ที่ประชุม ครม.ไม่อนุมัติข้อเสนอภาคเอกชนขอปรับลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ 3% เชื่อ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จึงไม่น่าจะช่วยให้กระตุ้นยอดขายได้จริง หวั่นโยงอุตสาหกรรรมเครื่องปรับอากาศ แบตเตอรี่ขอปรับตามเป็นลูกโซ่ และสร้างหนี้ให้กับภาค ปชช.ในอนาคต
วันนี้ (4 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เห็นตรงกันว่า การพิจารณาให้ความช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ ในมาตรการระยะสั้น กรณีลดหย่อนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และการให้รัฐบาลค้ำประกันการดาวน์ ไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสม จึงมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง ดูสภาพการปล่อยสินเชื่อ และการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เพราะเกรงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาคอื่นๆ
ส่วนปัญหาทรัพย์สินทางปัญญา รัฐบาลยืนยันว่า จะเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะเรื่องซีแอลยา ที่มีท่าทีชัดเจนว่าต้องหารือกับเอกชน และอยู่ภายใต้กรอบของ WTO และให้คนไทยซื้อยาได้ในราคาถูก แต่ยอมรับว่า หากสหรัฐฯ ไม่สนองตอบอาจส่งผลให้เกิดแรงกดดันมากขึ้น
การประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ วันนี้ (4 มี.ค.) ครม.เศรษฐกิจเห็นชอบมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ตามข้อเสนอที่เอกชนหารือร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม แต่ข้อเสนอโดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการลดภาษีสรรพสามิต 3% ได้คัดค้านตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นๆ ก็ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกแล้ว
เนื่องจากการศึกษา พบว่า กรณีลดภาษีสรรพสามิต 3% กับรถยนต์ทุกประเภทนั้น จะลดราคารถได้ประมาณ 1.5 หมื่นบาทต่อคัน ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จึงไม่น่าจะช่วยให้กระตุ้นยอดขายเพิ่มขึ้นได้ตามที่เอกชนเสนอมาจริง และจะเป็นการส่งเสริมรถยนต์ราคาแพงไปด้วย ประกอบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่มีภาษีสรรพสามิตอยู่ เช่น เครื่องปรับอากาศ แบตเตอรี่จะร้องเข้ามาขอลดภาษีด้วยซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาได้
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวคิดของเอกชนสำหรับการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนนั้น รัฐบาลไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอให้ลดภาษีสรรพสามิต แต่สำหรับเรื่องสินเชื่อ เห็นควรให้ภาคเอกชนและกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกัน จัดทำข้อมูลการเข้าถึงสินเชื่อภาคยานยนต์ของประชาชน เพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง
“คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจไม่อนุมัติแผนกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ เพราะเชื่อว่าไม่สามารถกระตุ้นยอดขายรถยนต์ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรี เห็นว่า การลดภาษีรถยนต์ลง อาจจะเป็นการสร้างหนี้ให้ประชาชนในอนาคต ขณะที่หน่วยงานด้านเศรษฐกิจหลายๆ หน่วยก็ไม่เห็นด้วยกับการลดภาษี”
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องมาตรการเพื่อแก้ไขผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ อันเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และมาตรการระยะกลางและระยะยาว ของเอกชนโดยรัฐบาลจะรับไปพิจารณาและศึกษารายละเอียดเพื่อกำหนดเป็นนโยบาย
ที่ประชุมยังเห็นชอบกับมาตรการระยะเร่งด่วน ในการกระตุ้นกำลังซื้อของภาคประชาชน และโครงการปรับปรุงศักยภาพของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ขณะที่การฝึกอบรมเพิ่มเติมพนักงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ จะนำไปประกอบไว้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และให้ภาคเอกชนกับกระทรวงอุตสาหกรรมนำเสนอมาตรการแก้ไขปัญหา บรรเทาการว่างงาน และการฝึกอบรม แก่คณะกรรมการบริหารโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงาน สำนักนายกรัฐมนตรี
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงเรื่องนี้ ไม่เห็นด้วย เพราะหากรัฐบาลต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณจะเป็นแนวทางที่ดีกว่า
วันนี้ (4 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เห็นตรงกันว่า การพิจารณาให้ความช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ ในมาตรการระยะสั้น กรณีลดหย่อนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และการให้รัฐบาลค้ำประกันการดาวน์ ไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสม จึงมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง ดูสภาพการปล่อยสินเชื่อ และการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เพราะเกรงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาคอื่นๆ
ส่วนปัญหาทรัพย์สินทางปัญญา รัฐบาลยืนยันว่า จะเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะเรื่องซีแอลยา ที่มีท่าทีชัดเจนว่าต้องหารือกับเอกชน และอยู่ภายใต้กรอบของ WTO และให้คนไทยซื้อยาได้ในราคาถูก แต่ยอมรับว่า หากสหรัฐฯ ไม่สนองตอบอาจส่งผลให้เกิดแรงกดดันมากขึ้น
การประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ วันนี้ (4 มี.ค.) ครม.เศรษฐกิจเห็นชอบมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ตามข้อเสนอที่เอกชนหารือร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม แต่ข้อเสนอโดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการลดภาษีสรรพสามิต 3% ได้คัดค้านตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นๆ ก็ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกแล้ว
เนื่องจากการศึกษา พบว่า กรณีลดภาษีสรรพสามิต 3% กับรถยนต์ทุกประเภทนั้น จะลดราคารถได้ประมาณ 1.5 หมื่นบาทต่อคัน ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จึงไม่น่าจะช่วยให้กระตุ้นยอดขายเพิ่มขึ้นได้ตามที่เอกชนเสนอมาจริง และจะเป็นการส่งเสริมรถยนต์ราคาแพงไปด้วย ประกอบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่มีภาษีสรรพสามิตอยู่ เช่น เครื่องปรับอากาศ แบตเตอรี่จะร้องเข้ามาขอลดภาษีด้วยซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาได้
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวคิดของเอกชนสำหรับการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนนั้น รัฐบาลไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอให้ลดภาษีสรรพสามิต แต่สำหรับเรื่องสินเชื่อ เห็นควรให้ภาคเอกชนและกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกัน จัดทำข้อมูลการเข้าถึงสินเชื่อภาคยานยนต์ของประชาชน เพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง
“คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจไม่อนุมัติแผนกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ เพราะเชื่อว่าไม่สามารถกระตุ้นยอดขายรถยนต์ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรี เห็นว่า การลดภาษีรถยนต์ลง อาจจะเป็นการสร้างหนี้ให้ประชาชนในอนาคต ขณะที่หน่วยงานด้านเศรษฐกิจหลายๆ หน่วยก็ไม่เห็นด้วยกับการลดภาษี”
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องมาตรการเพื่อแก้ไขผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ อันเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และมาตรการระยะกลางและระยะยาว ของเอกชนโดยรัฐบาลจะรับไปพิจารณาและศึกษารายละเอียดเพื่อกำหนดเป็นนโยบาย
ที่ประชุมยังเห็นชอบกับมาตรการระยะเร่งด่วน ในการกระตุ้นกำลังซื้อของภาคประชาชน และโครงการปรับปรุงศักยภาพของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ขณะที่การฝึกอบรมเพิ่มเติมพนักงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ จะนำไปประกอบไว้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และให้ภาคเอกชนกับกระทรวงอุตสาหกรรมนำเสนอมาตรการแก้ไขปัญหา บรรเทาการว่างงาน และการฝึกอบรม แก่คณะกรรมการบริหารโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงาน สำนักนายกรัฐมนตรี
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงเรื่องนี้ ไม่เห็นด้วย เพราะหากรัฐบาลต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณจะเป็นแนวทางที่ดีกว่า
