หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำชัดไม่คิดจับมือ “เพื่อไทย” จัดตั้งรัฐบาล ชี้จุดยืนต่างกัน บอกแปลกจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลกันอยู่แล้วจะร่วมกันกันได้อย่างไร ยัน พรรคร่วมหนักแน่นไม่หวั่นไหว พร้อมปัดส่งทหารสวมรอยป่วนเสื้อแดง เหน็บจะทำไปทำไม มั่นใจเจ้าหน้าที่คุมม็อบอยู่ แต่ห่วงความรุนแรง
วันนี้ (22 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองถึงกระแสข่าวการจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยในช่วงเดือนมีนาคมว่า เรื่องนี้ไม่มี เพราะพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลก็มีความชัดเจนว่าต้องการทำงสานร่วมกันและจนถึงขณะนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปทบทวนตรงนั้นเพราะขณะนี้ตั้องเร่งการทำงานของทุกพรรคทุกกระทรวงมากกว่า เนื่องจากงบประมาณฯ ต่างก็ใกล้ที่จะนำออกมาใช้จ่ายแล้วสิ่งสำคัญคือทุกกระทรวงจะต้องทำงานให้สอดคล้องกัน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรที่อยู่ในความดูแลของพรรคร่วมรัฐบาลก็ประสานงานกันตลอดเวลาจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเปลี่ยนแปลง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีข่าวในลักษณะนี้อาจจะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลหวั่นไหวนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คนไม่เพราะทุกคนท่ำงานอยุ่ด้วยกันทราบดีว่าเรามีความหนักแน่นใสนการทำงานร่วมกันอย่างไรปัญหาที่มีอยู่นั้นหนักอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนต้องร่วมกันแก้ปัญหาตนยังคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะในช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้พบกับรมว.อุตสาหกรรม ก็ยังหารือกันเรื่องของอุตสาหกรรมยานยนต์
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการอ้างเหตุผลเรื่องเสียงปริ่มน้ำในการดึงพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหาเพราะจะเห็นได้ว่างานที่สำคัญๆก็ผ่านสภาฯด้วยความเรียบร้อย จึงไม่มีอุปสรรคอะไรแม้จะมีความขลุกขลักบ้างก็เป็นเรื่องปกติ ในส่วนที่เกี่ยวกับงานของสภาฯ
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยเคยมีความคิดที่จะจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ไม่ เพราะปัญหาคือต่างฝ่ายต่างมีจุดยืนแตกต่างกันและเคารพในจุดยืนของแต่ละฝ่าย แล้วทำหน้าที่ในสภาฯแม้จะอยู่คนละฝั่งกันก็เป็นเรื่องปกติ ซึ่งขณะนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทบทวน
ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถแสดงจุดยืนได้หรือไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า าผมยังมองไม่เห็นว่าทำไมถึงจะมีเงื่อนไขนี้ขึ้นมา เพราะพรรคเพื่อไทยเองก็กำลังจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจผมและรัฐมนตรีอีกหลายคนก็แสดงว่าไม่ต้องการให้ผมและรัฐมนตรีอีกหลายคนบริหารราชการแผ่นดินแล้วจะมาบอกว่าจะมาทำงานร่วมกันมันก็แปลกอยู่
ต่อข้อถามที่ว่า มองเจตนาการเปิดเผยเรื่องนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่ทราบว่าข้อมูลนี้มาจากไหนอย่างไร ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยเคยหารือกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าการคุยกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยมีอยู่เรื่องเดียวในขณะนี้คือทำอย่างไรให้งานในเรื่องของการปฏิรูปการเมืองหรืองานที่มีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายจะทำงานให้เกิดความราบรื่นตนก็จะคุยกับพรรคเพื่อไทย ในประเด็นเรื่องการปฏิรูปการเมืองเท่านั้นและให้ความมั่นใจในเรื่องของการให้ความเป็นธรรมซึ่งเชื่อมั่นว่าบุคคลของพรรคประชาธิปัตย์ที่พูดคุยกับพรรคเพื่อไทยก็อยู่ในกรอบเดียวกันนี้
วอน สถาบันพระปกเกล้ารับ เป็นตัวกลางปฏิรูปการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามถึงการปฏิรูปการเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าววว่าสถานบันพระปกเกล้าฯยังไม่ได้ตอบรับเรื่องการเป็นตัวกลางในการปฏิรูปการเมืองมาเพราะสถาบันพระปกเกล้าฯ บริหารโดยกรรมการสภาสถาบันที่ประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนมากโดยในวันที่ประธานและกรรมการสถาบันพระปกเกล้าฯมาพบตนก็บอกว่าเรื่องนี้ต้องเข้าสู่ที่ประชุมซึ่งยังไม่ทราบว่าที่ประชุมจะตัดสินใจอย่างไร
เมื่อถามว่า หากสถาบันพระปกเกล้าฯ ไม่ยอมรับเป็นตัวกลางจะทำอย่างไรนายอภิสิทธิ์กล่าวว่าก็จะต้องมีการตั้งวงคุยกัยใหม่ระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลแต่ถ้าสถาบันพระปกเกล้าฯยอมรับที่จะทำงานนี้ก็จะให้ทำรูปแบบมา ซึ่งเราไม่สามารถพูดล่วงหน้าได้ว่าฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลจะเห็นตรงกันว่ารูปแบบที่เสนอมาจะสามารรถเดินไปได้แต่คิดว่าการพูดคุยกับสถาบันพระปกเปล้าฯ ที่ผ่านมาก็บรรยากาศดีและหลายสถาบันก็คิดว่าเป็นปัญหาใหญ่ ที่ไม่อยากจะรับไว้ เพราะเป็นของร้อนแต่มาถึงวันนี้แล้วสถาบันใดก็ตามที่สามารถช่วยงานของบ้านเมืองได้ก็อยากให้ช่วยซึ่งตนก็ได้พูดไปในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายอภิสิทธิ์แล้วว่าขอให้สถาบันพระปกเกล้าฯรับงานนี้เพราะเป็นสถาบันที่มีส่สนเกี่ยวข้องโดยตรงเป็นหน้าที่โดยตรงในเรื่องการพัฒนาประชาธิปไตยมีความสำพันธ์กับฝ่ายนิติบัญญัติ ที่จะช่วยลดความสัมพันธ์กับฝ่ายบริหารลงไป
เมื่อถามต่อว่าหากสถาบันพระปกเกล้าฯไม่รับจะทำให้การเมืองถึงทางตันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีทางตันหรอก เพราะเราจะต้องหาทางอื่นต่อไปห่วงเสื้อแดงชุมนุมเกิดความรุนแรง ปัดรัฐสั่งการทหารสวมรอยป่วน
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการรับมือการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงที่ประกาศปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองบนายกรัฐมนตรีได้ซักซ้อมทำความเข้าใจกับฝ่ายเจ้าหน้าที่แล้วโดยผู้ชุมนุมสามารถชิ้สิทธิในการชุมนุมได้แต่ขณะเดียวกันการทำงานของรัฐบาลก็จะต้องดำเนินการไปได้ตามปกติ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้ายึดทำเนียบฯได้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเราไม่ต้องการให้ทำผิดกฎหมาย
เมื่อถามถึง กระแสข่าวการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปปะปนกับกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อเตรียมสร้างสถานการณ์นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าตนมองไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมรัฐต้องการให้เกิดความปั่นป่วน เพราะรัฐบาลต้องการให้เกิดความสงบเรียบร้อยเนื่องจากต้องการให้การจัดงานต่างๆของประเทศผ่านไปได้ด้วยดีและต้องการให้เกิดบรรยากาศที่เอื้อต่อการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนไปจนถึงการว่างงาน มองไม่เห็นเลยว่าทำไมจะมีภาครัฐต้องการให้เกิดความปั่นป่วนเพราะความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นก็จะมีแต่ผลเสียกับการแก้ไขปัญหาของประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ตรวจสอบข่าวการทำเสื้อแดงแจกทหารใส่เข้าไปป่วยการชุมนุมนับหมื่นตัวว่า ตนไม่เข้าใจว่าจะทำไปเพื่ออะไร
ต่อข้อถามที่ว่า ประเมินการชุมนุมของคนเสื้อแดงอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็มีรายบานมาเป็นระยะๆว่าจะมีคนมาร่วมชุมนุมมากน้อยแค่ไหนอย่างไรแต่ในที่สุดก็ต้องรอดูสถานการณ์จริงและเจ้าหน้าที่ก็มีความพร้อมในการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดก็มีการปรับแผนต่างๆตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
เมื่อถามถึงความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าตนห่วงอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่ต้องการเห็นความรุนแรงเลยและทราบว่าความรุนแรงเป็นการบ่อนทำลายโอกาสของประเทศชาติบ้านเมือง ดังนั้นจึงมีความห่วงฝยตลอด ก็เป็นความห่วงใยเพื่อไม่ให้ประมาทแต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะวิตกกังวลจนเกินไป ซึ่งงานอื่นยังต้องเดินหน้าไปและยังมั่นใจเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้มาดูแล
ระบุฮิลลารีไม่มาไทย ไม่เกี่ยวกังวลรักษาความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงอยุธยาจะไปพักร้อนที่หัวหินและชะอำระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนยังมั่นใจว่าเราไม่ต้องการให้ต่างประเทศมองเราในแง่ลบไม่ว่าจะมีความคิดเห็นทางการเมืองอย่างไรเพราะฉะนั้นยังคิดว่าทุกคนจะช่วยกันรักษาบรรยากาศให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่า นางฮิลลารี คลินตันรมว.ต่างประเทศสหรัฐไม่มาเยือนประเทศไทยเพราะไม่มั่นใจเรื่องการรักษาความปลอดภัยว่า ตนไม่ได้มองอย่างนั้นเพราะเราติดต่อกับสหรัฐซึ่งทางเอกอัครราชทูตสหรัฐประกจำประเทศไทยที่ได้มีโอกาสพบปะกันและผู้บัญชาการกองกำลังแปซิฟิคที่มาพบทำให้เชื่อว่าการที่รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ตัดสินใจเยือน 3ประเทศในเอเชียนั้น เป็นเพราะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียคงไม่ใช่เรื่องของความมั่นใจในการักษาความปลอดภัยของรัฐบาลชุดนี้และเราก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาตลอด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่าการประชุมอาเซียนที่กำลังจะเกิดขึ้นก็อยากให้เกิดความเชื่อมั่นว่าขณะนี้ประเทศไทยกำลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติอยากให้เห็นบทบาทของเราในการรับผิดชอบกับภูมิภาคในฐานะประธานอาเซียนและเข้าไปมีบทบาทในการทำให้ความร่วมมืออาเซียนก้าวหน้าไป ซึ่งจะเป็นผลดีกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีที่เป็นส่วนสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจดังนั้นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนจึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันสนับสนุน