“ชวรัตน์” อัด “สุกิจ” ไม่รู้เรื่องการบริหารราชการ หลังเซ็นต์คำสั่งไม่ต้องฟังนักการเมือง เตรียมเรียกมาตักเตือน ปัดโยกย้ายผู้ว่าฯ ฮั้วพรรคประชาธิปัตย์ ลั่น ไม่กังวลหากฝ่ายค้านฉกข้อมูลไปอภิปรายล้มรัฐบาล ด้าน ปลัดมท. รับลูกตั้งคณะกรรมสอบวินัย “สุกิจ” เร่งด่วน
วันนี้(11 มี.ค.) นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการโยกย้ายนายสุกิจ เจริญรัตนกุล อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มาเป็นเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง ซึ่งนายสุกิจประกาศจะเปิดโปงข้อมูลโดยเฉพาะงบประมาณจำนวน 12,000 ล้านบาทว่า ตนยังไม่ได้พูดคุยกับนายสุกิจโดยตรง แต่เพิ่งได้ข่าวจากสื่อมวลชนเท่านั้น ส่วนกรณีที่นายสุกิจระบุว่าไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งที่นักการเมืองที่มิชอบนั้นอย่างที่เคย ตนเห็นว่านายสุกิจไม่รู้วิธีการบริหารราชการแผ่นดินหรืออย่างไร เพราะนักการเมืองเป็นผู้ถือนโยบายแต่ละหน่วยงาน ซึ่งข้าราชการประจำก็ต้องนำไปปฏิบัติ ถ้าไม่ฟังถือว่าขัดขืนการปฏิบัติหน้าที่ ก็มีบทลงโทษ เช่น การโยกย้าย
นายชวรัตน์ กล่าวต่อว่าว่า การโยกย้ายครั้งนี้ตนยึดหลักความถูกต้องและความเหมาะสมเป็นที่ตั้ง ตามหลักบริหารงาน และไม่ได้มีการโยกย้ายครั้งนี้มีการแบ่งภาคระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ แต่อย่างใด เพราะการหมุนเวียนผู้ว่าฯ ก็เป็นเรื่องที่ปฏิบัติกันมาก่อนอยู่แล้ว อีกทั้ง การที่ผู้ว่าฯได้ทำงานในจังหวัดใหม่ก็มีความท้าทาย เป็นการวัดศักยภาพมี วุฒิภาวะ ก็มีโอกาสได้ทดลองงาน ไม่เกี่ยวกับใครจะมีความผูกพันธ์กับใครตามที่นายสุกิจระบุไว้ เพราะนายสุกิจจะรู้จักกับใครก็เป็นเรื่องของนายสุกกิจ
เมื่อถามว่า การที่นายสุกิจออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐมนตรีถึงการแต่งตั้ง จะเรียกมาตักเตือนหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ถือว่าผิดมารยาท ถ้าดูแล้วคำพูดหนักก็จะเรียกมาตักเตือน ซึ่งตนก็รู้สึกว่าค่อนข้างหนัก เมื่อถามว่านายสุกิจจะออกมาเปิดโปง จะมีการห้ามหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ต้องดูว่าทำเกินขอบเขตหรือไม่ ถ้าเกินขอบเขตต้องเรียกมาตักเตือนหรือมีการพิจารณา เมื่อถามว่า กลัวหรือไม่ว่าจะมีการนำข้อมูลไปให้ฝ่ายค้านใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราคนที่พูดคนเดียวไม่มีน้ำหนักพอที่คนส่วนใหญ่จะเชื่อถือ ซึ่งการพูดอะไรออกมาต้องมีหลักฐาน ถ้าไม่มีอาจถูกฟ้องหมิ่นประมาทได้
ด้านนายวิชัย ศรีขวัญ รักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการที่นายสุกิจได้เซ็นคำสั่งยกเลิกคณะกรรมการพิจารณาและกำหนดให้ดำเนินการโครงการ3,000 โครงการ ภายหลังที่ ครม.อนุมัติให้ไปเป็นผู้ตรวจกระทรวงแล้วนั้น ถือว่ายังมีอำนาจในการสั่งการหรือไม่ ว่า ต้องไปดูว่าใครเป็นคนตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวขึ้นมา ซึ่งถ้านายสุกิจเป็นผู้ตั้งคณะกรรมการชุดนี้เองก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการออกมาเคลื่อนไหวของนายสุกิจ ถือมีความผิดวินัยหรือไม่ นายวิชัยกล่าวว่า จะต้องมีการตรวจสอบ โดยคณะกรรมการที่มีอยู่แล้ว ซึ่งถ้ามีประเด็นใหม่เกิดขึ้น ก็สามารถนำเรื่องใหม่เข้าไปตรวจสอบได้ ซึ่งต้องทำโดยเร่งด่วน
เมื่อถามว่าจะต้องตั้งคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาอีกชุด เกี่ยวกับกรณีที่นายสุกิจจะเปิดโปงข้อมูลเรื่องงบประมาณจำนวน 12,000 ล้านมีการจัดสรรไม่ถูกต้องหรือไม่ นายวิชัยกล่าวว่า อยู่ที่การให้ชี้แจงของนายสุกิจ จึงไม่ต้องตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติม ซึ่งนายจาดู อภิชาตบุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงจะเป็นประธานคณะกรรมการสอบ เมื่อถามย้ำว่า กระทรวงมหาดไทยยืนยันได้หรือไม่ว่าไม่มีการจัดสรรงบดังกล่าว นายวิชัย กล่าวว่า ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้ามีเรื่องนี้จริง กระทรวงสามารถสั่งเพิ่มเติมได้ ส่วนการโยกย้ายที่นายสุกิจระบุว่าโครงการเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีฝ่ายการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องจะมีความผิดแค่ไหนนั้น กระทรวงต้องตรวจสอบกับคำสั่งการที่สั่งไป
เมื่อถามว่าจะมีการตรวจสอบการแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำหรือไม่ นายวิชัย กล่าวว่า ตามระเบียบจะรู้ว่าฝ่ายการเมืองมีใครบ้างที่จะมีอำนาจสั่งการได้ ซึ่งก็กำหนดถึงของเขตของอำนาจสั่งการด้วย