xs
xsm
sm
md
lg

ครส.หนุน “มาร์ค” คลี่คดี “ทนายสมชาย” แนะ ย้ายคนเตะถ่วง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม
คณะกก.รณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน หนุนรัฐบาลเร่งคลี่คลาย คดีอุ้มทนายสมชาย ชี้ จะช่วยกู้ภาพละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ตกต่ำ เชื่อ คดีเป็นพฤติการณ์ระดับนโยบายเกี่ยวพันหลายส่วน แนะโยกย้ายคนเตะถ่วงออก ทั้ง ดีเอสไอ-สตช.พร้อมจี้แก้กฎหมายเอาผิด คดีอุ้มเทียบเท่าเจตนาฆ่า

วันนี้ (8 ก.พ.) นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) กล่าวว่า ขอเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรีเร่งคลี่คลายคดีการอุ้ม ทนายสมชาย นีละไพจิตร ให้โลกรับรู้ ก่อนครบรอบ 5 ปีในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งจะสร้างความต่างจากรัฐบาลในอดีตและสามารถกู้ภาพลักษณ์สิทธิมนุษยชนที่ตกต่ำลงในขณะนี้ได้ แต่คดีนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐที่อาจเข้ามาเกี่ยวข้องหลายคนจนรัฐบาลจะทำคดีแบบปกติไม่ได้ ทั้งนี้ ที่นายกรัฐมนตรี บอกว่า มีการเตะถ่วงคดีนั้น ขณะนี้ก็ยังมีความพยายามอยู่ไม่ใช่เฉพาะจากนักการเมืองในอดีต แต่ผู้เกี่ยวข้องบางส่วนยังอยู่ในอำนาจ เพราะการอุ้มทนายสมชาย เป็นการกระทำในระดับนโยบาย

นายเมธา กล่าวอีกว่า ตนอยากจะเตือนความจำให้นายกรัฐมนตรี ว่า อดีตผู้ต้องหา 5 ราย เป็นตำรวจต่างสังกัดกัน คือ พ.ต.ต.เงิน ทองสุก, พ.ต.ท.สินชัย นิ่มปุญญกำพงษ์, จ.ส.ต.ชัยเวง พาด้วง, ส.ต.อ.รันดร สิทธิเขต และ พ.ต.ท.ชัดชัย เลี่ยมสงวน แต่เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2549 ศาลตัดสินจำคุก พ.ต.ต.เงิน ทองสุก คนเดียวในข้อหาขืนใจ ทำให้สูญเสียอิสรภาพ แต่ผู้ต้องหาที่เหลือยกฟ้อง เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่เพียงพอ แต่ระบุในสำนวนคดีว่า การอุ้มเกิดจากการกระทำร่วมกันกับบุคคล 3-5 คน ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสอบสวนต่อได้ว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเคยแถลงว่ามีหลักฐานที่จะจับกุมเพิ่มได้มากกว่า 10 ราย แต่เรื่องก็เงียบหายไป และอดีตผู้ต้องหาบางส่วนยังได้รับความดีความชอบในราชการต่อไป จนที่ผ่านมามีข้อครหาว่า มีการใช้อำนาจเข้าแทรกแซงสำนวนสอบสวนและหลักฐานต่างๆ มากมายเพื่อสู้คดีในชั้นศาล ดังนั้น เรื่องการอุ้ม ทนายสมชาย จึงเป็นการทำในระดับนโยบายของฝ่ายความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับนโยบายในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ของรัฐบาลทักษิณ นี่เป็นปัญหาของการเตะถ่วงคดีที่แท้จริง ที่รัฐบาลจะต้องทำแบล็กลิสต์เจ้าหน้าที่ และนักการเมืองที่เป็นถุงมือดำให้ชัดเจน

เขายังระบุอีกว่า รัฐบาลจะต้องโยกย้ายเจ้าหน้าที่รัฐในกรมสอบสวนคดีพิเศษและ สตช.ที่อาจจะเป็นปัญหาของการเตะถ่วงคดีออกด้วย และเฝ้าระวังการทำลายหลักฐานสำนวนสอบสวนสืบสวนต่างๆ รวมถึงการดำเนินการปฏิรูปตำรวจและกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ คดีที่ตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้อง ตำรวจจะต้องไม่สืบสวน สอบสวนกันเอง จะต้องมีคณะสอบสวนที่มาจากภายนอกด้วย โดยมีองค์ประกอบของทนายความ อัยการ และศาล และจะต้องแก้กฎหมายให้เอาผิดคดีอาญาในคดีอุ้มหายเทียบเท่าการคดีเจตนาฆ่าได้เหมือนในหลายประเทศ เพราะจะเป็นช่องว่างให้เกิดการอุ้มหายและทำลายศพ โดยเอาผิดผู้ต้องหาไม่ได้ เพราะสามารถฟ้องในฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ และข่มขืนใจผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้าย แต่ไม่สามารถตั้งข้อหาฆาตกรรมหรือข้อหาอื่นที่หนักกว่าได้เนื่องจากยังไม่พบศพหรือหลักฐานที่บ่งชี้ว่าทนายสมชายตายแล้ว

ทั้งนี้ ครส.และคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ จะแถลงปัญหาคดีดังกล่าว และกรณีภาคใต้ซึ่งสำนักงานของคณะทำงานยุติธรรม เพื่อสันติภาพถูกทหารกองทัพภาคที่ 4 บุกค้นที่ปัตตานี ในวันพรุ่งนี้ และจะเข้าพบรัฐมนตรียุติธรรมเพื่อปรึกษาหารือคดีต่างๆ ในวันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น