“สมเจตน์” งัดข้อมูล “งบฯ ลับ 2 พันล้าน” ตบหน้า “ณัฐวุฒิ” ระบุชัดอนุมัติมาจาก “รบ.ไข่แม้ว” เผยสมเพช “นช.แม้ว” ฟุ้งซ่านหาทางดิสเครดิต “รัฐบาล-สร้างความแตกแยกในประเทศ” เหตุเพราะตกอยู่ในบ่วงกรรม ก่อนเตือน “อดีตนายกฯ” ควรยุติการเคลื่อนไหว แย้มระวังเป็น “หุ่นเชิด” จนต้องเสียใจในภายหลัง
คลิก! ฟังเสียง พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ให้สัมภาษณ์=>
รายการจับตา(ย) ดำเนินรายการโดย น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี ช่วงเวลา 21.30-22.00 น. วันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ต่อสายสัมภาษณ์ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. ถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่ม นปช.อ้างว่ามีการจัดงบประมาณลับจำนวน 2,000 ล้านบาท เพื่อเอาไปกำจัดกลุ่มเสื้อแดง โดย พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่แน่ใจว่าสิ่งที่นายณัฐวุฒิระบุออกมานั้นเป็นเรื่องในอดีตหรือปัจจุบัน เพราะค่อนข้างที่จะคลุมเครือ เนื่องจากการอนุมัติงบฯ ดังกล่าว หากเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องมาจนปัจจุบันนี้ แต่งบลับในปีงบประมาณนี้เป็นงบที่อนุมัติมาจากในสมัยที่พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล ซึ่งถ้าหากเขาเห็นว่าไม่เหมาะสม เขาก็ไม่น่าที่จะอนุมัติออกมา แต่ถ้าเป็นในอดีต งบฯ ดังกล่าวจะเป็นของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งคณะมนตรีความมั่นคงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่ตนเคยบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น่าสงสาร เพราะตกอยู่ในบ่วงกรรมนั้น พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และตน ต่างผ่านโรงเรียนเตรียมทหารมาด้วยกัน ซึ่งเราจะมีความมุ่งมั่นที่จะดูแล และรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก เพราะเราถูกปลูกฝังมา ฉะนั้นถึงแม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะหมดอำนาจไปแล้วก็ตาม แต่ถ้าเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติ พ.ต.ท.ทักษิณ ควรที่จะยุติการเคลื่อนไหว เพราะมีแต่จะสร้างความแตกแยกให้กับประเทศชาติ รวมทั้งทำให้ต่างชาติไม่มีความมั่นใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทย เพราะไม่มั่นใจในความมั่นคงทางการเมือง
“พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนตกอยู่ในบ่วงกรรม เนื่องจากตอนนี้มีแต่ความทุกข์ เพราะวันๆ ต้องคิดหาหนทางที่จะทำลายเครดิตของรัฐบาล มีหนทางอย่างไรที่จะให้ประชาชนเกิดความแตกแยก หรือมีหนทางอย่างไรที่จะกลับมาสู่ประเทศไทยเพื่อกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งหนึ่ง นี่คือบ่วงกรรมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเผชิญอยู่” พล.อ.สมเจตน์ ระบุ
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ของประเทศในขณะนี้กำลังเดินหน้าอยู่ หาก พ.ต.ท.ทักษิณ คิดว่าตัวเองถูกต้อง อยากถามว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศในทางใดบ้าง ดังนั้นตนจึงอยากวิงวอนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยุติการเคลื่อนไหว โดยปล่อยให้ประเทศชาติเดินหน้าจนเกิดความมั่นคงทางการเมือง เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาวิกฤตที่รุมเร้าประเทศอยู่ในขณะนี้
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคพวกหวั่นวิตกว่ากำลังตกอยู่ในอันตรายนั้น พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีทรัพย์สมบัติมหาศาล ซึ่งสามารถที่จะใช้หน่วยรักษาความปลอดภัยได้อย่างเต็มที่ ซึ่งโดยส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมีใครคิดที่จะไปทำร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อดีตนายยกฯ อาจจะนอนไม่หลับ เลยอาจจะจินตนาการไปว่ามีคนจ้องที่จะทำร้าย จนท้ายที่สุดความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงออกมาสู่สังคม และขอยืนยันว่า กองทัพไม่ได้มีแผนบันได 5 ขั้น เพื่อที่จะกำจัด พ.ต.ท.ทักษิณ ที่สำคัญยิ่งในยุคนี้เพิ่งผ่านการเลือกตั้งมา จนเปลี่ยนผ่านมาถึงยุคที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ฉะนั้นตนคิดว่า คงไม่มีใครกล้าที่จะไปทำร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ
พล.อ.สมเจตน์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าว ส.ส.พรรคเพื่อไทย มีความพยายามที่จะเดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในต่างประเทศตลอดเวลาว่า ตนรู้สึกกังวลใจเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เพราะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นบุคคลที่มีเกียตริ และเป็นตัวแทนของประชาชนที่จะออกกฎหมาย แต่บุคคลเหล่านั้นกลับมุ่งหน้าไปหาบุคคลที่กำลังหนีคดีอาญาของแผ่นดิน ถามว่าบุคคลเหล่านั้นมีความชอบธรรมที่จะมาออกกฎหมายที่จะมาบังคับใช้กับประชาชนหรือไม่ ฉะนั้นหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ตัดกิเลสโดยยุติการเคลื่อนไหว เหตุการณ์ทุกอย่างก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แล้ววันหนึ่งถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่มีความผิด วันนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะได้รับการยกย่องว่าเป็นรัฐบุรุษก็เป็นได้
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงการเมืองให้เป็นระบอบประธานาธิบดีนั้น พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ตนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จบมาจากโรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งน่าจะมีความคิดไปในทางเดียวกันคือ การรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงของสถาบัน ซึ่งตนไม่คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีแนวคิดดังกล่าว แต่ตนไม่เชื่อมั่นในสภาวะแวดล้อมของ พ.ต.ท.ทักษิณ และถ้าหากประเทศชาติเกิดปัญหาอย่างรุนแรงขึ้นมา พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะต้องเสียใจว่าเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดตัวหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้าหากมีการเดินทางไปถึงฝั่งฝัน สิ่งแวดล้อมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะจะไม่เก็บเขาเอาไว้
“ผมเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงนี้มาหลายเหตุการณ์ ซึ่งผมมองดูวิธีการก็เหมือนกับเหตุการณ์เมื่อปี พ.ศ.2510 ต่อเนื่องกันมา ก็คือคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ต้องการที่จะยึดอำนาจรัฐโดยใช้กองกำลังทหารติดอาวุธ แต่ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป เพราะมีการใช้ทุนเข้ามาจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อยึดอำนาจรัฐ และถ้าหากเป็นไปตามนั้น เขาก็คงจะไม่เอา พ.ต.ท.ทักษิณ ไว้อย่างแน่นอน ฉะนั้นผมขอฝากไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะที่ร่วมสถาบันเดียวกันว่า ขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ฉุกคิดว่า ในช่วงเวลาที่ได้ผ่านโรงเรียนเตรียมทหารมานั้น เราได้ถูกปลูกฝังอุดมการณ์เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มาแล้ว การกระทำบางสิ่งบางอย่าง ก็อาจจะทำให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติได้” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เตรียมที่จะตั้งพรรคการเมืองนั้น พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบข่าวดังกล่าว แต่โดยส่วนตัวแล้วหากการเล่นการเมืองหมายถึงว่า การที่เราจะได้เป็นตัวแทนเพื่อที่จะได้ตำแหน่งอะไรสักอย่าง การเมืองที่ว่านั้นไม่ได้อยู่ในความคิดของตน แต่ถ้าการเมืองหมายถึงตนสามารถใช้ความรู้ความสามารถที่จะเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาประเทศชาติ หรือแก้ไขปัญหาความยากจนให้กับประชาชน การเมืองเช่นนี้ก็จะอยู่ในหัวใจของตน