก่อน ซึ่งหากไม่มีปัญหาจะส่งต่อให้รัฐบาล ซึ่งรัฐบาลมีเวลา 15 วัน เพื่อตอบกลับมา จากนั้นจึงบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระต่อไป


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือที่ฝ่ายค้านยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีนั้น ได้ระบุพฤติการณ์ของนายอภิสิทธิ์ซึ่งเป็นเหตุแห่งการยื่นถอดถอน 7 ประการด้วยกัน ดังนี้ 1.การเรียกร้องขอให้พระมหากษัตริย์พระราชทานนายกรัฐมนตรี ตามม.7 แห่งรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นการตอกย้ำว่านายอภิสิทธิ์ไม่ฝักใผ่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ และเข้าร่วมปฎิบัติการกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องขอคืนพระราชอำนาจอันเป็นการเรียกร้องทางการเมืองนอกสภาทีเป็นแนวร่วมซึ่งกันและกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มพันธมิตร

2. การเข้าสู่ตำแหน่งของนายอภิสิทธิ์ ไม่เป็นตามครรลองประชาธิปไตยแต่อยู่ภายใต้การชี้นำของคณะบุคคลชั้นสูงบางกลุ่มบางคนผลักดันให้พรรคการเมืองเสียงข้างน้อยเข้ามาบริหารประเทศ โดยไม่คำนึงถึงเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้เข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชนเป็นที่ตั้งอันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550 และยังเป็นการเข้าสู่ตำแหน่งโดยวิธีไม่สุจริต ไม่ยึดมั่นในหลักความชอบธรรมและกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง 3.มีพฤติกรรมเป็นตัวการหรือเป็นผู้ให้หรือผู้สนับสนุนหรือสั่งการให้กลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งที่รู้ดีว่ากลุ่มพันธมิตรฯได้กระทำการขัดต่อกฎหมายและขัดขวางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ก็ยังช่วยเหลือแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี รวมทั้งที่ปรึกษารัฐมนตรีอีกหลายตำแหน่ง

4.นายอภิสิทธิ์ มีพฤติกรรมจงใจฝ่าฝืนกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองจากการมีส่วนในการปกปิด ซ่อนเร้น ไม่เปิดเผยการรับเงินสนับสนุนพรรคการเมืองจากบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งไม่จายเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ให้เป็นไปตามที่กฎหนดไว้ 5.นายอภิสิทธิ์ มีหน้ารักษาไว้ซึ่งดินแดนไทยให้เป็นราชอาณาจักรเดียวกันตามม.1 แห่งรัฐธรรมนูญปี 2550 แต่ขณะนี้ได้มีประเทศเพื่อนบ้านที่มีแนวเขตติดต่อกัน ได้ทำถนนบุกรุกยึดครองใช้พื้นที่ดินแดนของประเทศไทยเป็นทางขึ้นเขาพระวิหาร และ 6.นายอภิสิทธิ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำเอกสารเท็จแจ้งต่อกกต.สตูล โดยรับรองนายธานินทร์ ใจสมุทร เป็นสมาชิกพรรค สำหรับการเลือกตั้งวันที่ 20 เม.ย.2551 แต่ต่อมานายธานินทร์ ถูกกกต.สั่งเพิกถอนสิทธิกาเลือกตั้งเป็นเวลา 1 ปี ตามรายละเอียดปรากฎตามหนังสือลงวันที่ 20 ก.ย.2548 นายธานินทร์ จึงขาดการเป็นสมาชิกพรรคตามข้อบังคับของพรรคประชาธิปัตย์ ข้อ 9(6) ที่ระบุว่าคุณสมบัติของสมาชิกพรรคต้องไม่อยู่ระหว่างการถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

7.กรณีที่นายอภิสิทธิ์ ให้นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง และทีมงานประสานไปยังบริษัทเอกชนที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่งข้อความสั้น(SMS) ที่เป็นคำพูดของนายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งบริษัทเอกชนเห็นว่านายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯจึงยินยอมให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเมื่อรวมค่าใช้จ่ายเป็นเงินหลายล้านบาท แต่ได้บริการให้ฟรีแก่นายอภิสิทธิ์ เท่ากับว่านายอภิสิทธิ์ ได้รับ “ประโยชน์อื่นใด” ตามประกาศของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ซึ่งหมายถืงสิ่งที่มีมูลค่า ได้แก่ การลดราคา การรับความบันเทิง การรับบริการ การรับการฝึกอบรม หรือสิ่งอื่นใด แต่หากเป็นการให้โดยธรรมจรรยาหากมีมูลค่าเกิน 3 พันบาทก็ห้ามมิให้รับ ดังนั้นการรับประโยชน์จากการส่งข้อความเป็นมูลค่าหลายล้านบาทจึงเป็นการฝ่าฝื่นมาตรา 103 แห่งพร.บ.ป.ป.ช. ปี 2552





กำลังโหลดความคิดเห็น