xs
xsm
sm
md
lg

“สดศรี” หนุนพันธมิตรฯ ตั้งพรรคการเมือง เคลื่อนไหวในสภา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สดศรี สัตยธรรม
“สดศรี” หนุนพันธมิตรฯ จัดตั้งพรรคการเมือง ลงเลือกตั้งเพื่อหยั่งกระแสประชาชนนิยม เคลื่อนไหวในระบอบรัฐสภา ยุส่งม็อบเสื้อแดงตั้งพรรคการเมือง เลิกจัดม็อบป่วนบ้านเมืองเสียที

วันนี้ (9 มี.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะจัดตั้งพรรคการเมืองว่า สามารถทำได้ถ้าเป็นคนไทยและรวบรวมสมาชิกได้ 15 คน แต่เมื่อตั้งพรรคแล้วก็ต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด โดยต้องหาสมาชิกให้ได้ 5,000 คน อีกทั้งต้องจัดตั้งสาขาพรรคให้ได้ไม่น้อยกว่า 4 สาขา แต่ถ้าดำเนินการไม่ครบถ้วน ทาง กกต.ก็มีสิทธิ์เสนอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองสั่งยุบเลิกพรรคได้

ส่วนที่มีข่าวว่าการตั้งพรรคมีเจตนาเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น นางสดศรี กล่าวว่า การเคลื่อนไหวทางการเมือง กกต.สามารถตรวจสอบได้ ไม่ว่าจากประชาชนหรือสื่อมวลชนแจ้งเข้ามา แต่ กกต.ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบเองได้ เนื่องจากไม่มีกำลังเจ้าหน้าที่เพียงพอที่จะลงไปตรวจสอบในเชิงลึกว่า มีการดำเนินการใต้ดินกันหรือไม่ อย่างไรก็ตาม แต่เบื้องต้นพบว่ามีการจัดตั้งพรรคเทียนแห่งธรรม เมื่อวันที่ 28 เม.ย.51 แต่ไม่ทราบว่าเป็นพรรคที่พันธมิตรฯ แจ้งจัดตั้งหรือไม่

เมื่อถามต่อว่าเมื่อตั้งพรรคแล้วมีการจัดมวลชนออกมาเคลื่อนไหวสามารถทำได้หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า เมื่อเป็นพรรคการเมืองแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าการเคลื่อนไหวน่าจะทำในระบบรัฐสภา ไม่ใช่มาจัดม็อบเพื่อเคลื่อนไหวนอกสภาที่ไม่ถูกกฎหมาย

“ไม่ว่าจะเสื้อเหลือง เสื้อแดง ก็ควรตั้งพรรคและและลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยยุติบทบาททการเคลื่อนไหวนอกสภาทั้งหมด แล้วก็จะรู้ว่าประชาชนนิยมชมชอบเราแค่ไหน โดยดูได้จากผลการเลือกตั้ง และเมื่อตั้งพรรคแล้วก็ไม่ควรออกมาเล่นนอกสภาอีก แต่ต้องใช้ระบบรัฐสภาในการต่อสู้”

นางสดศรียังกล่าวด้วยว่า แม้แกนนำพันธมิตรฯ มีคดีติดตัวแต่ถ้าคดียังไม่ถึงที่สุดและไม่ถูกตัดสินว่าจำคุกก็สามารถจัดตั้งพรรคได้ แต่ผู้ที่จดทะเบียนฯ จะต้องไม่ถือหุ้นเคเบิลทวี หรือเป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐ

อย่างไรก็ตาม วันเดียวกัน นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. และนายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่าง กกต.กับกรมสรรพากร ว่าด้วยการโอนเงินบริจาคภาษีแก่พรรคการเมืองตามมาตรา 58 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550 โดยมีข้าราชการและตัวแทนจากการพรรคการเมืองต่างๆ เข้าร่วมงาน

ทั้งนี้ นางสดศรี กล่าวว่า กกต.ไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าประชาชนจะบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองจำนวนมากน้อยเท่าใด เนื่องจากเป็นปีแรกอาจยังไม่ทราบว่าสามารถบริจาคเงินให้กับพรรคใดก็ได้จำนวน 100 บาท โดยเป็นการหักจากภาษีที่ต้องเสียอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นการให้เพิ่ม ซึ่งบุคคลที่บริจาคได้ต้องเป็นคนสัญชาติไทยเท่านั้น และเมื่อครบกำหนดการชำระภาษีในวันที่ 31 มี.ค.แล้ว ทางกรมสรรพากรก็จะรายงานให้กับกกต.ทราบว่า แต่ละพรรคได้รับเงินบริจาคจำนวนเท่าใด จากนั้นรัฐบาลจะจัดสรรงบเพิ่มให้กับแต่ละพรรคอีกร้อยละ 5 จากยอดเงินที่พรรคได้รับบริจาค ซึ่งเงินที่พรรคได้รับจะไม่มีการจำกัดวงเงิน แต่จะเป็นไปตามจำนวนเงินที่ได้รับบริจาคจริง อย่างไรก็ตาม เมื่อพรรคได้รับเงินบริจาคแล้วจะต้องใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ที่กฎหมายกำหนด โดยต้องแสดงรายการใช้จ่ายให้ กกต.ทราบ ในรายการงบดุลที่ต้องแจ้งทุกสิ้นปี
กำลังโหลดความคิดเห็น