นายกฯ ย้ำท่าทียังไม่ถึงเวลาต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรมฯ ระบุยังไม่เหมาะสม อาจก่อชนวนให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีกแล้วจะอยู่กันไม่ได้ ให้รอกรอบการปฏิรูปการเมืองที่มีคนกลางเข้ามาดีกว่า ย้ำเดินหน้าแก้ปัญหาวิกฤตศก.ก่อน มอบหมาย “สุเทพ” ดูแลม็อบไม่ให้รุนแรง
วันนี้ (14 ก.พ.) ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าร่วมประชุมใหญ่อธิการบดี 202 อาคารจามจุรี 4 ถึงกรณีการเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ตามที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอให้นำเข้าที่ประชุมสภาและมีพรรคร่วมรัฐบาลมีท่าทีสนับสนุนว่า ยังไม่ได้คุยกัน แต่ช่วงที่มีการจัดตั้งรัฐบาลก็มีการคุยกันว่าขอให้อยู่ในกรอบของการปฏิรูปการเมือง
ถามว่า เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปทางพรรคภูมิใจไทยจะได้ประโยชน์ตรงนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่มี สถานการณ์ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยน มีการพูดกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว คือตั้งแต่มีการยุบพรรครอบแรกและรอบสอง ทุกคนทราบประเด็นอยู่ อย่างที่เรียนว่ารัฐบาลไม่ต้องการเริ่มต้นอะไรที่นำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมวงกว้างต้องใช้เวลาและกระบวนการที่ทุกคนเป็นที่ยอมรับ ส่วนข้อยุติข้อสรุปเป็นอย่างไร ถ้ากระบวนการเป็นที่ยอมรับถือเป็นตัวแก้ปัญหาตรงจุด ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายก็จะขอเวลา ถ้าติดใจก็คุยกันได้
เมื่อถามว่า นายกฯ มีแนวคิดที่จะคุยกับพรรคร่วม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเปิดกว้างอยู่แล้วถ้าพรรคการเมืองต่างๆ มีข้อเสนออะไรก็จะให้เหตุผล อิงอยู่กับนโยบายรัฐบาล คือเรื่องการปฏิรูปการเมือง เมื่อถามว่าถ้าอยู่ในรูปแบบการปฏิรูปการเมืองนายกฯก็จะไม่ปฏิเสธใช้หรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รูปแบบการปฏิรูปการเมืองเราจะไม่เป็นคนกำหนดเองว่าอะไรต้องทำ ไม่ต้องทำ เพราะจะมีคนกลางเข้ามา ซึ่งเมื่อเข้ามาคิดว่าความขัดแย้งในสังคมจะลดลง เพราะความขัดแย้งเกิดขึ้นจากการพูดกันทำนองว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของกลุ่มผลประโยชน์ของทางผู้มีอำนาจ หรือนักการเมือง ซึ่งเป็นปมขัดแย้งตลอดปีที่แล้ว ไม่ต้องการให้สังคมย้อนกลับไปสู่จุดนั้น ในภาวะที่เราต้องการแก้ปัญหาสำคัญของคนส่วนใหญ่ เรื่องเศรษฐกิจ ภาวะว่างงาน
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยกำลังเดินหน้าอีกทั้งเป็นความต้องการของพรรคร่วมก็มีความสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในส่วนของฝ่ายนิติบัญญัติสามารถใช้สิทธิของเขาได้ แต่ในส่วนของรัฐบาลจะต้องคุยกันให้เป็นไปตามแนวทางรัฐบาล และคำนึงถึงเรื่องใหญ่คือการแก้ไขวิกฤติฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
เมื่อถามว่า นายกฯ จะไปคุยกับพรรคเพื่อไทยเพื่อขอให้ระงับการยื่นไว้ก่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนพยายามคุยกับพรรคเพื่อไทยอยู่เรื่องการปฏิรูปการเมือง ถ้าเขาเข้าใจได้ก็ดี แต่ถ้าอยากยืนยันสิทธิในการเสนอกฎหมายถือเป็นสิทธิของเขาในการเสนอ
ถามว่า เกรงหรือไม่ว่า ส.ส.ในส่วนของพรรคร่วมจะเข้าร่วมลงชื่อกับ ส.ส.เพื่อไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส.ส.แต่ละพรรคก็มีสิทธิในการยื่นเสนอกฎหมายอยู่แล้ว เพราะสามารถทำได้ไม่ต้องให้หัวหน้าพรรคเซ็นรับรองอีกต่อไป แต่อย่างที่เรียนต้องคุยในเชิงนโยบายและการขับเคลื่อน
เมื่อถามว่า เกรงว่าจะเป็นเรื่องบานปลายจนกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าบริหารจัดการได้ ไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นปมมาโดยตลอดหาทางเดินไม่ได้ว่าจะเดินอย่างไร อย่างที่บอกต้องเร่งทำกรอบปฏิรูปการเมืองที่ทุกฝ่ายยอมรับ เมื่อถามว่า จะคุยกันเมื่อไหร่ จะมีการหารือกันก่อนที่พรรคเพื่อไทยจะยื่นเสนอหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าเขาจะยื่นเมื่อไหร่ แต่ถ้าในครม.อาจจะคุยกันได้ เพราะมีวาระที่จะพูดคุยกันถึงวาระสภาอยู่แล้ว ก็ยินดีที่จะได้คุยกันในนั้น
เมื่อถามว่า ทางด้านนายชวรัตน์เองก็อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ใจกว้างในเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวตอบรับว่า ก็ใจกว้างไม่มีปัญหาอะไรเลยปัญหาที่ผ่านมาที่อยากให้ช่วยกันคิดคือ ปมความขัดแย้งที่บานปลายในปีที่ผ่านมามาจากเรื่องในทำนองนี้ วันนี้มีงานใหญ่กว่าที่ต้องทำคือ ทำให้กับคนที่มีปัญหาเรื่องการว่างงาน เรื่องการฝืดเคืองทางด้านเศรษฐกิจอยู่ ถ้าเราทำแล้วเกิดความวุ่นวายขึ้นงานเดินต่อไปไม่ได้ ที่สุดแล้วมันจะอยู่กันไม่ได้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อเหลือง และเสื้อแดงที่ จ.อุดรธานีว่า ได้มอบนโยบายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรง ทางเจ้าหน้าที่ประเมินติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะรับทราบเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงหรือไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ซ้ำรอยการปะทะกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอให้ทุกฝ่ายใช้สิทธิเสรีภาพอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย นั่นจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด