“กองทัพ” ปัดส่งทหารแฝงตัวปั่นป่วนเสื้อแดง ยันเป็นแค่เพียง “กำลังพล” ลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจปกป้องสถานที่สำคัญ-คอยสอดส่องป้องกันมือที่ 3 สร้างสถานการณ์ แฉเจ้าหน้าที่ถูกรุมยำจนหัวแตก แถมถูกยึดวิทยุสื่อสาร แย้มมี “ซีทีวี” เป็นหลักฐานเด็ด พร้อมแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.ดุสิต เพื่อเอาผิด “ม็อบถ่อย” ตาม กม.แล้ว
วันนี้ (26 ก.พ.) พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการ์ดของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จับชายคนหนึ่งซึ่งระบุว่าเป็นทหารจากต่างจังหวัด โดยมีผู้บังคับบัญชาจากมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) มารับตัวเมื่อคืนวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องเข้าใจผิด ทหารไม่ได้มีการแฝงตัวเข้าไปป่วนการชุมนุม แต่เป็นกำลังพลที่ลงไปดูแลพื้นที่การชุมนุม ซึ่งไม่ได้มีการสวมเสื้อแดงเข้าไปแฝงตัวกับกลุ่มผู้ชุมนุมแต่อย่างใด อีกทั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ยังไม่ได้ประสานมาเพื่อขอรับทราบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้
ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ข้อเท็จจริง คือ ระหว่างที่ ส.อ.อำนวย ทองรินทร์ และพลทหารอีก 1 นาย ซึ่งทั้ง 2 นายเป็นทหารสังกัดพัน ร.มทบ.11 ได้ปฏิบัติภารกิจตามแผนงานในการดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่โดยรอบกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 1 จัดกำลังทหารปฏิบัติการโดยรอบ โดยให้นายทหารยศนายสิบ กับพลทหารปฏิบัติภารกิจอยู่บริเวณหัวมุมกำแพงของกองทัพภาคที่ 1 ด้านนอก เพื่อติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังไม่ให้บุคคลที่ 3 เข้ามาก่อความวุ่นวายในสถานที่ราชการ
“ระหว่างที่ทหารปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น กลุ่มคนเสื้อแดงได้เข้ามาจับตัวทหารทั้ง 2 คนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณหลังป้อมยามตำรวจ ซึ่งติดอยู่กับกำแพงของกองทัพภาคที่ 1 แยกสวนมิสักวัน โดยทหารทั้ง 2 นายได้ยืนติดตามสถานการณ์ตามปกติ เพราะในการชุมนุมทางการเมือง ทางกองทัพจัดกำลังทหารเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ตามแผนแบบนี้ทุกครั้งไม่ว่าสมัยไหน ส่วนที่ทหารต้องแต่งกายนอกเครื่องแบบ เพราะไม่อยากแต่งชุดทหารออกมายืนปฏิบัติภารกิจด้านนอก เนื่องจากจะเป็นการเผชิญหน้ากัน โดย ส.อ.อำนวย ได้แต่งกายเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ สวมเสื้อแจ็กเกต ส่วนพลทหารจะสวมเสื้อคอปกสีฟ้า และกางเกงยีนส์ พร้อมอุปกรณ์วิทยุไอคอมเพียงตัวเดียว” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
โฆษกกองทัพบกกล่าวอีกว่า การปฏิบัติงานครั้งนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรก แต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยสถานที่เพื่อติดตามสถานการณ์ และเฝ้าระวังไม่ให้บุคคลที่ 3 เข้าไปก่อเหตุความวุ่นวาย ที่สำคัญทหารทั้ง 2 นายไม่ได้แต่งกายเสื้อแดง ไม่ได้ไปสร้างความวุ่นวาย หรือปลอมปนกับผู้ชุมนุมแต่อย่างใด เขามีเพียงวิทยุไอคอมเพียงตัวเดียว แต่ขณะนี้ทางกลุ่มเสื้อแดงได้ยึดไป และยังไม่ได้คืน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มเสื้อแดงเข้ามาถาม เขาจึงบอกว่าเป็นทหารลงมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลการรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ ซึ่งปรากฏว่ากลุ่มคนเสื้อแดงกลับเข้าไปล็อกตัวทหารทั้ง 2 นายทันที โดยกลุ่มเสื้อแดงเข้าไปล็อกเพียงนายสิบได้คนเดียวเท่านั้น ส่วนพลทหารได้สลัดตัวและวิ่งเข้าไปภายในหน่วยที่ตั้ง
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า จากนั้นพลทหารได้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยทาง พ.อ.สุชาติ พรมใหม่ ผบ.พัน ร.มทบ.11 ในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรง ได้เข้าไปติดต่อกับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง โดยระบุว่า ส.อ.อำนวย เป็นทหารในสังกัด และอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้สร้างความวุ่นวายอะไร แต่ทหารยศสิบเอกคนดังกล่าวถูกกลุ่มคนเสื้อแดงทำร้ายร่างกายจนศีรษะแตก และที่ใบหน้ามีรอยฟกซ้ำ ซึ่งขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ รพ.พระมงกุฏ อย่างไรก็ตาม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ระบุว่าให้ดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรม และให้ทหารที่ปฏิบัติภารกิจให้ระมัดระวังเพื่อไม่ให้ปัญหาซ้ำรอยแบบนี้อีก
“ทุกอย่างต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม เพราะทหารไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย ทั้งนี้ พ.อ.สุชาติ ในฐานะผู้บังคับบัญชาของ ส.อ.อำนวย ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สน.ดุสิต แล้ว เพื่อร้องทุกข์ไปตามกระบวนการยุติธรรม ผมยืนยันว่ากองทัพไม่ได้มีการส่งกำลังทหารเข้าไปแฝงในกลุ่มผู้ชุมนุมตามที่กลุ่มเสื้อแดงกล่าวอ้าง เพราะเห็นได้จากทหารที่ถูกจับตัวไป ก็แต่งกายชุดสีดำ เขาปฏิบัติหน้าที่ เขาตัดผมสั้น ดูก็รู้ว่าเป็นทหาร ไม่รู้มาจับตัวไปได้อย่างไร เขาบอกว่าปฏิบัติหน้าที่ในสถานที เพื่อที่จะรายงานสถานการณ์เพื่อเฝ้าระวังบุคคลที่สาม โดยก่อนหน้านี้ได้บอกว่าแล้ว การชุมนุมทุกครั้งเจ้าหน้าที่ทุกคนจะติดตามข้อมูลข่าวสารเพื่อรายงานในลักษณะเช่นนี้ และเข้าไปปะปนสร้างความวุ่นวาย ซึ่งเรื่องแบบนี้มีภาพซีทีวีบันทึกอยู่ แต่ไม่อยากเปิดเผย เพราะจะเก็บเป็นหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมาย” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า กลุ่มแกนนำเสื้อแดงคงทราบแล้วว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร เขาคงจะไปชี้แจงกับกลุ่มผู้ชุมนุม ต่างฝ่ายต่างมีจุดยืนของตัวเอง ทหารก็ปฏิบัติตามหน้าที่ของทหาร แม้ว่าจะอยู่นอกเครื่องแบบ แต่ก็ไม่ได้แต่งตัวแบบมีสีสัน หรือ แต่งตัวพรางเป็นกลุ่มเสื้อแดง ต่างคนต่างรู้หน้าที่ ซึ่งคงจะต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีก ทั้งนี้ทหารจะไม่มีการเพิ่มกำลังเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อย เพราะจะเห็นว่าช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทหารก็ไม่ได้เข้าไปมีบทบาทอะไร เพียงแต่ดูแลในพื้นที่ทำเนียบฯ เท่านั้น ส่วนบริเวณภายนอกของการชุมนม ตำรวจจะปฏิบัติหน้าที่ เราดูแลเพียงสถานที่ราชการสำคัญเท่านั้น
เมื่อถามว่า กองทัพประเมินสถานการณ์การชุมนุมอย่างไร พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า กองทัพไม่ได้ประเมินอะไรเลย เพราะทางตำรวจเขาดูแลอยู่แล้ว เราเพียงปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย ทั้งนี้เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้บุกรุกเข้าไปในทำเนียบฯ ทหารก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ทั้งนี้เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่บานปลาย เพราะคิดว่าทุกคนเห็นประโยชน์ส่วนรวม โดยเฉพาะการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่จะเกิดขึ้น ทุกคนต้องเห็นแก่ประเทศชาติ เพราะเป็นหน้าตาของประเทศ