xs
xsm
sm
md
lg

“เทพไท” เย้ย “แม้ว” โฟนอินน้ำเน่า-เหน็บงานเสื้อแดงแค่ใบเสร็จเบิกเงินนายใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เทพไท เสนพงศ์
“เทพไท” เย้ย “แม้ว” โฟนอินเหมือนฉายหนังน้ำเน่าน่าเบื่อหน่าย แนะเลิกตีโพยตีโพย แล้วย้อนดูอดีต หลุดเก้าอี้นายกฯ เพราะอะไร ชี้ หัวโจก นปช.เปิดเวทีคนเสื้อแดง แค่รวบรวมคนมาฟังนายใหญ่พร่ำเพ้อ เสร็จงานนำไปเป็นใบเสร็จเบิกเงิน โดยมี “สมชาย” ลงเช็กจำนวนคนถึงพื้นที่ เหน็บ “เพื่อแม้ว” ไม่เอาสถาบันพระปกเกล้า ทำปฏิรูปการเมือง ต้องใช้ “ม.ชินวัตร” ถึงจะพอใจ

วันนี้ (9 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศโทรศัพท์เข้าไป (โฟนอิน) ในงานชุมนุมของคนเสื้อแดงสัญจร ว่า การโฟนอินแต่ละครั้งของ พ.ต.ท.ทักษิณก็มีเนื้อหาเดิมๆ เหมือนเอาหนังเก่ามาฉายใหม่ ซึ่งถ้าเป็นหนังดีก็พอทนดูได้ แต่กลับเป็นหนังน้ำเน่าก็น่าเบื่อหน่าย

การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออดอ้อนกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ถูกทหารไล่ลงจากตำแหน่ง แต่กลับไม่ได้มองถึงสาเหตุว่าตนเองนั้น บริหารราชการแผ่นดินอย่างไรจึงเกิดเหตุผล 4 ข้อของการยึดอำนาจมีข้อไหนบ้างที่ไม่เป็นความจริง ส่วนการกล่าวโทษใส่ร้ายศาลรัฐธรรมนูญว่า กลั่นแกล้งพรรคพวกตนเอง ที่เอา นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ออกจากตำแหน่ง ยุบพรรคพลังประชาชนให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นสภาพจากการเป็นนายกฯ ล้วนแล้วแต่เป็นข้อเท็จจริงที่มีกฎหมายรองรับ ถ้าไม่มีหลักกฎหมายหรือมีมูลฐานของความผิด ศาลยุติธรรมจะพิพากษาลงโทษได้อย่างไร ตนไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ตีโพยตีพาย โทษคนโน้นทีคนนี้ที เห็นคนอื่นผิดไปหมด ข้าคือผู้ถูกต้องแต่เพียงผู้เดียว ขอให้ย้อนกลับไปดูว่าสาเหตุใดที่ทำให้ตัวเอง ต้องหลุดจากอำนาจจนต้องหนีออกนอกประเทศ

นายเทพไท กล่าวต่อว่า ส่วนการจัดนัดชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงสัญจรไปในจังหวัดต่างๆ นั้น ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเพียงการใช้เวทีดังกล่าวรวบรวมคน เพื่อมาฟัง พ.ต.ท.ทักษิณ พร่ำเพ้อพรรณนาเท่านั้น เห็นจากทุกครั้งที่ผ่านมาเมื่อจบการโฟนอินแล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงก็สลายตัว แตกกระสานซ่านเซ็นอย่างรวดเร็ว ขณะที่แกนนำก็พออกพอใจในความสำเร็จ ใช้เป็นใบเสร็จไปรับเงินจากนายใหญ่ได้ และครั้งนี้คนอย่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณลงไปร่วมตรวจสอบด้วยตนเอง โดยการปรากฏตัวบนเวทีคนเสื้อแดงนานถึง 15 นาทีเพื่อให้เห็นกับตาก่อนหายตัวไป

ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาลที่กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดเงินลงสู่รากหญ้านั้น ก็อาจเป็นความจริงว่านโยบายของรัฐบาลต่างกันกับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ การให้เบี้ยเลี้ยงกับผู้สูงอายุและอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) รวมถึงนโยบายเรียนฟรี 15 ปี เป็นเรื่องของการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเป็นรัฐสวัสดิการโดยเม็ดเงินถึงมือประชาชนจริงๆ ต่างกับนโยบายประชานิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินโดยการกู้ยืม สุดท้ายเม็ดเงินที่ได้เอาไปซื้อโทรศัพท์มือถือ รถมอเตอร์ไซค์ ล้วนแต่เป็นธุรกิจในกลุ่มทุนของตัวเองทั้งนั้น ซึ่งเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนที่เอานโยบายนั้นๆ มาบังหน้าเพื่อผันเงินหลวงเข้ากระเป๋าตัวเองทางอ้อม

โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า สำหรับการปฏิรูปการเมืองนั้น ยืนยันว่ารัฐบาลมีความจริงใจ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงที่จะเอื้อประโยชน์เพื่อตัวเอง โดยพยายามให้องค์กรซึ่งเป็นที่เชื่อถือรับเป็นเจ้าภาพในการปฏิรูป โดยจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหลายฝ่ายรวมถึงพรรคเพื่อไทย ซึ่งต่างก็เห็นด้วยว่าควรยึดโยงกับองค์กรมากกว่าให้ความสำคัญกับตัวบุคคล ในที่สุดก็เห็นว่าสถาบันพระปกเกล้า เป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับรัฐสภาและทำหน้าที่ด้านวิชาการเพื่อการพัฒนาทางการเมือง แต่เมื่อมี ส.ส.บางคนของพรรคเพื่อไทยออกมาคัดค้านไม่ยอมรับความเป็นกลางของสถาบันพระปกเกล้า จึงอยากถามว่า จะใช้สถาบันใดมาเป็นเจ้าภาพ ถ้าจะเสนอให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นเจ้าภาพก็จะถูกตำหนิอีกว่า อธิการบดีไม่เป็นกลาง ถ้าจะให้ถูกใจพรรคเพื่อไทยก็ควรเสนอให้มหาวิทยาลัยชินวัตรเป็นเจ้าภาพจะดีที่สุดใช่หรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น