“อภิสิทธิ์” เปิดเกมเข้าหามวลชน สั่งรัฐมนตรีทุกคนลงพื้นที่ 1 คน ต่อ 2 จังหวัดภายใน 1 เดือน ครอบคลุมทั่วประเทศ เน้นรับฟังปัญหาชาวบ้าน-ชี้แจงนโยบายรัฐบาล เตรียมนำร่องไปลพบุรีก่อน 7 มี.ค.นี้ ปัดไม่เกี่ยว “แม้ว” โฟนอินสายตรงเข้าหมู่บ้าน ย้ำเพื่อให้ประชาชนเข้าใจการทำงานรัฐบาล ไม่หวังหาเสียงเข้าพรรค ลั่นจะไปครบทุกจังหวัด
วันนี้(3 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ตนเห็นว่าการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านได้มีการอนุมัติมาตรการหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องปัญหาเศรษฐกิจไป จนถึงปัญหาอื่นๆ ตนจึงอยากให้รัฐมนตรีทุกคนมีส่วนร่วมในการไปติดตามมาตรการและสภาพปัญหาต่างๆในพื้นที่ เพราะนอกเหนือจากตัวนโยบายของรัฐบาลแล้ว ยังมีปัญหาภัยแล้งหรือบางพื้นที่อาจมีปัญหาเรื่องอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐมนตรีต้องช่วยกันติดตาม จึงมอบหมายให้รัฐมนตรี ทุกคนลงพื้นที่ในช่วงเดือนนี้ คนละสองจังหวัด ซึ่งจะทำครอบคลุมได้ทั้งประเทศหรืออาจเหลือไม่กี่จังหวัด โดยจะมีการมอบหมายอีกครั้ง ทั้งนี้รัฐมนตรีจะเริ่มลงพื้นที่ในวันที่ 7 มี.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงการลงพื้นที่ของรัฐมนตรี เพื่อพบปะประชาชน จะมีการกำชับไม่ให้แจกสิ่งของเหมือนกรณีของนาย บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าคงไม่ได้เน้นเรื่องการแจกสิ่งของ เป็นการติดตามเรื่องนโยบายต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไปปฏิบัติราชการตามปกติจะเน้นเรื่องการปฏิบัติตามนโยบายได้บอกไปอย่างนั้น และการลงพื้นที่ในวันที่ 7 มี.ค.นี้ตนจะไปที่จ.ลพบุรี ส่วนหนึ่งจะไปดูเรื่องผู้สูงอายุและจะมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชุมชนพอเพียงและงานด้านสาธารณสุข เพราะตนเคยไปลงพื้นที่ตรงนั้นไว้ และเป็นคนรับข้อเสนอเรื่อง อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อย่างไรก็ตามเฉพาะเดือนนี้จะพยายามลงพื้นที่ 2 ครั้ง เพราะเวลานี้มีปัญหาเรื่องกำหนดการณ์ของตัวเองในเดือนนี้ยังค่อนข้างแน่นอยู่ ขณะนี้มีรายชื่ออยู่ 35 จังหวัดที่ยังไม่ได้ไป รอบแรกจะจัดสรรกันอีกที จะกระจายกันไป
เมื่อถามว่า หากลงพื้นที่แล้วเจอกลุ่มเสื้อแดงขับไล่จะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าคงเหมือนกับที่รัฐบาลพยายามปฏิบัติมาตลอดคือ ไม่ต้องการให้เกิดบรรยากาศของการเผชิญหน้าแต่เคารพในการใช้สิทธิของเขา ทั้งนี้แต่ละฝ่ายก็ทำหน้าที่หรือแสดงท่าทีของตนเองไป อย่าให้เกิดการกระทบกระทั่ง และคิดว่า รัฐมนตรีที่ลงพื้นที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะที่ผ่านมารัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่อยู่พอสมควร ต่อข้อถามว่า จะเลือกเป็นพื้นที่ภาคไหนก่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี แล้วแต่ความสมัครใจเบื้องต้น เนื่องจากเสาร์-อาทิตย์นี้ หลายท่านมีกำหนดลงพื้นที่ในฐานะส.ส. อยู่แล้ว หลายท่านอาจจะเลือกจังหวัดที่เป็นเจ้าของพื้นที่อยู่
เมื่อถามว่า หวังผลอย่างไรกับการลงพื้นที่ของรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าที่ผ่านมาการสื่อสารติดตามเชิงนโยบายภาพรวมอาจทำผ่านรายการโทรทัศน์หรือข่าวสารเพียงอย่างเดียว ตรงนี้จะเป็นการไปสัมผัสกับผู้ปฏิบัติและประชาชนในพื้นที่ เมื่อถามว่า จะเป็นการสยบความเคลื่อนไหวของผู้ที่ไม่พอใจรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป้าหมายหลักคือ ต้องการทำความเข้าใจและชี้แจงสิ่งที่รัฐบาลทำพร้อมรับทราบปัญหาอุปสรรคมากกว่า และการลงพื้นที่จะลงทุกครั้งไม่ใช่เฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่เอาเรื่องพรรคเข้ามาเกี่ยวข้อง จริงๆแล้วเข้าใจว่าในหลายพื้นที่ถ้าจะมีการประสานกับส.ส. จะประสานทุกพรรค แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นรายชื่อผู้ลงพื้นที่ ขณะนี้ให้นาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เป็นผู้รวบรวมรายชื่ออยู่
เมื่อถามว่า การเลือกลงพื้นที่จ.ลพบุรี เพราะเป็นพื้นที่ปลอดภัยเนื่องจากเป็นพื้นที่ทหารใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่หรอก จ.ลพบุรีถ้าพูดตามภาษาการเมืองส.ส. 4 คน 3 พรรค มีทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน และตนก็ไม่ได้ไปในพื้นที่ทหาร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเดินทางสะดวก สามารถที่จะไป-กลับ และทำภารกิจในช่วงบ่ายได้ เมื่อถามอีกว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นเพราะจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านออกมาระบุว่าการที่รัฐบาลจะลงพื้นที่เป็นความต้องการดิสเครดิตฝ่ายค้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฝ่ายค้าน แต่ไปเรื่องนโยบายรัฐบาล เมื่อถามว่า จะเกี่ยวกับการโฟนอินพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ใช่หรือไม่เพราะช่วงนี้มีการโฟนอินบ่อยครั้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยว ตนไม่ได้โฟนอิน แต่ไปเอง และไม่เกี่ยวกับเรื่องโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ
เมื่อถามว่า จะเดินทางไปภาคเหนือ –อีสานด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไป ถ้ามีภารกิจก็ไป จริงๆแล้วการลงพื้นที่หนักๆ ต้องรอหลังปิดสมัยการประชุมสภา เพราะข้อจำกัดของตนเองขณะนี้คือ วันอังคาร-พุธ –พฤหัส จะมีการประชุมที่กรุงเทพฯตลอด และมีกรรมการเนื่องจากว่า ตนเป็นประธานกรรมการหลายคณะในฐานะนายกฯ ก็ต้องพยายามประชุมในวันจันทร์ ขณะนี้แม้แต่ไปต่างประเทศก็นอนเพียงคืนเดียว นั่นคือข้อจำกัด ทำให้บางครั้ง วันเสาร์-อาทิตย์ ติดเดินทางจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ตั้งใจว่าจะไปทุกจังหวัดเท่าที่จะทำได้ แต่ค่อยๆทยอยไป และด้วยข้อจำกัดมากจึงต้องไปจังหวัดภาคกลางเสียส่วนใหญ่ จะสะดวกที่สุด
เมื่อถามว่า ทำไมถึงเลือกไปจ.ลพบุรี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พอดีมีประเด็นเคยไปทำงานตรงนั้นกับมวลชนเรื่องอสม. สาธารณสุข และนโยบายที่จะไปติดตามเป็นเรื่องนี้ จึงเลือกกลับไปที่นั่น เมื่อถามว่า ทางภาคอีสานก็ต่างมีปัญหาพอสมควรทำไมไม่เดินทางไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวชี้แจงว่า จังหวัดที่จะไปต้องใกล้กรุงเทพฯ เพราะไม่เช่นนั้นเรื่องการเดินทางจะเป็นปัญหาเรื่องเวลา และคราวนี้จะเดินทางไปวันเสาร์ ซึ่งในช่วงเย็นมีภารกิจที่จ. นนทบุรี
เมื่อถามว่า ทำไมเลือกไปช่วงนี้ ไม่รอให้นโยบายรัฐบาลเดินหน้า 3-6 เดือน นายอภิสิทธิ์ กล่าวชี้แจงว่า จริงๆแล้วถือว่า มาตรการต่างๆและงานใหญ่เรื่องอาเซียนผ่านพ้นไปแล้ว ช่วงนี้ต้องลงไปทำความเข้าใจประชาชนให้มากที่สุด เช่นเวลาที่ตนพบปะกับประชาชนและส.ส. บางครั้งยังมีความไม่เข้าใจในนโยบายหลายเรื่อง เช่น ผู้สูงอายุถูกถามตลอดว่า ตกลงให้เบี้ยยังชีพ 6 เดือนเท่านั้นใช่หรือไม่ ต้องมีรายได้ต่ำเท่านั้นเท่านี้ และเวลานี้เป็นช่วงที่ต้องลงทะเบียน เหมือนเรื่อง 2 พันบาท ใครได้หรือไม่อะไรต่างๆ ซึ่งในช่วงนี้การซักซ้อมทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่สำคัญสุด เพราะกฎหมายงบประมาณกำลังมีผลบังคับใช้
เมื่อถามว่า นอกจากการลงพื้นที่พบปะประชาชนมีแนวคิดจะประชุมครม.สัญจรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ามีประเด็นและความเหมาะสมไม่ปิดกั้นอยู่แล้ว ต้องดูตามความเหมาะสมอีกที เชื่อว่าตอนปิดสมัยประชุมสภาจะมีกิจกรรมในต่างจังหวัดมากขึ้นเต็มรูปแบบ เมื่อถามว่า การลงพื้นที่ได้ขอให้ทหารไปดูแลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี ไม่จำเป็น เมื่อถามว่า การลงพื้นที่พบปะประชาชนของรัฐบาลถูกมองว่า ต้องการเพิ่มคะแนนเสียงให้กับพรรคตัวเอง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดเรื่องคะแนนเสียง แต่คิดเรื่องประสิทธิภาพ