xs
xsm
sm
md
lg

“เปลวสีเงิน” วิพากษ์ ปลาย ก.ย.นี้ - ใกล้ถึงจุดจบ “ระบอบแม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



“เปลวสีเงิน” แห่งไทยโพสต์ วิพากษ์ สถานการณ์การเมืองภายในประเทศกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง คาดไม่เกินปลาย ก.ย.นี้ สถานการณ์ทางการเมืองทุกอย่างจะคลี่คลาย พร้อมได้เห็น “เพื่อไทย” แพ้หมดรูป ชี้ ความเถื่อน-ป่วนไม่เลิกของเสื้อแดง ส่งผลให้คนเริ่มระอา เปลี่ยนใจเทคะแนนให้ “มาร์ค” จนนำมาซึ่งความเสื่อมของระบอบแม้ว

หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ประจำวันศุกร์ที่ 13 ก.พ.2552 นำเสนอบทความ ระวัง “ยุทธการดัดหลัง” เพื่อไทย ของ “เปลวสีเงิน” โดยบทความได้กล่าววิพากษ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ว่า กำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง และกำลังจะคลี่คลายไปได้ด้วยดี เพราะยุทธศาสตร์การป่วนไม่เลิกของพรรคเพื่อไทย และการใช้ความรุนแรงของกลุ่ม “คนเสื้อแดง” ถือเป็นการเพิ่มคะแนนความนิยมให้กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีมากขึ้นทุกขณะ ทำให้คาดได้ว่าปลายเดือนกันยายนนี้ จะได้เห็นสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายไปได้ พร้อมกับเห็นความเสื่อมของพรรคเพื่อไทย และระบอบนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในที่สุด

ระวัง"ยุทธการดัดหลัง"เพื่อไทย

ปีนี้-ปี ๒๕๕๒ ผมขอบอกว่า เป็นปีที่ประเทศไทยจะโบกมือลาภาวะ “หมาไม่แดก” ทุกประการ เมื่อก้าวสู่ปีหน้า ๒๕๕๓ หัวเรือประเทศไทยถึงแม้ยังไม่อยู่ในภาวะ “เสือกไปข้างหน้า” แต่ว่า “ตั้งตรงทิศ” แล้ว!

ท่านก็อาจสงสัยอีกว่า ก็แคบหมูจิ้มปลาร้ากันอยู่อย่างนี้ แล้วปีหน้ามันจะดีได้ยังไง ก็ต้องบอกว่า เหอะ..ใจเย็นๆ ไว้ พระท่านสอนว่า อย่าเอาอดีตมากำหนดเป็นตัวปัจจุบัน แล้วก็อย่าไปฝันถึงแต่อนาคตอยู่กับ “ปัจจุบัน” นี่แหละ ถ้าปัจจุบันดี อนาคตก็ดี แต่ถ้าปัจจุบันยังหมาบ้ากัดกัน อนาคตก็อย่าง “แม้วเดลา” เขาว่านั่นแหละ จะมุดลงนรก หรือโผขึ้นสวรรค์ ก็จะตามไปกัดกันไม่ยอมปล่อยเดี๋ยวท่านก็จะว่าผม เห็นพูดอย่างนี้มาทุกปี แล้วมันก็เป็นอยู่อย่างนี้ เอาจริงๆ ซักทีได้ไหม? ได้ซี..ทำไมจะไม่ได้ ใจร้อนนักก็จะบอกให้ ไม่ต้อรอถึงปีใหม่ เอาแค่ปลายเดือนกันยายน ๒๕๕๒ นี่แหละ รู้หมู่-รู้จ่า รู้แน่ๆ ว่าใครคือ “พระเอกขี่ม้าขาว” ตัวจริง!?

อ้าว..ไม่ใช่ “พระเอกมาร์ค” คนปัจจุบันนี้ดอกหรือ เอียงหูเข้ามาใกล้ๆ จะกระซิบอะไรให้......เข้าใจรยังล่ะ? นายกฯ อภิสิทธิ์ นั้น ผมขอบอกด้วยความรู้สึกส่วนตัวว่า ระยะนี้ต่อยประทับใจผมมาก แข็งแต่คม ไม่อ้อมค้อม แต่น้อมนอบ ไม่เหิมห้าว แต่พร้อมกระชากคอตีเข่า ทุกคนจะเห็นว่า มีความมั่นใจในอำนาจและในศักยภาพตัวเองมากขึ้นค่อยๆ ทำ “อำนาจให้เป็นอำนาจ” ถึงเลือดจะสาดก็ให้มันสาด “คุณสุวัฒน์ วรดิลก” หรือ “รพีพร” บอกกับผมที่โรงแรม “ศรีราชาลอดจ์” ของ คุณสมพงษ์ สมวงษ์ เพื่อนผมว่า “เลือดหมายถึงชีวิตใหม่” มีทารกคนไหนเกิดใหม่โดยไม่ชุ่มเลือด!? มวยที่จะแข็ง ต้องซ้อมกับคนที่แข็งกว่า ก็พอดีเพื่อไทย ทั้งลูกพี่-ลูกน้อง-ลูกกรอกทั้งหลาย ดาหน้าเข้าหาอภิสิทธิ์แบบ ๑๐ รุม ๑ เท่ากับช่วยซ้อมเร่งอัตราแกร่งให้อภิสิทธิ์มากขึ้น

ผมประเมินดูแล้ว พรรคเพื่อไทย กำลังถูกหลอกให้ถลำ ชนิดเมื่อถึงเวลาจะ “กลับลำไม่ทัน” เพราะสังเกตฝ่ายประชาธิปัตย์กำลัง “เข้าแผน” อะไรบางอย่างทางการเมืองในทิศทางที่เขาถนัดเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องขุดเรื่องเก่า-เรื่องใหม่ หวังทำลายเครดิตรายวัน นั้น ระวัง..เพื่อไทยอย่าหลงว่ากำลังเป็นต่อ ประชาธิปัตย์เขาอาจกำลังกำหนด “เทอมเวลา-เทอมงาน” ลงตัวเมื่อไหร่ “เพื่อไทย” ระวังจะหงายท้อง!

สังเกตอย่างหนึ่งไหม ก่อนหน้านี้ วันละ ๓ เวลาก่อน-หลังอาหาร เพื่อไทยจะตะโกนท้าเหย็งๆ ให้รัฐบาล “ยุบสภา” แล้วท้าไปสู้กันใหม่ในสนามเลือกตั้ง แถมให้สัจจะเป็นเดิมพันซะด้วยว่าถ้าเลือกตั้งแล้วเพื่อไทยแพ้ รับประกันจะไม่วอแวอีก! แต่ผ่านไปเดือนกว่าๆ “เพื่อไทย” คล้ายอมสาก กล้าซะที่ไหน ที่จะท้าให้ประชาธิปัตย์ยุบสภา

ทำไมล่ะ..ก็ไม่ทำไมหรอก เพียงแต่ว่า การกระทำเยี่ยงอันธพาลของเสื้อแดงที่ผ่านมา ทำลายศรัทธาคนในระบอบทักษิณไปมากต่อมาก และในขณะที่ความนิยม “เพื่อไทย” ระบอบทักษิณลดลง แต่เสียงสนับสนุนรัฐบาล เสียงเชียร์นายกฯ อภิสิทธิ์ “เพิ่มขึ้น”!

ยิ่งวันที่ ๑๔ กุมภา เสื้อแดงจะมาป่วนเมืองอีก แถมการขัดขวางกลไกกฎหมายเพื่อบ้านเมืองทุกอย่างในสภา ซ้ำด้วยเรื่องที่เสื้อแดง-เพื่อไทย จะทำป่าเถื่อน ต่อต้าน ขัดขวางการประชุม “สุดยอดผู้นำอาเซียน” ปลายเดือนนี้ ทำให้การเมืองตัวแทนทักษิณทั้งหลาย ไม่ว่า ส.ส.เพื่อไทย หรือเครือข่ายเสื้อแดง มีสภาพคล้าย “สวะสังคมชาติ” คนส่วนใหญ่ต้องการกวาดให้หมดไปจากถนนทุกสายในประเทศไทยทันที

นี่คือ “แต้มต่อ” ของประชาธิปัตย์ในตลาดการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้งเวลานี้ ไม่ใช่ว่าประชาธิปัตย์มีผลงานเด่นเข้าตาประชาชน หากแต่ “เพื่อไทย” พรรคร่างทรงทักษิณ “บ้อท่า-ห่วยกว่า” เท่านั้น! สถานภาพทางศรัทธาการเมืองจากประชาชนถึงประชาธิปัตย์ พูดกันตรงๆ ก็เป็นแค่ “ดอกหญ้าแซมผม” เท่านั้นยกเว้น เฉพาะตัว “นายกฯ อภิสิทธิ์” สังเกตว่า สังคมยกคุณค่าแยกเป็น “ดอกไม้ในแจกัน”! ซึ่งมันก็แปลกที่สังคมให้คุณค่าในความเป็นประชาธิปัตย์ กับความเป็นอภิสิทธิ์ “แยกจากกัน” ทั้งที่ ทั้งคน-ทั้งพรรค เป็น “นามกาย-รูปกาย” อยู่ด้วยกัน?

ถือว่าเป็นความแปลกที่ได้เปรียบ เป็นการ “กระจายความเสี่ยง” ทางการเมืองของประชาธิปัตย์โดยไม่ตั้งใจ ฉะนั้น ในช่วงกุมภา-เมษานี้ การเมืองจะเกิดจุดหักเหฉับพลันได้ทันที หลังจากที่....
๑.งบประมาณกลางปีผ่านสภา
๒.การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนผ่านไป
๓.การจัดแถวตำรวจ-ทหารกลางปีผ่านไป
๔.หมดความอดทนที่ต้องคอยต้อนควายฝูงรัฐบาลเข้าประชุม
๕.จาก ๔.อภิสิทธิ์ “เสี่ยงไม่ได้” กับเสียงโหวตไม่ไว้วางใจ

ฉะนั้น เมื่อย่างเข้ามีนา หลังการประชุมอาเซียนเป็นต้นไป รัฐบาลคงต้องประเมินสถานการณ์ว่า “เสียงศรัทธา” พอจะแปลงเป็น “คะแนนศรัทธา” ได้พอหรือยัง? ถ้าพอ อภิสิทธิ์ตัดสินใจ “ยุบสภา” แน่! จับพลัดจับผลู ประชาธิปัตย์ “พรรคเดียว” เสียงพอตั้งรัฐบาล รูปการณ์นี้จะสามารถบริหารประเทศได้ “ง่ายว่า-สบายใจกว่า” กับที่ต้องซื้อไพ่หลายสำรับเสียบอย่างตอนนี้

๓ เดือน-ไตรมาสทางการเมือง กับ ๓ เดือน-ไตรมาสทางเศรษฐกิจ ถ้าพอไปด้วยกันได้ ส.ส.ทั้งหลายก็ “เตรียมตัว” เลือกตั้งใหญ่ได้แล้ว โดยเฉพาะ “เพื่อไทย” นายสมชาย สามีเจ๊แดง มัวแต่งหน้าเป็นไอ้ตุ๊ดไปตีกอล์ฟอยู่อย่างนี้ ถ้ารอดเมษาไปถึงกันยาอีกรอบ เผลอๆ อาจต้องซื้อตู้เย็นแล้วย้ายหลุมไปพัตต์ลูกอยู่เกาะกงโน่น! และในศึก “เลือกตั้งใหญ่” น่าสนใจว่าจะมี “ตัวนำ” พรรคใหม่ที่เหนือกว่า “เพื่อไทย” และท้าทายกว่า “ประชาธิปัตย์” โผล่ขึ้นมาหรือไม่ ตรงนี้น่าตื่นตา-ตื่นใจเป็นพิเศษ
กำลังโหลดความคิดเห็น