“เพื่อไทย” วางเกมป่วน 3 จังหวะ หวังโค่น “มาร์ค” ภายใน 6 เดือน เดินแผนชักใยเสื้อแดงก่อกวนทั่วประเทศ เปิดทาง “แม้ว” โฟนอินเป่าหูรากหญ้า ดิสเครดิตผลงานรัฐบาล ก่อนเปิดศึกซักฟอก ปิดท้ายด้วยจัด ส.ส.ลงพื้นที่ใส่ไฟรัฐบาลมาร์คแก้เศรษบกิจล้มเหลว ชูยี่ห้อ “ทักษิณ” ดีกว่า 6 มี.ค.นัดสุมหัว ส.ส.ก่อนออกเดินสาย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า คณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ของพรรค ได้กำหนดยุทธศาสตร์ทางการเมืองใหม่ โดยแบ่งเป็นยุทธศาสตร์ 3 จังหวะเพื่อล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ได้ภายใน 6 เดือน คือ 1.ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล จะใช้กลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนไหวทั่วประเทศเพื่อกดดันรัฐบาลนอกรัฐสภา และใช้เป็นเวทีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ชี้นำทิศทางพรรคอยู่เบื้องหลัง จะโฟนอินผ่านเวทีกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อวิจารณ์การบริหารงานของรัฐบาล ตอกย้ำว่ามีความผิดพลาดในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยมีการตั้งเวทีในจังหวัดหลักๆ ของแต่ละภาค เช่น ภาคกลางที่อยุธยา ภาคอีสานที่ขอนแก่น และภาคเหนือที่เชียงใหม่
2.การอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วยปลายเดือน มี.ค. และ 3.หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีการจัดวางให้ ส.ส.เดินสายลงพื้นที่พบปะหัวคะแนนและสมาชิกพรรคทั่วประเทศ เพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนเชื่อว่ามาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลล้มเหลว พร้อมกับเชิดชูสร้างภาพให้ พ.ต.ท.ทักษิณว่า แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจประสบความสำเร็จ
ด้าน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงยุทธศาสตร์การเมืองของพรรคเพื่อไทยว่า ให้จับตายุทธศาสตร์หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะเน้นทำการเมืองภาคชนบทโดยเฉพาะกับสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชนเดิมที่มีไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคนเป็นอย่างต่ำ เพื่อรักษาฐานเสียงและให้ประชาชนยังคงเลือก ส.ส.เพื่อไทยกลับมาจำนวนมาก แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ หากยุทธศาสตร์ดังกล่าวได้ผลจะทำให้ประชาชนทั่วประเทศ จากทุกหมู่บ้านเกิดความเห็นตรงกันว่า รัฐบาลนี้ล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
“ยุทธศาสตร์ คือ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าต้องการให้ประชาชนเลือก ส.ส.ของเรามาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง และในการหาเสียงจะชูแคมเปญเอา พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้านด้วย สำหรับรัฐบาลแห่งชาตินั้นจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้แน่นอน แต่ไม่อยากบอกว่าอาจจะเกิดก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะข้อมูลอยู่เหนือระดับที่จะบอกได้ ถึงพรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมก็คงต้องยอม เหมือนที่เคยบอกไปว่า ถ้าถูกบีบไข่ก็อย่ามาโวยวายแล้วกัน” นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์กล่าวต่อว่า ในวันที่ 6 มี.ค. นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยจะเรียก ส.ส.ที่จะออกเดินสายต่างจังหวัดมาประชุมร่วมกัน โดยเบื้องต้นจะมีการหารือกันว่า หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแล้วส.ส.เพื่อไทยในแต่ละจังหวัดจะออกเดินสายพบปะกับแกนนำชาวบ้านและสมาชิกพรรคเพื่อไทยในต่างจังหวัดเพื่อนำข้อมูลไปบอกให้ชาวบ้านรับทราบ ทั้งข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่จะไปเล่าให้ชาวบ้านฟังว่า รัฐบาลนี้บริหารประเทศล้มเหลวอย่างไรทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการทุจริตประพฤติมิชอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการลงพื้นที่ของ ส.ส.เพื่อไทยตรงกับช่วงที่นายกฯ และรัฐมนตรีลงพื้นที่ต่างจังหวัดเช่นกัน นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นอะไร แต่ชาวบ้านจะฟังใครมากกว่ากัน สมาชิกพรรคของเราในการเลือกตั้งครั้งแรกมี 14 ล้านคน ต่อมามี 19 ล้านคน เขาจะฟังใครมากกว่า วันนี้คนเห็นแล้วว่ารัฐบาลบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว
ส่วนสิ่งที่จะทำนั้นถือเป็นยุทธศาสตร์ของพรรคในการขับเคลื่อนได้หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ใช่ เป็นยุทธศาตร์ของพรรค วันนี้รัฐบาลใช้สื่อมากเหลือเกิน ขยันให้ข้อมูลผิดๆ แค่เราออกข่าว พ.ต.ท.ทักษิณก็หาว่าเราไปแย่งพื้นที่สื่อ ไม่รู้คิดได้อย่างไร เราไม่เคยคิดแย่งพื้นทีสื่อเลย สงสัยจะติดนิสัยมาตั้งแต่สมัยเป็นฝ่ายค้าน
สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้อาจถูกมองว่าเป็นการปลุกระดมมวลชนนั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิทธิของเขาที่จะมอง ไม่เป็นไร แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การปลุกระดม กลุ่มเสื้อแดงจะจัดชุมนุมก็เรื่องของเขา เราให้ข้อมูลชาวบ้านหลังการอภิปรายก็เป็นเรื่องของเราที่จะทำ เป็นคนละส่วนกัน
“สาก” ติดเชื้อปลาไหล อ้างแค่คุยแม้วทางโทรศัพท์
ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่เกาะฮ่องกงว่า ตนไม่ได้เจอ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ใช้โทรศัพท์พูดคุยกัน เพราะคณะ ส.ส.ที่เดินทางไปพร้อมกับตนนั้นเป็นคณะใหญ่ เมื่อคนเห็นก็จำได้ว่ามีตนอยู่ด้วย จึงรู้ได้ทันทีว่ากำลังจะไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ เท่าที่ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ท่านกำลังปรับแผนและทางฮ่องกงเองก็เห็นด้วยกับท่านว่าควรจะเลื่อนการปาฐกถาของท่านออกไปก่อนแต่ไม่ได้หมายความว่ายกเลิก เพราะไม่อยากให้รัฐบาลจีนรู้สึกอึดอัด
ร.ต.ท.เชาวรินกล่าวอีกว่า ฮ่องกงไม่มีวันให้ความร่วมมือในการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะนั่นหมายถึงเครดิตของเขาด้วย เนื่องจากนับตั้งแต่ฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษมาก็ยังไม่เคยมีกรณีดังกล่าวเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“น่าเห็นใจรัฐบาลเหมือนกันที่ชาวบ้านเขาบอกว่า ขนาดเสียงทักษิณมึงยังกลัว ถ้าเห็นตัวมึงตายแน่เลย วาทะแบบนี้แม้แต่ในห้องน้ำก็มีให้เห็น” ร.ต.ท.เชาวริน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ร.ต.ท.เชาวริน ไม่ได้บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่กล้าปรากฏตัวในงานสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ฮ่องกง เพราะกลัวถูกจับหรือไม่