ปธ.วิปรัฐบาล ฟ้องสังคมฝ่ายค้านเตะถ่วงร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ เสนอนับองค์ประชุมพร่ำเพรื่อจนประธานสภาฯ ต้องสั่งปิดประชุม กำชับ ส.ส.เข้าประชุมหวั่นสภาล่ม ด้าน “ประชา” ชูหลักฐาน ส.ส.กดบัตรแทนกัน เปิดแผล “บรรหาร” ติดใจการจัดสรรงบฯ แบบกระจุกตัว
วันนี้ (5 ก.พ.) หลังกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ชิงสั่งปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อคืนวันพุธที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุนั้น นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ยืนยันว่าองค์ประชุมเมื่อคืนที่ผ่านมาครบแต่เมื่อฝ่ายค้านเล่นเกมเสนอให้นับองค์ประชุมพร่ำเพรื่อทุกๆ 30 นาทีรัฐบาลก็จะใช้มาตรการปิดการประชุม เพื่อให้ประชาชนรู้ว่าฝ่ายค้านไม่ต้องการให้สภาฯ ทำงานต่อไปได้ ทั้งนี้จะเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้กำหนดหลักเกณฑ์ในการนับองค์ประชุมว่าจะเสนอให้นับองค์ประชุมได้เมื่อใด เพราะต้องยอมรับว่าที่ฝ่ายค้านบางคนใช้มาตรการเสนอนับองค์ประชุมพร่ำเพรื่อ อาจเป็นเพราะยังทำใจไม่ได้ที่ต้องเป็นฝ่ายค้าน จึงใช้เกมนี้เพื่อแก้ความคับข้องใจ
เมื่อถามว่าหากต่อไปองค์ประชุมล่มจะรับผิดชอบอย่างไรในฐานะประธานวิปรัฐบาล นายชินวรณ์ ตอบว่า เมื่อ ส.ส.ทุกคนรู้แล้วว่าฝ่ายค้านจะใช้เกมนับองค์ประชุมทุกวัน ก็น่าจะมีการเตรียมตัวให้พร้อมโดยไม่ควรจะไปประชุมอะไรนอกเหนือจากการประชุมสภาฯ ในวันพุธและวันพฤหัสฯ
นายชินวรณ์ ยังกล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีทั้งคณะก็คงเป็นการเข้าใจผิด เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 50 ระบุให้ยื่นอภิปรายนายกรัฐมนตรี หรือยื่นอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคล ดังนั้นจะอภิปรายฯ ทั้งคณะเหมือนรัฐธรรมนูญฉบับเก่าจึงไม่สามารถทำได้ ซึ่งอยากให้ฝ่ายค้านใช้มาตรการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นมาตรการที่สำคัญที่สุด ในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่เอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาใช้เวทีสภาโต้ตอบกันไปมา ยิ่งหากพบว่ารัฐมนตรีมีพฤติกรรมทุจริตต้องยื่น ป.ป.ช.ถอดถอนด้วย
ต่อมา นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พร้อมด้วยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวพร้อมนำบันทึกการลงคะแนนมาชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวว่า ไม่คิดว่าจะพบกับสิ่งที่ไม่ต้องพิสูจน์ หลังจากที่ตนเสนอให้นับองค์ประชุม ด้วยการขานชื่อเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา แต่รัฐบาลกลับตำหนิว่าเป็นการนับองค์ประชุมพร่ำเพรื่อ ทั้งที่เห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ อาจมีปัญหาหลังจากเห็นว่า ในห้องประชุมสภาฯ มี ส.ส.เหลืออยู่โหรงเหรง ทั้งนี้ หลังจากที่ได้เคยเสนอนับองค์ประชุมครั้งแรก ด้วยการเสียบบัตรไปก่อนก็พบว่านายตุ่น จินตะเวช ส.ส.อุบลราชธานี พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งมีชื่อว่าเสียบบัตรลงคะแนน ความจริงแล้วกลับไปปรากฎตัวในงานหมอลำซิ่งที่ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ตนได้ตรวจสอบว่ามีการเดินทางโดยเครื่องบินและมีเลขที่นั่งชัดเจน ขณะที่นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมาแสดงตนด้วยวาจาปรากฏว่ากลับมีบันทึกในรายงานของเจ้าหน้าที่สภาฯ ว่ามีการกดบัตรแสดงตนไปแล้วเช่นกัน
นายประชา กล่าวต่อว่า เรื่องนี้เป็นจิตสำนึกของฝ่ายรัฐบาลที่พูดเสมอว่าให้ความสำคัญกับการประชุมสภาฯ ทำให้เห็นว่ารัฐบาลมีความอ่อนแอ ในสภาฯ ยังหลอกลวงแล้วจะมาบริหารประเทศให้สุจริตได้อย่างไร หากสภาฯ ไปไม่ได้ นายกฯ ก็ควรลาออกหรือยุบสภาไปเสีย อย่าให้มีพฤติกรรมแบบนี้อีก และประธานสภาฯควรมีการสอบสวนว่าใครเสียบบัตรแทนกันต้องสมควรได้รับการลงโทษ
ขณะที่ นายสุรพงษ์ กล่าวเสริมว่าเรื่องนี้อยู่ในกฎเหล็กของนายกรัฐมนตรี 9 ข้อระบุด้วยว่า รัฐมนตรีและส.ส.ต้องให้ความสำคัญต่อการประชุมสภาฯ ด้วย และขณะนี้ก็เกิดปัญหาขัดแย้งภายในรัฐบาลแล้ว เมื่อนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยออกมาระบุว่า มีการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมกระจุกตัว เพราะกระทรวงของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นเสือเผ่นนั้น ตนเห็นว่าไม่เป็นความจริง เพราะยังดีกว่าเสือโหยที่ชอบแอบกินของลับของหวงของชาวบ้าน
เมื่อถามถึงความคืบหน้าที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณสั่งให้ ส.ส.เพื่อไทยฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการนำระบบประธานาธิบดีมาใช้กับประเทศไทย นายสุรพงษ์ ตอบว่า ฟ้องแน่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยคิดเช่นนั้น เพียงแต่บอกว่าต้องการกลับมารับใช้ประชาชนอีกครั้ง ถ้าประชาชนต้องการ เพราะห็นว่าการเอาเด็กหนุ่ม 2 คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่มาบริหารประเทศจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างไร ซึ่งเป็นนิสัยของพรรคประชาธิปัตย์ที่ชอบใส่ร้ายคนอื่นอยู่เสมอ ฉะนั้น ฝ่ายกฎหมายของพรรคก็พร้อมจะฟ้องนายสุเทพ ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง นอกจากนั้นหาก พ.ต.ท.ทักษิณเดินทาง มาท่องเที่ยวอยู่ใกล้ประเทศไทย พวกตนก็พร้อมจะไปให้กำลังใจในฐานะคนพลัดถิ่น พ.ต.ท.ทักษิณจะได้ไม่เหงา แต่มีปัญหาเพราะมีคนชอบสะกดรอยตามตลอด จึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง ส่วนแนวคิดที่จะเสนอให้มีการนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณและอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยนั้น นายสุรพงษ์ ตอบว่า เป็นความคิดของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ ส.ส.ของพรรคพร้อมจะนำมาเป็นนโยบายของพรรคต่อไป เพราะขนาดความผิดร้ายแรงยังมีการนิรโทษกรรมให้ได้