“พิภพ” ชี้การเมืองสุพรรณบุรี ถึงจุดเปลี่ยน แม้ “บรรหาร” มีผลงาน แต่คนพื้นที่ต้องการการเมืองใหม่ ย้ำ “มาร์ค” ยังขาดความกล้าหาญจัดการ ตร.มีเอี่ยวฆ่า ปชช. 7 ตุลาฯ เชื่อมั่นนายกฯ เป็นคนดี พร้อมหนุนให้อยู่ครบวาระอีก 3 ปี แต่มีข้อแม้ต้องปฏิรูปการเมือง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
เมื่อช่วงเย็นวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีคอนเสิร์ตการเมืองสามชุก ที่ศาลาประชาคม อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ตอนหนึ่งว่า วันนี้เมืองสุพรรณกำลังจะเปลี่ยนไป แม้ว่านายบรรหาร ศิลปอาชา จะทำอะไรให้ชาวสุพรรณบุรีมาก แต่คนสุพรรณก็อยากรับความคิดอื่นๆ ข้างนอก โดยเฉพาะการเมืองใหม่ด้วย
นายพิภพกล่าวต่อว่า นายบรรหารนั้นยังเป็นนักการเมืองรุ่นเก่า ขณะที่ลูกๆ โดยเฉพาะ นางสาวสกัญจนา ศิลปอาชา ก็อยากทำอะไรใหม่ๆ และเชื่อว่าบัดนี้สุพรรณบุรีจะเปลี่ยนไป การเมืองเก่าจะจากไป การเมืองใหม่จะเข้ามาแทนที่ คนสุพรรณต้องภูมิใจที่มีคนดีในพื้นที่ เช่น คนที่รู้เรื่องข้าวดีที่สุดในประเทศไทย คือนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ และต้องมีความภูมิใจในประวัติศาสตร์ชุมชน ซึ่งเป็นสิ่งที่การเมืองใหม่อยากทำมาก โดยจะปฏิรูปการศึกษา ให้คนรุ่นใหม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ชุมชนของตนเอง
นายพิภพกล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ตนพูดถึงคดี 7 ตุลาฯ และเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์แสดงความกล้าหาญนั้น เพราะนายอภิสิทธิ์ได้ถามผ่านหนังสือพิมพ์มาว่า เขายังไม่กล้าหาญในเรื่องอะไรให้บอก ซึ่งตนก็บอกแล้วคือ ขาดความกล้าหาญในการจัดการกับตำรวจที่มีส่วนในการฆ่าประชาชนวันที่ 7 ตุลาคม ปล่อยให้ตำรวจที่มีส่วนในเหตุการณ์เป็นคนออกหมายเรียกให้พันธมิตรฯ 21 คน ไปสอบสวนเป็นผู้ต้องหา ทั้งที่การชุมนุมวันที่ 7 ตุลาเป็นไปโดยปราศจากอาวุธ ยกเว้นขวดน้ำ แต่ตำรวจกลีบยิงด้วยแก๊สน้ำตามีสารเคมี ทำไมรัฐบาลจึงยังปล่อยให้ ตำรวจพวกนี้เป็นคนดำเนินคดีพันธมิตรฯ
นายพิภพกล่าวอีกว่า นายอภิสิทธิ์เข้ามาเป็นนายกฯ เพื่อปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม แล้วปล่อยอย่างนี้ ได้อย่างไร ทำไมไม่เปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวน และทำการสอบสวนตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 7 ตุลาทั้งหมดด้วย และ อย่าให้ความเป็นนายกไม่สามารถทำอะไรตำรวจที่ฆ่าประชาชน และทำให้พิการบาดเจ็บอีก 700 คน นี่คือสิ่งที่เราเรียกร้องความกล้าหาญ
นายพิภพย้ำว่า เราไม่ได้ต้องการเปลี่ยนตัวนายกฯ จ เราต้องการให้นายอภิสิทธิ์เป็นจนครบสมัย 3 ปี แต่มีข้อแม้ ว่าต้องมีความกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้ดีขึ้นในทุกด้าน นี่คือภารกิของนายอภิสิทธิ ต้องเพิ่มความกล้าหาญ เขามีความรู้ดี ซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ เป็นคนเสียสละ เพียงแต่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ที่มีนักการเมืองเก่า และมีความเป็นข้าราชการ นายอภิสิทธิต้องทำงานให้พ้นกรอบข้าราชการนิยม และคิดใหม่นอกกรอบ เพื่อเปลี่ยนแปลงการเมือง ทำแบบนี้ได้ เราพร้อมสนับสนุนให้ครบ 3 ปี เราเข็ดนายกฯ ที่คิดนอกกรอบ ไม่ติดระบบราชการ แต่ทุจริตคอร์รัปชั่นมากที่สุดตั้งแต่เรามีนายกฯ มา
นอกจากนี้ อยากให้นายสุเทพที่เป็นคนรุ่นเก่า เปลี่ยนมาสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ให้ทำการเมืองใหม่ เพราะนายสุเทพเองเป็นคนลงทุนเพื่อให้นายอภิสิทธิ์ได้เป็นหัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์อายุยังน้อย อนาคตไกล ต้นทุนสูง ถ้าเสียบหายไปตอนนี้จะไม่มีโอกาสทำงานเพื่อบ้านเมืองอีก อีกทั้งพรรคประชาธิปัตย์ต้องเปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนพฤติกรรมจากการเมืองเก่าเป็นการเมืองใหม่ โดยไม่รังเกียจคำว่าการเมือวงใหม่ที่พันธมิตรฯ ได้ชูขึ้นในช่วง 193 วัน เพราะคำว่าการเมืองใหม่ ไม่ใช่เพิ่งมี และกระแสเบื่อการเมืองเก่านั้นมีมาตลอด ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็น่าจะรู้ดี
นายพิภพกล่าวถึงกลุ่มการเมืองที่แบ่งออกเป็นกลุ่มสีต่างๆ ว่า ลักษณะเช่นนี้เคยเกิดขึ้นในยุโรป โดยกลุ่มการเมืองกระแสหลักที่สนับสนุนการค้าเสรี การพัฒนาอุตสาหกรรม แต่ละเลยผลกระทบสิ่งแวดล้อมและความเป็นธรรม เป็นพวกสีน้ำเงิน และมีกลุ่มสีแดงต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม เป็นพวกสังคมนิยม แต่สนับสนุนแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจแบบสีน้ำเงิน และกลุ่มสีเขียวที่เกิดขึ้นมาใหม่ มาอุดช่องว่างระหว่างสีน้ำเงินกับสีแดง คือยึดถือความเป็นธรรม ยึดหลักการรักษาสิ่งแวดล้อม
สำหรับในเมืองไทย พันธมิตรฯ ถูกเรียกว่าเป็นพวกสีเหลือง เป็นการผสมผสาน 5 แกนนำที่เป็นตัวแทนการต่อสู้ของประชาชนในด้านต่างๆ กลับไปดูคนเสื้อแดง เริ่มต้นด้วยเป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหลบหนีคดี อวดอ้างว่าตัวเองเก่ง ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ ทั้งที่เป็นธุรกิจผูกขาด เมื่อมาเป็นนักการเมือง พอตั้งพรรคไทยรักไทย ก็ทำเรื่องทุนสามานย์ มีการทุจริตในกลุ่มนักการเมืองมโหฬาร สัญลักษณ์ของสีแดงจึงเป็นเหมือนกับสัญญากับทุนสามานย์
“พันธมิตรวิจารณ์ ก็เพื่อชี้แนะ หวังให้นายอภิสิทธิ์มีความกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลง จากการเมืองเก่าไปสู่การเมืองใหม่ ซึ่งถ้าทำได้เราจะปรบให้ ภารกิจของเราพันธมิตรฯ คือการทำการเมืองที่บริสุทธิ์ สะอาด มีคุณธรรม สนใจสิ่งแวดล้อม กระจายรายได้ สร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม ภารกิจเรายังไม่สิ้นสุด และต้องทำต่อไป” นายพิภพกล่าว
