ส.ว.จอมคุ้ยเรืองไกร ยื่น กกต.ตรวจสอบสถานะ “วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล” หลังพบถือหุ้นบ้านปู เข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 256 วรรค 2 ถือหุ้นบริษัทคู่สัมปทานของรัฐ ผิดข้อห้ามลักษณะ ส.ส.
วันนี้ (24 ก.พ.) ที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะฯ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อประธาน กกต.ผ่านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.ขอให้ตรวจสอบสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ว่าสิ้นสุดลงของนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ และอดีตรมต.คมนาคม
ทั้งนี้ นายเรืองไกร กล่าวว่า ได้ตรวจสอบการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.ของนายวรวัจน์ เมื่อวันที่ 22 ม.ค.51 กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. และมีเมื่อเข้ารับตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม ได้มีการยื่นเมื่อวันที่ 25 ก.ย.51 รวมทั้งเมื่อพ้นจากตำแหน่ง รมว.คมนาคมเมื่อ 22 ธ.ค.51 พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงในหมวดการลงทุนที่อาจเข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 (2) ที่ห้ามเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้น หรือไปรับสัมปทาน หรือเข้าเป็นคู่สัญญาไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
นายเรืองไกร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค.51 นายวรวัจน์แจ้งว่ามีเงินลงทุนถือหุ้นในโรงพยาบาลพระราม 9 บริษัท ลานนายาสูบ รวมมูลค่าลงทุน 1,870,000 บาท ต่อมาเมื่อ 25 ก.ย.51 กลับแจ้งว่ามีเงินลงทุนในหุ้นบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เพียงแห่งเดียวจำนวน 24,269 หุ้น เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 8,105,856 บาท และได้มาแจ้งอีกครั้งเมื่อ 22 ธ.ค.51 ว่ามีเงินลงทุนในหุ้นดังกล่าวเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4,368,420 บาท ซึ่งการแจ้งบัญชีทรัพย์สินว่ามีเงินลงทุนในหุ้นบริษัท บ้านปู นั้นอาจเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 (2) เนื่องจากบริษัทดังกล่าวได้แสดงข้อมูลไว้ตลาดหลักทรัพย์ว่าเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานบัตรจากส่วนราชการ ซึ่งสัมปทานบัตรดังกล่าวควรถือว่ามีลักษณะเป็นสัมปทานตามความหมายของรัฐธรรมนูญ อีกทั้งมีการแจ้งว่าได้หุ้นดังกล่าวมาหลังจากเป็น ส.ส.แล้ว จึงอาจเข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญที่ทำให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของ นายวรวัจน์นั้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (6) ได้ จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบ