จัดสรร กมธ.สภาผู้แทนฯ 35 คณะ ลงตัวแล้ว พท.ได้14 คณะ ปชป. 13 ส่วน ภท-พผ.-ชทพ.ได้พรรคละ 2 คณะ “ชินวรณ์” ระบุชุดใหม่คลอด ชุดเก่าพ้นสภาพทันที เตรียมชง ปธ.สภาฯ เร่งเข้าที่ประชุมสภาให้ความเห็นชอบ
วันนี้ (6 ก.พ.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฏรตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 หลังจากพรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคว่า ตามกฎหมายหลังจากทั้ง 3 พรรคการเมืองถูกยุบไปและได้มีการเลือกตั้ง ส.ส.เข้ามาใหม่ ประกอบการมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ส.ส.สัดส่วนบางส่วนไปเป็นรัฐมนตรี และได้มีการเลื่อนลำดับขึ้นใหม่ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดสมาชิกเข้าไปทำงานให้คณะกรรมการธิการสามัญประจำสภาชุดต่างจำนวน 35 คณะใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ในสภาของแต่ละพรรค
นายชินวรณ์ กล่าวว่า เมื่อนำคณะกรรมาธิการทั้ง 35 คณะมาจัดสรร ตามจำนวนสมาชิกคณะละ 15 คน แต่ละพรรคจะได้สัดส่วนคณะกรรมาธิการฯ ดังนี้ พรรคเพื่อไทยมีจำนวน ส.ส.187 คน ได้ 14 คณะ พรรคประชาธิปัตย์ มีจำนวน ส.ส.174 คนได้ 13 คณะ พรรคภูมิใจไทย มี ส.ส.32 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน มี ส.ส.32 คน และพรรคชาติไทยพัฒนา มี ส.ส.25 คน ได้คณะกรรมาธิการพรรคละ 2 คณะ พรรครวมใจไทย ส.ส.9 คน พรรคประชาราช มี ส.ส.9 คนได้กรรมาธิการพรรคละ 1 คณะ ส่วนพรรคกิจสังคม มี ส.ส.5 คนพรรคราษฎรมี ส.ส.3 คน ไม่ได้คณะกรรมาธิการ
ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า สำหรับตำแหน่งต่างๆ ในคณะกรรมาธิการทั้ง 35 ชุด พรรคเพื่อไทยได้ 206 ตำแหน่ง ประชาธิปัตย์ได้ 192 ตำแหน่ง พรรคภูมิใจไทย 35 ตำแหน่ง พรรคเพื่อแผ่นดิน 35 ตำแหน่ง พรรคชาติไทยพัฒนา 28 ตำแหน่ง พรรคภูมิใจไทย 10 ตำแหน่ง พรรคประชาราช 10 ตำแหน่ง พรรคกิจสังคม 6 ตำแหน่ง พรรคราษฎร 3 ตำแหน่ง
นายชินวรณ์ กล่าวว่า เพื่อให้สมาชิกได้เข้าไปทำงานในคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ โดยเร็ววิปรัฐบาลจะมีการประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 10 ก.พ.นี้ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อจัดสรรคณะกรรมาธิการชุดต่างให้พรรคร่วมรัฐบาลพร้อมทั้งจัดบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาในคณะกรรมาธิการแต่ละชุด ซึ่งแต่ละพรรคจะได้คณะกรรมาธิการชุดได้บ้างจะต้องมีการตกลงกันในพรรคร่วมรัฐบาลก่อน หลังจากได้ข้อสรุปแล้ว วิปรัฐบาลจะมีการนัดประชุมตัวแทนจากทุกพรรคการเมืองในวันที่ 11 ก.พ.นี้ที่อาคารรัฐสภาในเวลา 09.30 น.เพื่อหาข้อสรุป ก่อนที่นำเข้าสู่ที่ประชุมสภาให้ความเห็นชอบโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หลังจากได้ข้อสรุปและมีการแต่งตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 135 ไปแล้วให้ถือว่าคณะกรรมการชุดเดิมพ้นสภาพไป