xs
xsm
sm
md
lg

“สีแดง”ฝังหัว “หน้า 3 มติชน” บิดผลโพลซ้ำ อ้าง“กษิต” คือสนิมใน ปชป.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หน้า 3 มติชน ที่เสนอบทวิเคราะห์คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงอยู่เป็นประจำ
คอลัมน์ “วิภาคแห่งวิพากษ์” หน้า 3 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 06 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ตั้งหัวเรื่องว่า “สนิมอันมาจาก กษิต สนิมอันมาจากท่าน "สุเทพ" สนิมเกิดแต่เนื้อในตน” เป็นบทวิเคราะห์ที่เขียนเพื่อโปรโมตหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6-12 ก.พ.2552 ซึ่งพาดหัวว่า "สนิมเกิดแต่เนื้อในตน" โดยทั้ง 2 บทความมีเนื้อหาใกล้เคียงกัน

บทความนี้ ผู้เขียนได้ใช้ลีลาการผูกเรื่องเชื่อมโยง เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจว่า ปัญหาความยุ่งยากต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำขณะนี้ ล้วนมีสาเหตุต้นตอมาจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลนั่นเอง ไม่ว่ากรณี นายวิฑูรย์ นามบุตร ที่ต้องลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เพราะปัญหาปลากระป๋องเน่า ก็มีเงานายสุเทพทอดอยู่ การที่นายวิฑูรย์ลาออกไป ก็เพื่อรักษาชีวิต(ทางการเมือง)ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะด้วย

นอกจากนี้การที่นายอภิสิทธิ์ไม่กล้าจัดการกับนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ที่แจกเงินของกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ให้ชาวบ้านพร้อมแนบนามบัตรซึ่งหมิ่นเหม่ต่อการขัดรัฐธรรมนูญ ก็เพราะนายสุเทพก็โดนข้อหาในลักษณะเดียวกันคือการแจกของให้ชาวบ้านที่สุราษฎร์ธานีในช่วงการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดของน้องชาย นายอภิสิทธิ์ จึงต้องยอมรับสภาพ "เคร่งครัดกับคนของตัวเอง ขณะที่ผ่อนปรนให้กับคนอื่น" เพราะต้องระงับยับยั้ง "สนิม"ที่เกิดอยู่ข้างในไม่ให้ลุกลามมากไปกว่านี้

คอลัมน์วิภาคฯ อ้างว่า อีกกรณีที่ถือเป็น“สนิม”เกรอะกรังรัฐบาลมาอย่างเต็มทนมาตลอด 1 เดือน คือการตั้งนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยอ้างถึงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนผ่านโพลล่าสุดที่มีชื่อนายกษิต อยู่ในกลุ่มรัฐมนตรีที่สมควรถูกปรับออก รวมถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่า “ตรงกับอารมณ์ความรู้สึกทางสังคมที่แสดงผ่านสื่อมวลชน "อิสระ" อย่างยิ่ง”

วิภาคฯ ได้สรุปแบบพูดเองเออเองว่า นายอภิสิทธิ์ไม่กล้าปลดนายสุเทพ เพราะนายสุเทพเป็นกล่องดวงใจของพรรคประชาธิปัตย์ และขณะเดียวกันก็ไม่กล้าปลดนายกษิต เพราะนายกษิตเป็นกล่องดวงใจของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงเป็นเงาสะท้อนแห่งการประสานร่วมมือกันระหว่างพันธมิตรฯ กับพรรคประชาธิปัตย์

และยังอ้างอีกว่า นายกษิตไม่เพียงแต่เป็น "สนิม" อันมาจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ดำรงอยู่ภายในพรรคประชาธิปัตย์ หากยังเป็นปัจจัยชี้ขาดอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาลด้วย

ทั้งนี้จะเห็นว่า ข้อสรุปของคอลัมน์ วิภาคฯ ที่ว่า ผลสำรวจความเห็นที่ต้องการให้ปลดนายกษิตนั้น “ตรงกับอารมณ์ความรู้สึกทางสังคม” เป็นข้อสรุปที่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน เพราะ “โพลล่าสุด”ที่วิภาคฯ นำมาอ้างถึงนั้น แม้จะไม่ระบุว่าเป็นโพลของสำนักใด แต่ก็น่าจะหมายถึง “กรุงเทพโพล”ที่สำรวจความคิดเห็นของชาวกรุงเทพมหานคร ทุกสาขาอาชีพ จำนวน 1,254 คน เมื่อวันที่ 2-3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

ผลสำรวจดังกล่าว ในประเด็นคำถามว่า สมควรที่จะมีการปรับ ครม.หรือไม่นั้น ผู้ตอบแบบสอบถามเสียงส่วนใหญ่ร้อยละ 68.1 ยังไม่ต้องการให้ปรับ โดยให้เหตุผลว่า การเปลี่ยนรัฐมนตรีบ่อยๆ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศ รัฐบาลเพิ่งเข้ามาทำงานควรให้เวลามากกว่านี้ และหลักฐานความผิดของรัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหายังไม่ชัดเจน ฯลฯ

ส่วนผู้ตอบแบบสอบถามที่เห็นด้วยกับการปรับ ครม.มีเพียงร้อยละ 31.9 โดยรัฐมนตรีที่เห็นว่าควรถูกปรับออก 5 อันดับ คือ นายกษิต ร้อยละ 9.7 นายสุเทพ ร้อยละ 5.9 นายวิฑูรย์ ร้อยละ 5.5 นายบุญจง ร้อยละ 1.9 และนายอภิสิทธิ์ ร้อยละ 1.5

จึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ผู้ที่อยากให้ปรับนายกษิตออก มีเพียงร้อยละ 9.7 ขณะที่คนส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 68.1 ไม่ต้องการให้ปรับ ครม.ซึ่งก็หมายรวมถึงไม่ต้องการให้ปรับนายกษิตออกด้วย แต่ผู้เขียนคอลัมน์วิภาคฯ กลับอ้างว่า ความต้องการให้ปลดนายกษิตนั้น “ตรงกับอารมณ์ความรู้สึกทางสังคม” ทั้งที่ความต้องการนั้นมีเพียงร้อยละ 9.7 เท่านั้น

นอกจากนี้ ผลสำรวจดังกล่าว ยังพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 76.3 ไม่เห็นด้วยกับการประกาศชุมนุมยืดเยื้อของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพราะกลัวเกิดเหตุการณ์รุนแรงบานปลาย สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ ขณะที่ผู้เห็นด้วยมีเพียงร้อยละ 23.7 ซึ่งก็ช่วยตอกย้ำว่า ข้อเรียกร้องของ นปช. 4 ข้อ ที่รวมถึงการปลดนายกษิตด้วยนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เห็นด้วย

ข้อสรุปที่ว่า นายกษิตไม่เพียงแต่เป็น "สนิม" อันมาจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ดำรงอยู่ภายในพรรคประชาธิปัตย์ หากยังเป็นปัจจัยชี้ขาดอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาลนั้น จึงเป็นการวิเคราะห์ที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่งของคอลัมน์ “วิภาคแห่งวิพากษ์” ที่มีธงในการสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างออกนอกหน้า จนยอมที่จะละเลยการนำเสนอข้อมูลอย่างรอบด้าน

และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการนำผลสำรวจของกรุงเทพโพลมาบิดเบือนผ่านสื่อฉบับนี้ เพราะ มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 5 ก.พ.2552 ก็ได้นำเสนอข่าวโดยพาดหัวว่า “โพลหนุนปรับ ‘กษิต-สุเทพ” ‘อภิสิทธิ์’ ป้อง ชูผู้จัดการ ‘รบ.’ ช่วยลดขัดแย้ง” ซึ่งการพาดหัวเช่นนี้ ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าคนส่วนใหญ่ต้องการให้ปรับนายสุเทพและนายกษิตออกจากตำแหน่ง ทั้งที่ในรายละเอียดของข่าวก็ระบุชัดเจนว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่ต้องการให้ปรับ ครม.เป็นเพียงเสียงส่วนน้อยเท่านั้น

บทความพิเศษใน มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6-12 ก.พ.2552 หน้า 9 ที่ให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงเช่นกัน
พาดหัวข่าวใน มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 5 ก.พ.52 ที่บิดเบือนผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน
กำลังโหลดความคิดเห็น