ครม.เศรษฐกิจ สั่งคลัง-สนง.สลากฯ ส่งกฤษฎีกาตีความเงินหวย 2 ตัว 3 ตัว จำนวน 1.7 หมื่นล้าน ที่ถูกสั่งยกเลิกในสมัย รบ.สุรยุทธ์ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์พัฒนาเศรษฐกิจ ขณะที่ข้อมูลบ่งชี้ว่า ยุครัฐบาลทักษิณ มีการออกหวยบนดินถึง 80 งวด โกยเงินกว่า 1.4 แสนล้าน โดยไม่ได้นำส่งให้คลัง แต่ยังถูกซุกซ่อนในบัญชี “เสี่ยอ๋อย” เป็นขุมทรัพย์ที่ต้องเร่งค้นหา
นายปิยพันธุ์ นิมมานเหมินท์ ประธานคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ วันนี้ ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังและสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ทำหนังสือหารือคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อหาแนวทางนำเงินที่เหลือจากการจำหน่ายสลากพิเศษ เลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว วงเงิน 17,000 ล้านบาท ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ซึ่งได้ถูกยกเลิกในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ สั่งให้หยุดการทำการจำหน่าย โดยวงเงินดังกล่าว อยู่นิ่งและไม่เกิดประโยชน์ จึงเห็นควรนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ขอความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับสถานะที่ชัดเจนของเงินรายได้จากการขายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว หรือ หวยบนดิน จำนวน 17,000 ล้านบาท เนื่องจากสำนักงานสลากฯ ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า เงินดังกล่าวรัฐบาลจะนำมาใช้ได้หรือไม่
“ขณะนี้ สำนักงานสลากฯ ไม่ทราบสถานะของเงินก้อนนี้ว่าเป็นอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ มีการชี้ว่า กิจกรรมซึ่งเป็นที่มาของเงินก้อนนี้ผิดกฎหมาย เลยไม่แน่ใจว่า จะต้องทำอย่างไร จึงให้สำนักงานสลากฯ ไปขอความเห็นจากกฤษฎีกาว่า สถานะเงินก้อนนี้คืออะไร สามารถจะส่งจ่ายใช้ได้ตรงไหน อย่างไร”
ก่อนหน้านี้ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ระบุว่า เตรียมเสนอต่อรัฐสภาเพื่อออกกฎหมาย เพื่อเปิดช่องให้รัฐบาล สามารถนำเงินรายได้จากการขายหวยบนดิน ที่อยู่ที่สำนักงานสลากฯ จำนวน 17,000 ล้านบาท นำมาได้ หลังจากขณะนี้รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องมีเงินงบประมาณเพื่อนำมาใช้ดูแลและกระตุ้นเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ยุครัฐบาลทักษิณ มีการออกหวยบนดินทั้งหมด 80 งวด ได้เงินมากว่า 140,000 ล้านบาท แต่ปรากฏว่า ไม่ได้มีการนำเงินจำนวนดังกล่าวเข้าบัญชีสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นรายได้ของรัฐ เพื่อส่งเข้ากระทรวงการคลัง แต่กลับส่งเข้าบัญชีอื่น โดยมีคณะกรรมการพัฒนายุทธศาสตร์ ที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่เบิกจ่ายเงินให้กับโครงการต่างๆ ของรัฐบาล ที่อ้างว่า เป็นการคืนเงินสู่สังคม
