“นายกฯ อภิสิทธิ์” เผยรอคำตอบฝ่ายค้านดึงกฎหมายนิรโทษกรรมเข้ากระบวนการปฏิรูปการเมือง ผ่านคนกลางที่สังคมยอมรับ ชี้ฝ่ายการเมืองถือว่ามีส่วนได้เสียไม่ควรทำเองเพราะจะเกิดการต่อต้าน แต่เชื่อจะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งภายในพรรคร่วมฯ ระบุไม่อยากเติมเชื้อความขัดแย้ง
วันที่(15 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงข้อกฎหมายที่ต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลในวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์นี้ว่า ถ้าฝ่ายพรรคร่วมมีประเด็นติดใจที่อยากจะสอบถามก็ทำได้ เพราะหลักการประชุมครม.ทุกสัปดาห์มีวาระเรื่องการประชุมสภาอยู่แล้ว รวมทั้งกฎหมายต่างๆ แต่หากไม่มีอะไรติดใจเราก็ดำเนินตามนโยบายรัฐบาลอยู่แล้ว เรื่องการปฏิรูปการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะยอมฟังพรรคร่วมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีประเด็นว่าจะยอมหรือไม่ยอม เพราะนโยบายของรัฐไปทำในกรอบปฏิรูปการเมือง เมื่อถามว่าจุดยืนนายกฯคือต้องดูผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ เกรงว่าหากมีการมองว่าผู้มีส่วนได้เสียเป็นผู้นำเสนอจะเกิดความขัดแย้งขึ้นมา นั่นคือบทเรียนเมื่อปีที่แล้ว วันนี้เราไม่อยู่ในฐานะที่จะให้เหตุการณ์แบบปีที่แล้วเกิดขึ้นมาอีก เราต้องช่วยกันทำอย่างไรให้บ้านเมืองสามารถเดินไปได้ เร่งแก้ปัญหาให้กับประชาชนโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังมั่นใจสายสัมพันธุ์ของพรรคร่วมรัฐบาลอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มั่นใจ เพราะตอนที่ไปทาบทามตอนจัดตั้งรัฐบาล ก็ทำความเข้าใจตรงกันว่าภารกิจที่สำคัญของรัฐบาลคือทำให้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ ต้องไม่ให้บ้านเมืองกลับไปอยู่ในสภาวะของการขัดแย้ง ไร้ระเบียบ ส่วนขั้นตอนในการนำเสนอเข้าสู่สภานั้น มองว่ายังอีกไกล
เมื่อถามย้ำว่า แม้นายกฯเชื่อมั่นแต่มีพรรคร่วมออกมาขานรับแนวคิดดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่หรอก ส.ส.ในแต่ละพรรคเขามีสิทธิในการเสนอกฎหมาย การตัดสินใจก็เป็นของสภา แต่ระบบรัฐสภารัฐบาบมีเสียงข้างมากและมีระบบคณะกรรมการประสานงานหรือ วิป เราต้องดูแลว่าการทำงานในสภามันเดินหน้าไปสอดคล้องกับนโยบายที่แถลงต่อสภาฯหรือไม่ เมื่อถามว่า จะมีการเสนอเข้าที่ประชุมทันสมัยประชุมสภาฯนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่า เป็นกฎหมายเร่งด่วนที่จะต้องพิจารณาในสมัยประชุมนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ว่าสุดท้ายแล้วจะกลายเป็นความไม่เป็นเอกภาพในพรรคร่วม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่กังวลเรื่องแบบนี้ ถือว่าภาระหน้าที่ที่ต้องกังวลมากกว่าคือปัญหาประชาชน ที่ห่วงมากที่สุดอันดับหนึ่งคือปัญหาการว่างงาน การประคับประคองเศรษฐกิจ ดังนั้นเรื่องอื่นไม่ควรต้องไปกังวล รัฐบาลต้องสนใจปัญหาคนทั้งประเทศซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ก่อน
ต่อข้อถามว่า สุดท้ายแล้วหากผลออกมาไม่ดีจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่าไปคาดคะเนว่าจะเป็นอย่างไร ตนยังมั่นใจว่าการทำงานอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจที่ดี ทุกคนน่าจะได้รับรู้ถึงความต้องการของประชาชนร่วมกัน ว่าเรื่องใดมีความสำคัญก่อนหลังอย่างไร ถามว่า นายกฯมั่นใจว่าเหตุการณ์ในอดีตจะไม่กลับมาเกิดขึ้นอีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มั่นใจ และไม่เชื่อว่ามีใครในรัฐบาลอยากจะเห็นบ้านเมืองย้อนกลับไปเป็นแบบปีที่แล้ว