ปลัดคลัง เผย ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ วันนี้ ไม่มีการพิจารณาการปรับลดภาษี 3% ตามข้อเสนอของกลุ่มอุตฯ ยานยนต์ “มาร์ค” แจงเหตุผล ข้อเสนอดังกล่าวไม่อยู่ในกรอบที่พิจารณาได้ “รองโฆษก” ชี้ ข้อมูลที่เสนอมายังไม่เพียงพอ แนะให้กลับไปทำข้อมูลใหม่ ทั้งการจัดทำแผนสินเชื่อ และแผนธุรกิจ หวั่นสร้างภาระหนี้สินให้ ปชช.ในภาวะที่เอ็นพีแอลพุ่ง กระทบต่อการจัดเก็บรายได้ เพราะยังไม่มีตัวบ่งชี้กำลังซื้อ และความสามารถในการผ่อนชำระ อาจลุกลามกระทบวินัยการเงินการคลัง พร้อมแนะให้มีการลดการวางเงินดาวน์ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อแทน
นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจในวันนี้ โดยระบุว่า ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ไม่ได้พิจารณาข้อเสนอของผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ขอให้รัฐบาลพิจารณาปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ลง 3% รวมทั้งขอให้การซื้อรถยนต์ใหม่สามารถนำมาหักค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้ในเพดาน 50,000 บาท
นายศุภรัตน์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ให้เหตุผลว่า ข้อเสนอดังกล่าวไม่อยู่ในกรอบที่จะพิจารณาได้ พร้อมแสดงความเป็นห่วงว่า การลดภาษีรถยนต์ลง อาจจะเป็นการสร้างหนี้ให้ประชาชนในอนาคต
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุม ครม.เศรษฐกิจ วันนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้เสนอมาตรการแก้ปัญหาผลกระทบในอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อให้รัฐบาลช่วยเหลือ 3 แนวทาง คือ มาตรการเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน โดยการขอปรับลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ลงอีก 3% มาตรการฝึกอบรมพนักงานและแรงงาน และ มาตรการส่งเสริมศักยภาพผู้ผลิตยานยนต์
“ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ และนายกรัฐมนตรีไม่เห็นด้วยตามข้อเสนอให้ลดภาษีสรรพสามิต 3% เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน โดยมองว่า ข้อมูลที่เสนอมายังไม่เพียงพอ จึงได้มอบหมายให้ภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจัดทำข้อมูลในภาคสินเชื่อของอุตสาหกรรม ความชัดเจนเกี่ยวกับข้อมูลที่จะช่วยจูงใจให้ประชาชนตัดสินใจซื้อรถยนต์ได้จริง เช่น ลดการวางเงินดาวน์”
ทั้งนี้ หลายฝ่ายในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ มีความเห็นว่า การที่รัฐบาลจะสนับสนุนภาคเอกชนโดยใช้มาตรการภาษีจะมีความเสี่ยงที่จะสร้างภาระหนี้สินให้กับประชาชนเพิ่มมากขึ้น กระทบต่อประมาณการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ซึ่งจะเป็นสัญญาณอันตราย เนื่องจากหากรัฐบาลรับภาระส่วนนี้ไปแล้ว ไม่สามารถประเมินตัวเลขได้ชัดเจนว่าจะมีประชาชนมีกำลังซื้อหรือผ่อนชำระได้มากน้อยแค่ไหน สุดท้ายจะกระทบต่อวินัยการเงินการคลังและเป็นภาระต่อรัฐบาลได้อีก
“วันนี้มีการเสนอขอลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์อย่างเดียว ไม่มีการขอเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษี 50,000 บาท ในการซื้อรถยนต์ใหม่ ในที่ประชุมหลายฝ่ายไม่เห็นด้วยที่จะลดภาษี เพราะหากให้อุตสาหกรรมนี้จะทำให้อุตสาหกรรมอื่นเสนอขออีก ขณะที่การสนับสนุนโดยใช้มาตรการภาษีจะมีความเสี่ยง”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ 2 แนวทางที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอเกี่ยวกับการฝึกอบรมแรงงาน และเพิ่มศักยภาพผู้ผลิตยานยนต์นั้น รัฐบาลพร้อมรับไว้พิจารณาเนื่องจากสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มีมาตรการฝึกอบรมทักษะฝีมือแรงงานของกระทรวงแรงงานอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้ นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กรณีที่อุตสาหกรรมยานยนต์เสนอภาครัฐขอให้ปรับลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ลง 3% นั้น อาจทำให้เกิดความไม่เสมอภาคและไม่เป็นธรรมระหว่างอุตสาหกรรมได้ เพราะวิกฤตครั้งนี้ ไม่ได้มีเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ
นายสันติ กล่าวเสริมว่า หากรัฐบาลมีการลำเอียงลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ลง ก็เชื่อว่า จะมีอุตสาหกรรมอื่นๆ ขอลดภาษีสรรพสามิตจากรัฐบาลเช่นกัน อาทิเช่น เครื่องปรับอากาศ และน้ำอัดลม ดังนั้น การลดภาษีรัฐบาลควรพิจารณาภาพรวมมากกว่ามุ่งช่วยเหลืออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง