“จงรัก จอแก้ว” ยืนยันตำรวจควบคุมสถานการณ์ได้หมดแล้ว ปฏิเสธตำรวจไม่ได้ปล่อยให้เกิดเหตุปะทะ แจงเหตุขวาง นปก.ไม่ได้ เพราะมากันมานับได้ 13,000 คน ตำรวจพยายามแล้ว แต่ไม่เป็นผล ขณะที่เวที นปก. ทนายชินวัตรโดดขึ้นเวทีปลุกระดม
วันนี้ (2 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 05.35 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบช.น.แถลงข่าวกรณีการปะทะระหว่างกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ทั้งหมดแล้ว โดยทราบว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 ราย คือ นายณรงศักดิ์ เกาะไทยสง อายุ 55 ปี ผู้ชุมนุมกลุ่มโคราชรักประชาธิปไตย และมีผู้บาดเจ็บจำนวน 34 ราย
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นได้เน้นย้ำไม่ให้มีการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะกัน ให้ใช้การเจรจาต่อรอง ห้ามนำกระบองติดตัวไป มีเพียงโล่เป็นอุปกรณ์ในการป้องกันตัวเท่านั้น แต่เนื่องจากฝ่าย นปช.จำนวนประมาณ 13,000 คน ได้เคลื่อนขบวนจากท้องสนามหลวง ทั้งรถ 6 ล้อ รถจักรยานยนต์ ประมาณ 200 คัน และรถแท็กซี่มาถึงแยก จปร. ฝ่ายตำรวจได้พยายามเจรจาต่อรองแต่ไม่เป็นผลแม้ตำรวจตั้งแนวควบคุมฝูงชนไว้ถึง 3 ชั้น ณ บริเวณหน้ากองทัพบก แต่เนื่องจากกลุ่ม นปช. มีมากถึง 13,000 คน อีกทั้งยังมีรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ด้วย ทำให้แนวควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีเพียงโล่ป้องกันตัวไม่สามารถต้านทานไว้ได้ กลุ่ม นปช.จึงทะลุผ่านมาและเกิดการปะทะระหว่างสองกลุ่มจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตำรวจได้ทำทุกวิถีทางที่จะกันทั้งสองฝ่ายออกจากกัน ที่ผ่านมากว่า 100 วัน ตำรวจต้องทำหน้าที่อยู่ตลอดเวลาจนเกิดความเหนื่อยล้า แต่ก็จะทำหน้าที่ต่อไป ส่วนการปะทะทั้งสองฝ่ายนั้นขณะนี้ได้ประสานขอภาพจากสื่อมวลชนเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดอีกครั้ง” พล.ต.อ.จงรัก กล่าว
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ที่มีทหารออกมาช่วยดูแลนั้น เป็นเพราะตำรวจไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ทหารเพียงออกมาช่วยเสริมกำลังตำรวจในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงานเท่านั้น โดยยืนยันว่าตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
ต่อมาเวลา 06.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นบริเวณถนนพะเนียง ข้างร้านลิขิตไก่ย่าง ซึ่งอยู่ฝั่งที่ นปก.หรือ นปช.ตั้งเวทีประจันหน้าอยู่ โดยเมื่อได้ยินเสียงดังผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่ายลุกฮือโห่ร้องและจะประจันหน้ากัน แกนนำได้ห้ามเอาไว้ สถานการณ์จึงกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ขณะที่เวที นปก.ขณะนี้กลุ่มแกนนำผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปลุกปั่นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เมื่อเวลา 06.15 น.คนที่ขึ้นเวที คือ นายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความของครอบครัวชินวัตร และกลุ่ม นปก.ที่เดินทางมาตรวจสอบเหตุระเบิดบริเวณป้อมตำรวจเมื่อคืนวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อม พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 06.20 น.ได้มีกำลังทหารจากมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11)ใส่ชุดพราง พร้อมด้วยโล่หลายกองร้อยเข้าไปภายในกองบัญชาการทหารบก และกำลังส่วนหนึ่ง ได้ออกมาตรึงกำลังแทนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สับเปลี่ยนกำลังไปผักผ่อน
อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพข่าวที่เกิดขึ้นขณะเกิดเหตุ และถูกนำเสนอโดยสื่ออยู่ตลอดเวลา ถือว่าขัดแย้งกับคำแถลงของ พล.ต.อ.จงรัก ที่นับจำนวนผู้ชุมนุม นปก.ได้ 13,000 คน ทั้งๆ ที่จำนวนผู้ชุมนุมมีประมาณ 3,000 คน และขณะที่เกิดเหตุ ภาพข่าวไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สกัดกั้นไม่ให้กลุ่ม นปก.เข้าไปปะทะกับพันธมิตรฯ โดยปล่อยให้เดินถือไม้กระบอง และอาวุธอย่างอิสระ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ปะทะมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บขึ้น
นอกจากนั้น จากการเกิดเหตุปะทะครั้งนี้ เหมือนกับตำรวจระดับสูงได้ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า เนื่องจากได้มีการเรียกระดมกำลังตำรวจเป็นการด่วนที่สุด ตั้งแต่เวลา 21.00 น.โดยให้ทุกหน่วยเตรียมพร้อม รวมทั้ง พล.ต.อ.จงรัก คือนายตำรวจที่ได้รับมอบหมายให้รักษาการ ผบช.น.หลังจาก เด้ง พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง พ้นอำนาจในนครบาล เพื่อให้มีอำนาจในการสั่งการปราบปรามพันธมิตรฯ ตามคำสั่งของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี โดยมีตำแหน่ง ผบ.ตร.เป็นเครื่องล่อใจ ประกอบกับ พล.ต.อ.จงรัก ก็คือนายตำรวจที่กระเหี้ยนกระหือรือที่จะนั่งตำแหน่ง ผบ.ตร.อยู่ตลอดเวลา
วันนี้ (2 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 05.35 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบช.น.แถลงข่าวกรณีการปะทะระหว่างกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ทั้งหมดแล้ว โดยทราบว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 ราย คือ นายณรงศักดิ์ เกาะไทยสง อายุ 55 ปี ผู้ชุมนุมกลุ่มโคราชรักประชาธิปไตย และมีผู้บาดเจ็บจำนวน 34 ราย
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นได้เน้นย้ำไม่ให้มีการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะกัน ให้ใช้การเจรจาต่อรอง ห้ามนำกระบองติดตัวไป มีเพียงโล่เป็นอุปกรณ์ในการป้องกันตัวเท่านั้น แต่เนื่องจากฝ่าย นปช.จำนวนประมาณ 13,000 คน ได้เคลื่อนขบวนจากท้องสนามหลวง ทั้งรถ 6 ล้อ รถจักรยานยนต์ ประมาณ 200 คัน และรถแท็กซี่มาถึงแยก จปร. ฝ่ายตำรวจได้พยายามเจรจาต่อรองแต่ไม่เป็นผลแม้ตำรวจตั้งแนวควบคุมฝูงชนไว้ถึง 3 ชั้น ณ บริเวณหน้ากองทัพบก แต่เนื่องจากกลุ่ม นปช. มีมากถึง 13,000 คน อีกทั้งยังมีรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ด้วย ทำให้แนวควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีเพียงโล่ป้องกันตัวไม่สามารถต้านทานไว้ได้ กลุ่ม นปช.จึงทะลุผ่านมาและเกิดการปะทะระหว่างสองกลุ่มจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตำรวจได้ทำทุกวิถีทางที่จะกันทั้งสองฝ่ายออกจากกัน ที่ผ่านมากว่า 100 วัน ตำรวจต้องทำหน้าที่อยู่ตลอดเวลาจนเกิดความเหนื่อยล้า แต่ก็จะทำหน้าที่ต่อไป ส่วนการปะทะทั้งสองฝ่ายนั้นขณะนี้ได้ประสานขอภาพจากสื่อมวลชนเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดอีกครั้ง” พล.ต.อ.จงรัก กล่าว
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ที่มีทหารออกมาช่วยดูแลนั้น เป็นเพราะตำรวจไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ทหารเพียงออกมาช่วยเสริมกำลังตำรวจในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงานเท่านั้น โดยยืนยันว่าตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
ต่อมาเวลา 06.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นบริเวณถนนพะเนียง ข้างร้านลิขิตไก่ย่าง ซึ่งอยู่ฝั่งที่ นปก.หรือ นปช.ตั้งเวทีประจันหน้าอยู่ โดยเมื่อได้ยินเสียงดังผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่ายลุกฮือโห่ร้องและจะประจันหน้ากัน แกนนำได้ห้ามเอาไว้ สถานการณ์จึงกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ขณะที่เวที นปก.ขณะนี้กลุ่มแกนนำผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปลุกปั่นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เมื่อเวลา 06.15 น.คนที่ขึ้นเวที คือ นายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความของครอบครัวชินวัตร และกลุ่ม นปก.ที่เดินทางมาตรวจสอบเหตุระเบิดบริเวณป้อมตำรวจเมื่อคืนวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อม พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 06.20 น.ได้มีกำลังทหารจากมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11)ใส่ชุดพราง พร้อมด้วยโล่หลายกองร้อยเข้าไปภายในกองบัญชาการทหารบก และกำลังส่วนหนึ่ง ได้ออกมาตรึงกำลังแทนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สับเปลี่ยนกำลังไปผักผ่อน
อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพข่าวที่เกิดขึ้นขณะเกิดเหตุ และถูกนำเสนอโดยสื่ออยู่ตลอดเวลา ถือว่าขัดแย้งกับคำแถลงของ พล.ต.อ.จงรัก ที่นับจำนวนผู้ชุมนุม นปก.ได้ 13,000 คน ทั้งๆ ที่จำนวนผู้ชุมนุมมีประมาณ 3,000 คน และขณะที่เกิดเหตุ ภาพข่าวไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สกัดกั้นไม่ให้กลุ่ม นปก.เข้าไปปะทะกับพันธมิตรฯ โดยปล่อยให้เดินถือไม้กระบอง และอาวุธอย่างอิสระ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ปะทะมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บขึ้น
นอกจากนั้น จากการเกิดเหตุปะทะครั้งนี้ เหมือนกับตำรวจระดับสูงได้ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า เนื่องจากได้มีการเรียกระดมกำลังตำรวจเป็นการด่วนที่สุด ตั้งแต่เวลา 21.00 น.โดยให้ทุกหน่วยเตรียมพร้อม รวมทั้ง พล.ต.อ.จงรัก คือนายตำรวจที่ได้รับมอบหมายให้รักษาการ ผบช.น.หลังจาก เด้ง พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง พ้นอำนาจในนครบาล เพื่อให้มีอำนาจในการสั่งการปราบปรามพันธมิตรฯ ตามคำสั่งของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี โดยมีตำแหน่ง ผบ.ตร.เป็นเครื่องล่อใจ ประกอบกับ พล.ต.อ.จงรัก ก็คือนายตำรวจที่กระเหี้ยนกระหือรือที่จะนั่งตำแหน่ง ผบ.ตร.อยู่ตลอดเวลา
