“เรืองไกร” ยกมติ กกต.ชี้ ส.ว.ปราจีนฯ สิ้นสุดสภานภาพ หารือที่ประชุมวุฒิฯ อัดแหลกข้อมูล กกต.มั่วให้เจ้าหน้าที่ระดับล่างทำงาน ชอบยัดไส้ ปัดสวะให้ศาลถกต่อเมื่อถูกแย้ง ด้าน “ประสพสุข” สั่งเจ้าหน้าที่ดูกฎหมายส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลฎีกา
วันนี้ (6 ก.พ.) ที่รัฐสภา มีการประชุมสมาชิกวุฒิสภา โดยมีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานในการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ได้หารือกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งเรื่องมาให้ประธานวุฒิสภาพิจารณากรณีที่มีมติว่านายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี สิ้นสุดสมาชิกภาพลงเพราะขาดคุณสมบัติ ในการสมัคร ส.ว. เนื่องจากลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไม่เกิน 5 ปี ทั้งที่นายสุรเดชได้ลาออกไปแล้วและไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกอีก กรณีที่เกิดขึ้นคล้ายกับกรณีนายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร ที่ศาลฎีกาได้เคยมีคำสั่งเป็นแนวทางไปแล้ว แต่ทาง กกต.ก็ไม่เคยนำมาประกอบในสำนวนดังกล่าว ซึ่งมติดังกล่าวมี กกต.บางคนระบุว่าหากวุฒิสภาไม่เห็นด้วยก็สามารถพิจารณาใหม่ได้
ขณะที่ นายสุรเดช ชี้แจงว่า ตนเคยสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เพียงครั้งเดียว โดยได้ลาออกแล้ว และไม่เคยสมัครใหม่ตามข้อมูลที่ กกต.กล่าวอ้างแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตนก็อยากทราบว่าแนวทางในการต่อสู้เรื่องนี้ควรดำเนินการอย่างไรต่อไป วุฒิสภามีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาคุณสมบัติของตนต่อไปได้หรือไม่ อาศัยอำนาจหรือกฎหมายมาตราอะไร หรือจะส่งให้ศาลฏีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณา ตามมาตรา 239 หรือจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 91
ด้าน นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร กล่าวว่า ตนเคยได้รับการวินิจฉัยว่ามีสมาชิกภาพของพรรคมหาชน โดยตนได้สอบถาม กกต.ว่าการพิจารณาใช้เอกสารยืนยันว่าตนเป็นสมาชิกพรรคมหาชน จึงได้รับคำตอบว่าได้คัดลอกเอกสารเดิมซึ่งเป็นเอกสารสมัยใดตนก็ไม่ทราบ ทำให้ตนต้องไปร้องศาลฎีกาและศาลได้ยกคำร้องในที่สุด ตนขอกล่าวหาว่า กกต.มั่วมากๆ ทำงานโดยให้เจ้าหน้าที่ระดับล่างไปหาข้อมูล โดยไม่รู้ว่ามีการยัดไส้สอดไส้ชื่อของตนได้อย่างไร แล้วยัดไส้อย่างไรจึงปรากฏชื่อของนายสุรเดชด้วย เมื่อเกิดเรื่องก็ปัดความรับผิดชอบอะไรเกิดขึ้นก็ส่งให้ศาลพิจารณาเป็นการเอาขยะไปใส่ศาล ขอให้เรื่องนี้อย่าได้เกิดขึ้นอีกในอนาคตโดยเฉพาะในการเลือกตั้งสมัยหน้า ทั้งนี้ นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา ได้เสนอให้วุฒิสภาไต่สวนเรื่องนี้โดยเปิดเผย
อย่างไรก็ตาม นายประสพสุขได้ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวกำลังให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการพิจารณาอยู่ โดยมีข้อสงสัยว่าเรื่องนี้ต้องส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญ หรือให้วุฒิสภา เป็นผู้ดำเนินการต่อไป