xs
xsm
sm
md
lg

“สาวิทย์” แฉ “ระบอบแม้ว” ทำชาติพัง! จี้ “มาร์ค” เร่งทบทวนเกมแก้จน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สาวิทย์” ชำแหละซาก “ระบอบทักษิณ” งาบที่ดินฉาว-ทำชาติยากจน แฉไฟเขียวให้ “ชาวบ้าน” เอาที่ดินไปจำนอง จนท้ายที่สุดไร้ปัญญาไถ่ถอนที่ดินคืนจาก “นายทุน” พร้อมจี้ “อภิสิทธิ์” เร่งทบ “ประชานิยม” ชี้ชัดไร้ทางแก้ปัญหา แนะส่งเสริม “ภาคเกษตร” ให้กลายเป็นจุดแข็งเพื่อพลิกฟื้นประเทศให้พ้นวิกฤต

 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" 

รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-23.00 น.วันจันทร์ที่ 3 ก.พ.2552 ดำเนินรายการโดย น.ส.กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ พบกับนายสาวิทย์ แก้วหวาน แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่น 2 กล่าวปราศรัยในประเด็นการดำเนินแก้ปัญหาความยากจนของรัฐบาล

กรองทอง - สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประจำวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552 วันนี้พบกับดิฉัน กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ ต้องขอขอบคุณพี่น้องทุกท่านที่อยู่ที่นี่ ที่ห้องส่งแห่งนี้ สวัสดีค่ะ ฟังจากเสียง วันนี้ประมาณ 1,500 คนได้ เสียงของเรายังคงอุ่นหนาฝาคั่งกันเหมือนเดิม พี่น้องยังคงเดินหน้าตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชนต่อไป และสวัสดีพี่น้องพันธมิตรฯ ทุกท่านที่รับชม ASTV News 1 ทีวีของประชนชน อยู่ทางบ้านด้วย ทั้งพี่น้องที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ

วันนี้เรายังคงมีข่าวสารต่างๆ มาให้พี่น้องได้รับชม ข่าวใหญ่วันนี้ คือ แน่นอนว่า ทุกคนจับจ้องไปที่การลาออกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วันนี้เราจะมีเรื่องนี้มาคุยกันในช่วงการสนทนา แต่ก่อนอื่น 3 กุมภาพันธ์ วันทหารผ่านศึก ขอสดุดีวีรกรรมของทหารผ่านศึกผู้กล้าทุกคน ซึ่งวันนี้มีพิธีต่างๆ ที่จะรำลึกถึงวีรกรรมต่างๆ ช่วงเช้ามีการทำพิธีทำบุญตักบาตร ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์มาวางพวงมาลาสดุดีวีรกรรมทหารผ่านศึก ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในวันทหารผ่านศึกด้วย ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ นั้น ก็ได้มาวางพวงมาลาเนื่องในวันนี้ โดยมี พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อภิชาติ เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยทหารผ่านศึกนอกประจำการและหน่วยงานราชการเข้าร่วมในพิธีด้วยคะ

ในช่วงเช้านะคะมีพิธีทำบุญตักบาตร และมีการวางพวงมาลาของผู้แทนจากส่วนราชการ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน สมาคมมูลนิธิรวมทั้งทหารผ่านศึกนอกประจำการ เพื่อคาราวะดวงวิญญาณเหล่าทหารผู้กล้า ที่อุทิศตนเสียสละ เลือดเนื้อ เพื่อประชาชนแล้วก็เพื่อประเทศชาตินะคะ ส่วนช่วงเย็นนั้นก็มีพิธีสวนสนามสดุดีทหารผ่านศึก ณ ลานอเนกประสงค์ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ โดยมี พล.อ.ประวิทย์ วงศ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานคะ ก็เป็นบรรยากาศที่ผ่านมานะคะ

สำหรับพี่น้องเราก็เช่นเคยนะคะ ยังสามารถที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ เสนอแนะ รวมถึงทักทายผ่านทางหน้าจอ ASTV ของเราได้ พิมพ์ N1 ตามด้วยข้อความ ส่งมาที่ 4850770 หรือพี่น้องพันธมิตรฯ ที่อยากจะฝากข่าวประชาสัมพันธ์ อยากจะแนะนำ โทร.มาฝากไว้กับทีมงานได้ เบอร์โทรศัพท์ 0-2629-4433

ส่วนตอนนี้ ช่วงแรกเราจะมีความเคลื่อนไหวของพี่น้องพันธมิตรฯ เรา วันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ ที่เราจะทำให้ความรักทั่วทั้งแผ่นดิน กันที่อุดรธานี พี่น้องที่นี่มีใครเตรียมตัวจะไปอุดรธานีไหมคะ เราไม่หวั่นเกรงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นที่อุดร พี่น้องพันธมิตรฯ ไม่เคยเกรงกลัว และยังคงยืนยันที่จะทำให้การเมืองภาคประชาชนของเรา เสริมสร้างการเมืองภาคประชาชน สร้างการเมืองใหม่ไปทั่วทุกพื้นที่ แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ที่อาจจะมีความเสี่ยงก็ตาม และเจ้าของพื้นที่ออกมาประกาศตั้งแต่แรกแล้วว่า ไม่สนับสนุนให้พันธมิตรฯ เดินทางไป

ซึ่งวันนี้ล่าสุด ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เชิญแกนนำพันธมิตรฯ ของอุดรธานี และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าหารือ วันนี้มีรายละเอียดมาให้พี่น้องได้รับชมกันด้วย ที่ห้องประชุมกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้เชิญแกนนำพันธมิตรฯ จ.อุดรธานี คือ คุณเจริญ หมู่ขจรพันธุ์ และแกนนำชมรมคนรักอุดร คือ นายขวัญชัย สารคำ พร้อมด้วยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 เข้าหารือ กรณีที่พันธมิตรฯ จะจัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ จ.อุดรธานี ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ บริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม

การหารือครั้งนี้เพื่อป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น การหารือในวันนี้ นายขวัญชัย บอกว่า ยืนยันว่า กลุ่มชมรมคนรักอุดร พร้อมให้ความร่วมมือกับทางจังหวัด แต่ไม่เห็นด้วยที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะจัดกิจกรรมในพื้นที่ ทั้งนี้ชมรมคนรักอุดรเขาบอกว่า เขามีสมาชิกจำนวนมาก เพราะฉะนั้น นายขวัญชัย ก็บอกว่า ไม่มีความมั่นใจ ไม่อาจควบคุมคนของตัวเองได้ทั้งหมด จึงหวั่นว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงได้ อยากจะให้กลุ่มพันธมิตรฯ ยุติการจัดงานดังกล่าว นี่คือ สิ่งที่ขวัญชัยบอก สิ่งที่ได้จากการเข้าหารือเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นแบบที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว พี่น้องเรายังจำภาพนั้นได้ดี

ขวัญชัย บอกว่า ขวัญชัยพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ขวัญชัยก็บอกว่าขวัญชัยไม่แน่ใจว่าจะคุมคนของขวัญชัยได้นะคะ ส่วนทางแกนนำพันธมิตรฯของเรานะคะ คุณเจริญก็บอกว่าจะไม่มีการเลื่อนการจัดงานอย่างเด็ดขาด เพราะว่าทุกอย่างได้มีการเตรียมความพร้อมเอาไว้หมดแล้วนะคะ ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัยคุณเจริญ บอกว่า เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องดูแลรับผิดชอบในเรื่องนี้ที่จะต้องป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมานะคะ อย่างไรก็ตามคะทางด้านของผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี ก็บอกว่าเพื่อที่จะป้องกันความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นก็ได้มีการสั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมกำลังเอาไว้จำนวน 10 กองร้อยแล้ว มีการเตรียมกำลังทหารเอาไว้ด้วยนะคะ แล้วก็มีการเตรียมกำลังสำหรับอาสาสมัครไว้ส่วนหนึ่งเพื่องานนี้ด้วย อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เตรียมเอาไว้สำหรับที่จะต้อนรับพันธมิตรฯของเราในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นะคะ

ในความเคลื่อนไหวอีกเรื่องหนึ่งคะ ก่อนที่เราจะเข้าการปราศรัยในเรื่องต่อไปนะคะ พี่น้องพันธมิตรฯของเราที่จังหวัดมหาสารคาม วันนี้ได้มีการออกแถลงการณ์ ประณามและก็เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องจับกุมแกนนำ นปช.คะ ที่เขาได้มีการรวมตัวกันเมื่อวันที่ 31 มกราคม แล้วก็รวมตัวกันอย่างเดียวไม่ว่านะคะ แสดงออกถึงสิทธิทางการเมืองของประชาชนอย่างเดียวไม่ว่า แต่ว่าจากภาพข่าวที่ปรากฏ จากเนื้อหาข่าวที่เราได้รับทราบนั้นมีพฤติกรรมที่ดูจะเป็นการจาบจ้วง ล่วงละเมิดสถาบัน ดังนั้นทางด้านของพี่น้องกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.มหาสารคาม โดย นางวชิราพร โคตรสารนะคะ ก็เลยได้มีการอ่านแถลงการณ์ประณามกลุ่ม นปช.หรือว่ากลุ่มคนเสื้อแดงเนี้ยแหละ ที่ได้มีการชุมนุมเมื่อวันที่ 31 มกราคม นะคะ บอกว่า มีการปราศรัยที่มีการจาบจ้วงเบื้องสูงด้วย

อีกทั้งในวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมานั้น ที่เรามีการเปิดเวทีพันธมิตรฯ ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ก็ได้มีพฤติกรรมที่ดูเหมือนว่าจะทำให้เกิดความสะเทือนใจกับพี่น้องประชาชน เพราะเขาบอกว่าวันนั้นพี่น้องจำกันได้ที่ทางด้านของกลุ่ม นปช.มายึดเวทีปราศรัยของเวทีพันธมิตรที่ร้อยเอ็ด ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังควบคุมเหตุการณ์ ก็ได้มีการเปิดเพลงสดุดีมหาราชาในระหว่างที่เปิดเพลงนั้นเอง หลังจากเพลงจบก็มีการตะโกนจากกลุ่ม นปช.ว่า “ทักษิณจงเจริญ” พี่น้องพันธมิตรฯ ที่มหาสารคามบอกว่า เหตุนี้เป็นการสร้างความสะเทือนใจให้กับประชาชนที่รักชาติเป็นอย่างมาก วันนี้ก็เลยได้มีการออกมาเคลื่อนไหว ออกแถลงการณ์เพื่อที่จะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ และผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปนะคะ อันนี้ก็เป็นความเคลื่อนไหวของพี่น้องพันธมิตรฯเรา

ส่วนช่วงนี้นะคะเดี๋ยวเราจะเข้าสู่ช่วงปราศรัยคะ ผู้ปราศรัยของเราในวันนี้นะคะ เป็นแกนนำพันธมิตรฯรุ่นที่ 2 คะ ขอเชิญพี่น้องพบกับ คุณสาวิทย์ แก้วหวาน คะ สวัสดีคะ เชิญคะ

สาวิทย์ - สวัสดีครับคุณกรองทองครับ สวัสดีครับพี่น้องในห้องส่งทุกท่าน ฟังเสียงมือตบหน่อยได้ไหมครับ (เสียงมือตบ) ก็ยังเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนะครับ และก็ขอทักทายไปถึงพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในต่างจังหวัดนะครับ แล้วก็ที่รับชมอยู่ในต่างประเทศด้วยนะครับ วันนี้ก็พี่น้องเราในหลายๆ ภาคส่วนนะครับ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชนเนี้ย วันนี้ก็รุกหน้าไปมาก ถึงแม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองในวันนี้เนี้ยนะครับ ก็มีการกดดันกันอย่างสูงในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะวันนี้ก็คงจะรับรู้รับทราบกันไปแล้วว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก็ได้ลาออกไปแล้วด้วยพิษปลากระป๋องเน่านะครับ และนี่ก็คือ การเมืองในรูปแบบเก่านะครับ จริงเท็จประการใด ทุจริตคอร์รัปชั่นกันบ้างหรือไม่

ผมคิดว่ากระบวนการทางสังคมก็คงจะตรวจสอบกันต่อไป เพราะฉะนั้นผมคิดว่าการเมืองภาคประชาชนเหล่านี้เองมันเป็นเรื่องที่สำคัญ วิถีทางการเมืองก็เป็นไปตามวิถีของนักการเมือง แต่ผมคิดว่าการเมืองภาคประชาชนเนี้ยสำคัญ ใครจะมาเป็นรัฐบาลนั้นก็เป็นเรื่องของรัฐบาลและเป็นเรื่องของนักการเมือง แต่ผมคิดว่าภารกิจและก็หน้าที่ของภาคประชาชนนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งร่วมกันถ่วงดุล ตรวจสอบนะครับ เพื่อให้บังคับทิศทางให้ประเทศไทยนั้น เป็นไปในทิศทางที่ทำให้สังคมนั้นมีความสงบสุข

ฉะนั้น ที่ผ่านมาเนี้ย เราก็ได้ข้อสรุปแล้วว่าสิ่งที่เรามุ่งหวังและก็คาดหวังให้นักการเมืองทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน คนส่วนใหญ่ของสังคมวันนี้มันก็ได้ข้อสรุปแล้วว่า มันไม่สามารถที่จะคาดหวังได้นะครับ ถึงแม้ว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์จะมาบริหารงานเพียงไม่กี่เดือน ประชาชนก็ให้โอกาส แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อยู่ทีฝีมือของรัฐบาลว่า จะทำหน้าที่ให้มันสอดคล้องกับเจตนารมณ์ตามความต้องการของพี่น้องประชาชนหรือไม่

วันนี้ผมเองก็จะมาพูดคุยกับพี่น้องประเด็นที่คิดว่าสำคัญ และก็เป็นประเด็นที่ภาคส่วนต่างๆ นะครับ ในสังคมกำลังติดตามอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของภาวะเศรษฐกิจ และก็สิ่งที่พูดคุยกับพี่น้องก็คงเป็นประเด็นเรื่องของพี่น้องผู้ใช้แรงงาน เพราะผมเองนั้นมาจากกรรมกร เป็นตัวแทนของกรรมกร เป็นตัวแทนของพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ฉะนั้นบริบทในการทำงานก็ยังคงเดินสายไปทักทาย พูดคุยกับพี่น้อง ไม่ว่าจะเป็นกรรมกร ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องชาวนา ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องสลัม ในฐานะที่เป็นคนจนด้วยกัน จะไปรับรู้ ดูสภาพปัญหา และความเป็นไป และความทุกข์ยาก ความยากลำบากในขณะนี้ ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่หลายคนมองว่ารุนแรง หนักหนาสาหัสสากันพอสมควร

ผมเองส่วนหนึ่งก็ยอมรับว่า ทิศทางและแนวโน้มเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่อาจจะมีทิศทาง ลักษณะ และแนวโน้มที่รุนแรงอย่างที่หลายคนพูดกัน แต่อีกนัยหนึ่งผมเองยังวิตกกังวลอยู่เหมือนกันว่า กระแสข่าวที่โหมลงไปว่าวิกฤตเศรษฐกิจต่างๆ ที่มันจะเกิดขึ้นนั้นจะรุนแรงอย่างที่พูดหรือเปล่า ซึ่งผมเองโดยประสบการณ์การทำงานเกรงว่า โดยวิกฤตเศรษฐกิจที่สังคม หลายภาคส่วนวิพากษ์วิจารณ์จะเกิดวิกฤตและจะมีคนตกงาน ว่างงานขนานใหญ่ จะนำไปซึ่งทิศทางที่จะทำให้นายจ้าง สถานประกอบการทั้งหลาย หาช่องทาง หาโอกาสในการเลิกจ้างคนงาน ในการปรับลดสวัสดิการคนงานลง โดยอ้างเหตุผลว่า ถ้าไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้คุณต้องพร้อมรับสภาพในการตกงาน

หลายสถานประกอบการ คนงานอยู่ในภาวะที่วิตกกังวลเป็นอย่างมากในขณะนี้ เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม เพราะฉะนั้นภาคส่วนของสังคม แนวโน้ม ทิศทาง มองถึงเรื่องความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยภาวะเรื่องของการตกงาน ว่างงาน เพราะฉะนั้นวันนี้คนงานส่วนใหญ่อยู่ในภาวะวิตกกังวล ดูเหมือนจะจำยอมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับในเงื่อนไขที่สังคมชี้แนะไป ว่าถ้าคุณไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้คุณอยู่ในสภาวะที่ต้องตกงาน ว่างงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง

ผมเองมีข้อมูลที่จะมาพูดคุยกับพี่น้องเพื่อให้เห็นภาพร่วมกัน จะได้เห็นว่า ในความเป็นจริงนั้น ทิศทางและตัวเลขเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า พี่น้องที่รักทั้งหลาย วันนี้ประเทศไทย ประชากรทั้งประเทศมีประมาณ 66.6 ล้านคน เป็นผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี 14.26 ล้านคน อายุ 15 ปีขึ้นไป 52.35 ล้านคน ผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน คือสามารถทำงานได้ประมาณ 37.7 ล้านคน ผู้ที่ไม่อยู่ในกำลังแรงงาน 14.56 ล้านคน เป็นผู้ที่มีงานทำ ประมาณ 37.16 ล้านคน ผู้ทำงานบ้าน 5.04 ล้านคน

ผู้ว่างงาน 0.45 ล้านคน หรือประมาณ 450,000 คน เรียนหนังสือ 4.2 ล้านคน รอฤดูกาลในการทำงาน ประมาณ 0.18 ล้านคน อื่นๆ 5.32 ล้านคน จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ สรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร ในเดือนตุลาคม 2551 ที่ผมยกสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาให้พี่น้องว่า วันนี้คนที่ทำงานอยู่ในภาคส่วนต่างๆ มีกำลังแรงงานทั้งสิ้น 37 ล้านคน ถ้าเราดูจากสถิติการทำงานจากผู้ประกันสังคม แรงงานที่อยู่ในระบบจริงๆ ประมาณ 10 ล้านคน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ประมาณ 2 ล้านคนเศษ เบ็ดเสร็จแล้วคนที่อยู่ในระบบที่ทำงานจริงๆ ประมาณ 13 ล้านคน ที่เหลือเป็นแรงงานนอกระบบ

เพราะฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลให้การสนับสนุนลงไปในการช่วยเหลือ โดยเฉพาะให้เงินคนละ 2,000 บาท มีคำถามว่า แล้วคนที่เป็นแรงงานนอกระบบ เกษตรกรทั้งหลายจะได้รับผลพวงนี้หรือไม่ เป็นการแก้ปัญหาถูกจุดหรือไม่ เพราะฉะนั้นอย่างที่เรียนพี่น้องไปว่า เพียง 10 กว่าล้านคนเท่านั้นเองที่อยู่ในระบบ แต่แรงงานนอกระบบเหล่านั้นใครจะเป็นผู้ดูแล อันนี้เป็นประเด็นที่น่าติดตามและน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า ท้ายที่สุดแล้ว กับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น กับสิ่งที่รัฐบาลกำลังช่วยลงไปนั้น มันจะสามารถฟื้นฟูชีวิตของเขาได้หรือไม่ เงินเพียง 2,000 บาท จะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งหลายส่วนออกมาบ่นกันว่า สิ่งที่รัฐบาลทำลงไปอาจจะไม่ตรงจุด

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่า ในส่วนของพี่น้องผู้ใช้แรงงานเองพยายามเสนอ คือว่า จะทำอย่างไรให้เขาเหล่านั้นสามารถอยู่ได้อย่างถาวร การให้เงินไปช่วยเหลือ เวลาประชาชนทุกข์ยาก เวลาประชาชนเดือดร้อน รัฐบาลจัดเงินไปให้ ถามว่า ดีไหมบางส่วนก็ดี แต่ไม่ใช่การแก้ปัญหาระยะยาว เพราะฉะนั้นผมคิดว่า แทนที่จะให้เงิน รัฐบาลควรจะให้งานเขาทำมากกว่า เพื่อให้มีศักดิ์ศรี เพื่อให้เขามีเครื่องมือในการทำงาน ให้อาชีพเขา ส่งเสริมอาชีพเขา ที่สำคัญคือ กระแสวิกฤตเศรษฐกิจขณะนี้ต้องมาดูว่า วิกฤตจริงหรือไม่ มีสถานการณ์เลิกจ้างจริงหรือไม่ แนวโน้มของบริษัทนั้นๆ มีทิศทางจะหาเหตุจากวิกฤตเพื่อหาโอกาสให้ตัวเองในการปลดคนงาน เลิกจ้างคนงานหรือไม่อย่างไร สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง

ที่ผมยกเรื่องนี้มาคุยในวันนี้เพราะว่า กระแสใหญ่ของสังคมวันนี้มองเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ พอวิกฤตเศรษฐกิจทีไรเลิกจ้างคนงาน เป็นวัฏจักรที่มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2540 จนถึงปัจจุบัน เรามีประสบการณ์ที่ค่อนข้างเจ็บปวด มาวันนี้เราเจอวิกฤตอีกครั้งในปี 2552 ซึ่งเป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เพราะฉะนั้น ผลพวงต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลายคนมองว่าเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นและมีผลกระทบขนานใหญ่ อย่างไรก็ตาม ผมเองยังมีความเชื่อมั่นว่า ถ้าเรามีวิธีการแก้ไขในทิศทางที่ดี สามารถนำพาสังคมนี้ต่อไปได้ เพราะฉะนั้นวันนี้ผมคิดว่า ในส่วนของการแก้ไขปัญหาความยากจนนั้น รัฐบาลต้องเข้าใจว่า สาเหตุของความจนคืออะไร สิ่งที่ยากจนในวันนี้ผมเชื่อว่า ไม่ได้จนเพราะคนไม่มีเงิน แต่เหตุที่คนจนในวันนี้เพราะคนจนส่วนใหญ่ขาดโอกาส เข้าไม่ถึงการบริการสาธารณะของภาครัฐ เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ผมคิดว่ารัฐบาลต้องนำไปพิจารณา ศึกษาว่าต้นเหตุแท้จริงของความจนคืออะไร และการแก้ไขปัญหาความจนอย่างยั่งยืนแท้จริงคืออะไร

วันนี้ สถานการณ์ของประเทศไทย เราได้พัฒนาประเทศเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม วันนี้สังคมชนบทอยู่ในภาวะล่มสลาย เราพยายามพัฒนาอุตสาหกรรม แต่วันนี้เป็นคำตอบแล้วว่า การพัฒนาทิศทางด้านอุตสาหกรรมเพียงด้านเดียวไม่สามารถนำพาสังคมให้อยู่รอดได้ เพราะฉะนั้นวันนี้ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ เราต้องดูว่า จุดแข็งของประเทศไทยนั้นคืออะไร สิ่งหนึ่งที่เรามีอยู่ และหลายรัฐบาลพยายามทำ นั่นคือเรื่องของอาหาร เราเป็นสังคมเกษตรกรรมมาตั้งแต่ต้น แต่หลังจากที่ประเทศไทยพยายามนำพาประเทศ เพื่อให้เป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย พยายามนำพาประเทศให้เป็นประเทศอุตสาหกรรม

แต่วันนี้เราไปไม่รอด เราเจอวิกฤตหลายๆ ครั้ง เศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างที่ผมพูดเป็นประจำว่า เป็นเศรษฐกิจแบบพึ่งพา ทั้งเงินลงทุนและการส่งออก ร่วม 70 เปอร์เซ็นต์ เราต้องส่งออกไปขายตลาดต่างประเทศ เราไม่เน้นเติบโตภายในประเทศ เพราะฉะนั้นวันนี้ ผมคิดว่าประเทศไทย รัฐบาลต้องหันมาทบทวนว่า อะไรคือจุดแข็งของประเทศไทย สิ่งที่เราค้นพบ สิ่งที่เราเจอ คือประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ดิน ที่นายังสามารถพัฒนาได้ถ้ารัฐบาลตั้งใจแก้ไขปัญหา แนวทางในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปที่ดิน เก็บภาษีมรดกทักษิณ เป็นแนวทางที่ภาคส่วนสังคมเห็นด้วย แต่ผมคิดว่า การเก็บภาษีไปแล้วถ้ามีการบริหารจัดการไม่โปร่งใส อันนี้จะเป็นปัญหากับสังคมต่อไป เพราะฉะนั้นประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาความยากจน เดินตามแนวทางรัฐบาลทักษิณคือใช้ประชานิยม

ผมมีข้อมูลจากสถิติงานด้านวิจัยของสถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ พูดถึงนโยบายประชานิยมไว้ ซึ่งตอนหนึ่งบอกไว้ว่า นโยบายประชานิยมซึ่งเคยมีในสมัยรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เฟื่องฟูมากในยุคพรรคไทยรักไทย ถือเป็นพรรคการเมืองที่เสนอนโยบายประชานิยมเต็มรูปแบบ สาระสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจ พรรคไทยรักไทยคือเศรษฐกิจทวิวิถี ซึ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการส่งออกพร้อมกับการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เพื่อผลทางด้านเศรษฐกิจมหภาค และผลทางด้านการเมืองที่ตอบสนองทั้งคนจนและคนรวย

นโยบายนี้ใช้เงินทั้งในงบประมาณ และนอกงบประมาณเป็นจำนวนมากในระยะแรก และสร้างภาระผูกพันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งก่อให้เกิดความไม่โปร่งใสทางการคลัง ด้านที่มีผลต่อการลดความยากจนนั้นยังไม่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน นโยบายประชานิยมที่สามารถเข้าถึงคนจนได้มาก มีเพียงอย่างเดียว คือ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค น่าสนใจมาก ในช่วงแรกการใช้นโยบายประชานิยม การกระจายรายได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่ผลที่เกิดขึ้นไม่ยั่งยืน เมื่อหยุดอัดฉีดเงิน การกระจายรายได้กลับเลวร้ายกว่าระบบปกติ สวัสดิการที่เกิดขึ้นจากการที่เราต้องประสบความเสี่ยงหลากหลายในชีวิตประจำวัน ทำให้รายได้ผันผวน และเกิดค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึง ผู้ที่ไม่สามารถรับกับความผันผวนได้จะต้องประสบความยากลำบากในการดำรงชีวิต นี่เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยของสถาบันทีดีอาร์ไอ สถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ชี้ให้เห็นว่า แนวนโยบายเรื่องประชานิยม เงินที่อัดฉีดลงไปนั้นเป็นเงินก้อนๆ ที่ลงไปนั้นใช้เพียงครั้งเดียวก็หมดไป ท้ายที่สุดจะส่งผลสะเทือนต่องบประมาณแผ่นดินในระยะยาว

เพราะฉะนั้น ประสบการณ์ความล้มเหลวเหล่านี้ที่เกิดขึ้นแล้ว รัฐบาลอภิสิทธิ์ต้องกลับมาทบทวนว่า สิ่งที่ให้ลงไปจะแก้ไขปัญหาความยากจนได้จริงหรือไม่ อย่างไร ปัญหาการตกทุกข์ได้ยาก ปัญหาราคาผลผลิตด้านการเกษตรตกต่ำเกิดขึ้นจากอะไร ทั้งๆ ที่ปัญหาเรื่องอาหารการกินในต่างประเทศขณะนี้กำลังมีความต้องการ ภาวะสินค้าอุตสาหกรรม ที่เกิดผลกระทบในขณะนี้ หากเราหันกลับมาเอาจุดแข็งของประเทศไทย นั่นคือภาคเกษตร ขึ้นมาพลิกฟื้น ทำตลาดดีๆ จะสามารถช่วยให้ชีวิตของชาวไร่ ชาวนา เกษตรกร ซึ่งในขณะนี้ยังที่ผมเรียนตอนต้นก็คือว่า ส่วนใหญ่แล้วยังเป็นแรงงานนอกระบบ ซึ่งรวมทั้งภาคเกษตรด้วย ฉะนั้นการแก้ไขปัญหาความยากจน

วันนี้จึงเป็นปัญหาความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดนี้ หรือรัฐบาลชุดหน้า เป็นความท้าทายอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นการพัฒนาประเทศไทย วันนี้เรามีแผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติตั้งแต่ฉบับที่ 1 จนถึงฉบับที่ 10 นะครับ ฉบับที่ 10 เนี้ย ใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550-2554 พี่น้องก็จะเห็นแล้วว่าการพัฒนาประเทศไทยเนี้ย วางแผนไว้แค่ 5 ปี เปลี่ยนแผน 5 ปี ซึ่งก็จะแตกต่างจากประเทศ อย่างเช่น ประเทศภูฎานนะครับ ประเทศที่ถือว่าเป็นประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลกเนี้ย เขาวางแผนประเทศเนี้ยไปถึง 50 ปี แต่ประเทศไทยเราเนี้ยวางไว้แค่ 5 ปี 5 ปีก็เปลี่ยนที คล้ายๆ ลองแล้วก็ทำใหม่ ลองแล้วทำใหม่ อันไหนผิดก็ทำใหม่ แต่วิถีชีวิตของคนไม่สามารถที่จะลองใหม่ได้ในทุก 5 ปี

เพราะฉะนั้น การวางแผนประเทศไทยนะครับ คนที่จบดอกเตอร์ก็มีเยอะแยะมากมาย แต่หลังจากที่พัฒนาประเทศไปเนี้ย แผนสิบแล้ว ยิ่งพัฒนาไปคนยิ่งยากจนลง แล้วก็ยากจนลงไปเรื่อยๆนะครับ จนวันนี้เนี้ยในชนบทเนี้ย แทบจะไม่มีแผ่นดินที่จะอยู่แล้วในขณะนี้ จากนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของรัฐบาลที่ผ่านมา อันนี้เป็นความเจ็บปวดของพี่น้องประชาชน ไม่ใช่เป็นการใส่ร้ายป้ายสีอะไร แต่ความเป็นจริงมันปรากฏ เมื่อเช้านี้ผมเองได้มีโอกาสดูทางจอแดงนะครับที่เขาคุยกัน เขาตัดตอนแค่ 19 กันยายน 2549 ในช่วงรัฐสมัยของรัฐประหารของ คมช. แต่ก่อนจากนั้นไม่มีการพูดถึงว่าความเลวร้าย ความสูญเสีย การทุจริตคอร์รัปชั่น การโกงเงินชาติ บ้านเมือง ที่เป็นหลายแสนล้านบาทนั้น มันเกิดขึ้นในระบอบไหน ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าเกิดขึ้นจากระบอบทักษิณนะครับ

สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่ผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่บั่นทอนความสุขของสังคมในขณะนี้ ก็คือนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุน เอาป่าเสื่อมโทรม หรือที่ดินของชาวบ้าน ให้ประชาชนนั้นเอาที่เข้าถึงเงินได้ ก็คือเข้าถึงธนาคาร เอาที่ไปจำนองเอาเงินออกมาได้นะครับ ชาวบ้านก็เห็นช่องทางว่าสามารถเอาที่ซึ่งอาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ อาจจะรกร้างว่างเปล่า ก็เอาที่เหล่านี้ไปเข้ากับธนาคารแล้วก็เอาเงินออกมา เอาเงินออกมาแล้วชาวนา ชาวบ้าน ก็ไม่รู้จะไปใช้เงินทำอะไร เพราะว่าวิถีชีวิตที่ผ่านมาก็ไม่ได้จับเงินมือเติบมือโตอะไร พอได้เงินมาก็เอาไปซื้อสิ่งอำนวยความสะดวก โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์บ้าง อะไรบ้าง ก็เลยทำให้เป็นหนี้เป็นสิน พอในที่สุดพอถึงวาระชำระหนี้ ก็ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ในท้ายที่สุดเมื่อชำระหนี้ไม่ได้ธนาคารก็ยึดที่

พอยึดที่เสร็จธนาคารก็ไม่รู้จะเอาที่ไปทำอะไร ก็ประกาศขาย พอประกาศขายเสร็จคนที่ซื้อที่ได้ก็คือคนมีเงิน คือนายทุนทั้งหลายเนี้ยแหละ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในซีกของพรรคการเมืองทั้งหลาย เพราะฉะนั้นวันนี้ที่ของชาวบ้านทั้งหลายวันนี้ แทบจะไม่มี เพราะฉะนั้นวิกฤตเศรษฐกิจในปีนี้นะครับ ผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่จะมีผลกระทบตามมา ซึ่งอาจจะต้องมีวิธีการที่จะคิดแก้ไขที่แยบยล นั่นก็คือว่าในชนบทวันนี้เนี้ย มันไม่สามารถที่จะรองรับคนเมืองได้ แตกต่างจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นวิกฤตทางด้านการเงิน เพราะฉะนั้นคนที่ตกงาน ว่างงานแล้วนั้น ก็สามารถกลับไปอยู่ในชนบทได้ แต่วิกฤตในปีนี้นะครับ

จากสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ระบอบทักษิณนั้น มันก็เลยทำให้ชนบทแหล่งทำมาหากินทั้งหลาย วันนี้ถูกยึดครองไปเป็นจำนวนมาก หรือมีอยู่ก็ถูกยึดครองโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำงานทางด้านเกษตรทั้งหลาย เพราะฉะนั้นวันนี้ภาวะที่ผมพูดว่าความจนตั้งแต่ต้น ถ้ารัฐบาลมองหรือนิยามเรื่องของความจนไม่ออกเนี้ย ก็จะเป็นปัญหาทางด้านสังคมตามมา โดยเฉพาะเรื่องของพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ไม่ว่าจะในระบบแล้วก็นอกระบบ ซึ่งมีอยู่จำเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะขี่มอเตอร์ไซค์ ตุ๊กตุ๊กสามล้อ หาบเร่ แผงลอย ขุ้ยเขี่ยขยะทั้งหลาย ขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง อันนี้ก็เรียกว่าเป็นแรงงานนอกระบบ ซึ่งแรงงานเหล่านี้ขาดซึ่งการคุ้มครอง แล้วก็ไม่มีสถิติที่แน่นอน เพราะฉะนั้นการช่วยเหลือของรัฐบาลก็ยังพุ่งเป้าไปที่แรงงานที่อยู่ในระบบ

เพราะฉะนั้นการแก้ไขของรัฐบาลในขณะนี้ ก็จึงเป็นคำถามว่าจะสามารถฝ่าผ่านวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งจะตามมาซึ่งวิกฤตสังคมได้หรือไม่ อันนี้ก็เป็นความท้าทายที่ผมคิดว่าพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทุกคนนะครับ ก็ต้องเฝ้าติดตาม เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ก็มักจะกระทบกับพวกเราทุกๆ คน ไม่ว่าท่านจะอยู่จุดไหนก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นคนเดินดินกินข้าวแกงข้างถนน จะประสบปัญหานี้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่หากว่าเราเข้าใจสถานะของประเทศไทย เราเข้าใจถึงมิติของความจนแล้ว และมีความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหา ผมคิดว่าสังคมไทยยังมีทางออก เรามีจุดเด่น จุดแข็งอยู่ที่ภาคเกษตร ถ้าเราหันมาทบทวน สร้างประเทศไทยให้เป็นครัวของโลก อย่างที่เคยทำกัน แต่ไม่ได้ทำจริงในอดีตที่ผ่านมา หันกลับมาสร้างเสริมผลผลิตให้เกิดขึ้น แล้วนำไปขายต่างประเทศ

ผมเชื่อว่าคนทั้งโลกยังขาดแคลนเรื่องอาหาร ด้วยภาวะโลกร้อน ด้วยภาวะอะไรสุดแล้วแต่ การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลก จะทำให้ความต้องการเรื่องอาหารมากขึ้น เมื่อเรามีจุดแข็งในภาคเกษตร เราน่าจะกลับมาทบทวน เพิ่มความเข้มแข็งให้ภาคเกษตร ดึงคนเมืองกลับไปอยู่ชนบท ให้เขาอยู่ได้ ให้เขาอยู่กับธรรมชาติ ให้เขาอยู่กับท้องไร่ท้องนา ให้อยู่กับปู่ย่าตาทวด อยู่กับลูกหลานที่อยู่ในชนบท และสังคมไทยจะเป็นสุข ผมคิดว่าเป็นทิศทางหนึ่งที่รัฐบาลไม่ใช่ไม่รู้ เพียงแต่จะแก้ปัญหาหรือดำเนินการนโยบายด้านนี้จริงหรือไม่

ท้ายที่สุด วกไปอีกหน่อย เรื่องของเสื้อแดงเมื่อเช้านี้ ผมนั่งฟัง ชอบดูอีกฝ่ายว่าเขาคิดอะไร บางครั้งดูข้อมูลด้านเดียวไม่ได้ ไปดูเขา เขาพูดถึงเรื่องการปิดสนามบินที่สุวรรณภูมิ และดอนเมือง เขาบอกว่าเป็นเหตุให้ประเทศไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ผมก็นั่งพูดคุยกับพี่น้องที่นั่ง ตั้งคำถามกันว่า ที่ฝรั่งเศสหยุดงานประท้วงกัน เขาปิดสนามบินหรือเปล่า ที่นู้นที่นี่ประท้วงชุมนุมมีการปิดสนามบินหรือเปล่า วิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้เกิดเฉพาะประเทศไทย หรือพันธมิตรฯ ไปปิดสนามบินหรือเปล่า ตรวจสอบไปมาปรากฏว่าไม่ใช่ วิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้เห็นภาพชัดเจนว่า ถึงแม้ไม่มีการปิดสนามบินของพันธมิตรฯ ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจก็หนีไม่พ้น

ฉะนั้นสิ่งที่พยายามตัดตอนในการป้ายความผิดให้พันธมิตรฯ โดยส่วนตัวผมไม่กังวลอะไร ไม่ห่วงอะไร ผมเชื่อว่าพันธมิตรฯ เข้าใจ และรู้ว่าสิ่งที่พูดมานั้นจริงเท็จประการใด เพราะฉะนั้นผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้น นี่คือวิถีทางของประชาชน สิ่งไหนเป็นอำนาจในการต่อรอง นั่นคือสิ่งที่ประชาชนเลือกจะใช้ และการเดินทางไปทั้ง 2 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิ ในฐานะแกนนำ เรารับรู้ว่าเรื่องนี้เป็นการออกแบบโดยประชาชน พันธมิตรประชาชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้าไป เพื่อร่วมกันตรวจสอบ เพื่อทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ที่สำคัญ เหตุและผลในการไปของพี่น้องประชาชนนั้น เห็นว่ารัฐบาลนอมินีของทักษิณ ดำเนินการในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่ควร

อย่างที่ผมเรียนแล้วว่า ปัญหาความวุ่นวาย ความยุ่งเหยิง ความยากจนที่เกิดขึ้นในวันนี้ ล้วนแล้วแต่มาจากระบอบทักษิณ ซึ่งซ้ำเติมความยากจน เอาทรัพยากรที่ประชาชนถือครองอยู่นั้นกลับมาเป็นทรัพย์สินของตนเอง นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สังคมไทยเกิดความจนอยู่จนถึง ณ วันนี้ ผมเองอยู่ในภาคส่วนของแรงงานนั้นทราบดีว่าเหตุผลต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นนั้นมันคืออะไร เหตุผลที่คนไทยยากจนลงในวันนี้ มันเนื่องด้วยเหตุผลอะไร เพราะฉะนั้น ณ วันนี้ ผมคิดว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ร่วมกันสร้างการเมืองภาคประชาชน ที่เติบใหญ่ กว้างใหญ่ไพศาลเกิดขึ้น

เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องทำต่อไป นโยบายทั้งหลายที่ออกมาจากรัฐบาล เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ผมคิดว่าสิ่งที่เราจะต้องทำต่อไปคือ สร้างนโยบายภาคประชาชนขึ้นมา การเมืองใหม่ที่เราพูดถึงกันอยู่นั้น จำเป็นต้องสถาปนาให้มันดำรงอยู่ และเกิดขึ้นให้จงได้ และต่อจากนี้ไป ผมคิดว่าเราจึงจำเป็นที่จะต้องทำงานหนักมากขึ้นนะครับ การพบปะพูดคุย การตั้งวงสนทนาปราศรัย เพื่อหาข้อสรุปหาทิศทางหาช่องทางในการที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่สังคมใหม่ที่ดีงามนั้น คงจะฝากไว้กับใครไม่ได้ ก็คงจะเป็นเรื่องที่พวกจะต้องร่วมกันทำ และก็ร่วมกันสร้างความผาสุข ความสงบสุขจึงจะเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรานี้นะครับ ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทุกๆท่าน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะร่วมกันต่อสู้ฝ่าฟันเพื่อที่จะร่วมกันสร้างสรรค์สังคมใหม่ต่อไป ขอบคุณมากครับ

ช่วงที่ 2

กรองทอง - กลับเข้าสู่รายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ช่วงที่ 2 วันนี้มี SMS ส่งเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมายเหลือเกิน ส่วนใหญ่จะแสดงความคิดเห็นถึงการลาออกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หลายท่านคงทราบข่าวและทราบถึงเหตุผลในการลาออกไปแล้ว เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แถลงถึงการลาออก โดยให้เหตุผลว่า การลาออกครั้งนี้ตัดสินใจด้วยตัวเอง ต้องการทำเพื่อประโยชน์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ตัวเองเป็นสมาชิกมายาวนาน แน่นอนอยากจะทำเพื่อประโยชน์ของนายกรัฐมนตรี อยากให้บ้านเมืองเดินหน้า และบริหารประเทศต่อไปได้ ยืนยันว่าพร้อมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ เคารพในความรู้สึกของประชาชน

ที่สำคัญย้ำว่า การลาออกครั้งนี้ไม่มีการกดดันใดๆ จากใครทั้งสิ้น ไม่มีความกดดันจากพรรค ไม่มีการกดดันจากผู้หลักผู้ใหญ่ภายในพรรค ตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด ที่สำคัญ อยากแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ความรับผิดชอบต่อสังคม นี่คือเหตุผลที่คุณวิฑูรย์แถลงไว้ หลังจากแถลงข่าวลาออกแล้ว คุณวิฑูรย์ไปเข้าร่วมประชุมที่พรรคประชาธิปัตย์

วันนี้พรรคประชาธิปัตย์มีการประชุมร่วมกันระหว่าง ส.ส.และคณะกรรมการบริหารพรรค วาระสำคัญในการประชุมวันนี้ แน่นอนมีการชี้แจงถึงเหตุผลการลาออกของคุณวิฑูรย์ นามบุตร ตามรายงานข่าวบอกว่า นายกรัฐมนตรี คุณอภิสิทธิ์ได้กล่าวเตือนรัฐมนตรีของพรรคทุกคนที่เข้าร่วมประชุมวันนี้ บอกว่า อยากจะให้ระมัดระวังการทำงานต่อไป อยากให้นำเรื่องคุณวิฑูรย์มาเป็นบทเรียนในการทำงาน การประชุมในวันนี้ยังมีการเสนอชื่อ นายอิสระ สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี ทำหน้าที่รัฐมนตรีกระทรวงนี้แทนคุณวิฑูรย์ เป็นไปตามความคาดหมาย สมาชิกทุกคนไม่แย้ง ไม่เสนอชื่อบุคคลอื่น เพราะฉะนั้น คุณอิสระ สมชัย จะมานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต่อไป ตามรายงานบอกว่า คุณอภิสิทธิ์เตรียมนำรายชื่อของคุณอิสระขึ้นทูลเกล้าฯ คืนนี้

นอกจากคุณวิฑูรย์ ที่มีปัญหาอยู่ตอนนี้ และแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ที่ลาออกไปแล้ว แต่รัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้ยังคงมีปัญหาอยู่ ท่านอื่นๆ ยังคงมีปัญหาอยู่ ในที่ประชุมวันนี้มีการหยิบยกกรณีของ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ขึ้นมาหารือด้วย ความตอนหนึ่ง นายกรัฐมนตรีระบุไว้ว่า คงไม่มีสิทธิ์ปรับนายบุญจงออกได้ เพราะต้องให้เกียรติพรรคร่วม แต่เป็นหน้าที่ของนายบุญจงที่ต้องชี้แจงต่อสังคมให้ได้ ในส่วนของคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ชี้แจงในเรื่องที่ กกต.มีมติดำเนินคดีอาญา กรณีมีส่วนได้เสีย ไปช่วยน้องชายหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.ที่เกาะสมุย

คุณสุเทพ ชี้แจงต่อที่ประชุมและยืนยันว่า สามารถชี้แจงให้สังคมได้ด้วย ย้ำว่าตัวเองไม่มีความผิด แต่อย่างน้อยการลาออกของคุณวิฑูรย์น่าจะทำให้ประชาชนที่เฝ้ามองการทำงานของรัฐบาล คลายความกังวลไปได้ส่วนหนึ่ง เพราะอย่างน้อยแสดงให้เห็นถึงจริยธรรม ความรับผิดชอบทางการเมืองได้ส่วนหนึ่ง นี่คือสิ่งที่ ส่วนใหญ่ที่แสดงความคิดเห็นผ่านมาจะเป็นในลักษณะนี้ เราคงจะคาดหวังต่อนักการเมืองคนอื่นๆ คนที่เข้ามาทำการเมืองคนอื่นๆ เรื่องของการยึดถือจริยธรรมและความรับผิดชอบทางการเมือง นี่เป็นในส่วนของรัฐมนตรี

แต่ยังมีอีกอย่างที่ประชาชนคาดหวัง นั่นคือเรื่องของสื่อ โดยเฉพาะสื่อของรัฐที่ยังคงเป็นสัญลักษณ์ ยังคงเป็นสิ่งที่พี่น้องหลายคนที่รู้สึกทิ่มแทงใจถึงสัญลักษณ์ของความเป็นนอมินีของรัฐบาลชุดที่แล้ว นั่นคือสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT วันนี้ คุณสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีการหารือกับอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์แล้ว บอกว่าจะมีการปรับปรุงเนื้อหาของรายการทาง NBT โดยจะปรับเปลี่ยนให้เป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติอย่างแท้จริง คุณสาทิตย์ บอก จะเริ่มทำงานแล้ว จริงๆ ควรจะเริ่มมานานแล้ว หลายคนคาดหวังกับคุณสาทิตย์ และหลายคนอยากให้คุณสาทิตย์ เริ่มทำงาน อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงจาก NBT ตอนนี้เริ่มมีความหวังกันแล้ว

คุณสาทิตย์บอกว่า เราจะเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่สัญลักษณ์ จะมีการเปลี่ยนสัญลักษณ์ใหม่ โดยจะให้มีโครงการประกวดออกแบบ คาดว่าสามารถใช้สัญลักษณ์ใหม่ได้ประมาณเดือนครึ่ง หลังจากนั้นจะปรับผังรูปแบบรายการ และบริษัทที่มาร่วมผลิตข่าวกับทางสถานี ซึ่งคุณสาทิตย์บอกว่า คาดว่าทุกอย่างน่าจะแล้วเสร็จได้ภายในเดือนเมษายน และทิศทางในการปรับรูปแบบรายการใหม่นั้น รัฐบาลจะพยายามนำสถานีโทรทัศน์แห่งนี้กลับไปสู่แนวทางการเป็นสถานีโทรทัศน์ที่สร้างความสมานฉันท์ให้กับคนในชาติอย่างแท้จริง เป็นคำมั่นสัญญา เป็นการเดินหน้าทำงานในเรื่องการปฏิรูปสื่อ เรื่องการจัดระเบียบการจัดการกับสื่อ อย่างที่คุณสาทิตย์ได้รับการคาดหวังจากสังคม

แต่อย่างหนึ่งที่คนคาดหวัง นอกจากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้ว อย่างหนึ่งที่คนคาดหวังคือ การชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้น เพราะอย่าลืมว่า NBT ก่อนหน้านี้ถูกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการฮั้วประมูล การทำสัญญากับบริษัทเอกชนที่เข้ามาผลิตรายการข่าวให้กับสถานี NBT และเกิดข้อหาขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการไม่โปร่งใสในการประมูล แน่นอนตอนนี้ยังอยู่ในเรื่องที่ให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบอยู่ด้วย เรื่องนี้คุณสาทิตย์ ต้องดำเนินการด้วย ประชาชนอยากจะทราบข้อเท็จจริงข้อนี้เช่นกัน

ตอนนี้เขาจะเข้าสู่ช่วงการปราศรัยของผู้ปราศรัยท่านต่อไป เป็นผู้ปราศรัยจาก จ.บุรีรัมย์ ของเชิญพี่น้องพบกับคุณประเสริฐ เลิศยโส สวัสดีค่ะ

ประเสริฐ - กราบเรียนพ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่เคารพรักยิ่งในประเทศ ในช่วง 1-2 วันนี้ พี่น้องทั่วประเทศได้เสพการเมืองแบบเก่า จุดสุดยอดของการเมืองแบบเก่า พี่น้องจะเห็นว่า เมื่อวานนี้หัวหน้าระบอบทักษิณได้เอ่ยมาว่า เมื่อไม่นานมานี้เขาบอกว่า แม้แต่ตรอกก็ไม่มีอยู่ วันก่อนบอกจะเลิกเล่นการเมืองเด็ดขาด แต่เมื่อวานนี้บอกว่า เจอตรอกแล้ว อยู่ตรงไหนเข้ามาทางอีสาน และจะไม่มีการถอย เพราะฉะนั้นการเมืองแบบน้ำเน่าเริ่มมาแล้ว พี่น้องจะเห็นว่า ในสภานอกสภายังเป็นแบบเดิมๆ ซึ่งพันธมิตรฯ ได้ต่อสู้เอาชีวิต เลือดเนื้อแลก ประชาชนได้ต่อสู้ตั้งแต่ปี 16 ปี 19 ปี 35 มาจนถึงปีนี้ ซึ่งพันธมิตรฯ และประชาชนทั่วประเทศได้ร่วมกันทำการขุดรากถอนโคนระบอบทักษิณ

แต่เนื่องจากระบอบทักษิณนั้นมีทั้งรากฝอย รากแก้ว และรากแขนงอยู่ เพราะฉะนั้นการจะขุดรากต่างๆ จะต้องใช้ความมุ่งมั่นจริงๆ การเมืองใหม่ ประชาชนพี่น้องทั้ง 65 ล้านคน จึงต้องช่วยกันอย่างเอาจริงเอาจัง วันก่อนบอกว่าเลิก วันต่อมาบอกว่าไม่มีตรอกตอนนี้ มีตรอกแล้ว ไม่ว่าจะในนรกหรือสวรรค์ก็จะสู้ เห็นไหมครับ มันก็เกิดจุดสุดยอดทางการเมืองแบบน้ำเน่า เป็นเกมระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า ที่ต่อสู้กันอยู่ปัจจุบันนี้คือ สมาชิกประชาธิปัตย์เดิมกับประชาธิปัตย์ปัจจุบัน เฉลิม อยู่บำรุง, นพดล ปัทมะ ตั้งแต่ท่านคึกฤทธิ์ ปราโมช ที่แยกออกมา หลายคนมาจากประชาธิปัตย์

จึงตั้งข้อสังเกตว่า ประชาธิปัตย์หลอมคนออกมาได้อย่างไรถึงมาถล่มพรรคตัวเอง เพราะฉะนั้นเมื่อการเมืองเก่าแบบนี้ เราจะต้องเร่งทำการเมืองใหม่ พันธมิตรฯ พี่น้องได้ติดตามแล้วจะเห็นว่า พันธมิตรฯ ได้จัดกิจกรรมต่อเนื่อง และติดตามตลอด แล้วถามพี่น้องว่าการเมืองใหม่จะทำอย่างไร ควรจะตั้งพรรคหรือไม่ ผมจึงคิดว่าวันนี้ 20 นาทีมีค่า จึงหวังว่า ASTV และพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ ซึ่งตอนนี้มีกิจกรรมไปตามจังหวัดต่างๆ และเร่งจัดตั้งประชาชน จัดตั้งความคิด

พี่น้องครับ อย่าลืมนะครับปัจจุบันเราใช้รัฐธรรมนูญปี 50 เพราะฉะนั้นทุกครอบครัวจะต้องมีรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พี่น้องไม่ต้องรอ ป.ป.ช. ไม่ต้องรอตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ต้องรอใคร พอมีปัญหาเรื่องปลากระป๋องเน่า พี่น้องทำการวินิจฉัยทันทีตามมาตรา 3 เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พี่น้อง 65 ล้านคน แม้ว่าเราจะเลือก ส.ส., ส.ว. เทศบาล ส.จ. ไปหมดแล้ว แต่เรายังคุมอำนาจอยู่ ถ้าเขาไม่ลาออกเราก็มีมาตรการในการปลดออก ในการไล่ออก นี่คือรัฐธรรมนูญปี 50 เพราะฉะนั้นการเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง พวกบัตรเติมเงิน ไม่มีประโยชน์ อย่าแก้รัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญนี้ดีแล้ว

ทุกคนมีส่วนร่าง ผมคนหนึ่งที่ร่วมร่าง ต้นแบบที่ผมเสนอในตอนร่างนั้นรุนแรงยิ่งกว่านี้อีก ไม่ใช่ตัดสิทธิ์ 5 ปี จะให้จำคุก 10 ปี ตัดสิทธิ์ตลอดชีวิตไม่ให้เล่นการเมือง พี่น้องเห็นไหม เวลามีกิจกรรมของพรรคที่ถูกยุบไป 2 ครั้ง พวกที่ถูกตัดสิทธิ์ 5 ปียังนั่งหน้าสลอน ผมจึงตั้งให้พวกนี้เป็นสมาชิกสมาคมหน้าด้านแห่งประเทศไทย ขนาดล้มนี่ซีเมนต์แตกหน้าคนไม่แตก อนิจจานี่คือการเมืองเก่า เพราะฉะนั้นเราจะต้องหลอมตั้งแต่อนุบาล รัฐธรรมนูญนี้ถือไว้เลยครับ พี่น้องมีไหมครับรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยทันที เช่น แจกเงิน วินิจฉัย มาตรา 177 มาประชุมต้องทำการวินิจฉัย พี่น้องคงเคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า ปลาตายน้ำตื้น หมองูตายเพราะงู เพราะฉะนั้นนักกฎหมายตายเพราะกฎหมาย อย่าชะล่าใจครับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีแล้วไม่ต้องแก้

เพราะฉะนั้นการเมืองใหม่ ผมเสนอว่า 1. พี่น้องฟังการประชุมในสภาน่าเบื่อหน่ายไหมครับ สมัยผมเป็นผู้แทนราษฎร ไม่มีอย่างนี้ ประชุมตี 1 ตี 2 ตี 3 ออกพระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดินที่ใช้ปัจจุบันนี้ ออกพระราชบัญญัติเลือกตั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด แต่เห็นว่าตรงเกินไปเลยให้เลือกนายกฯ นี่ครับข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การประชุมร่วม ต้องปรับปรุงใหม่หมด ไม่ใช่ประท้วงแล้วประธานบ้าจี้ ประท้วงเลยไม่ต้องทำอะไร ประธานต้องตัดไปเลย อันนี้ต้องแก้ใหม่หมดครับข้อบังคับ ในต่างประเทศพี่น้องไปดูเลยเขาไม่ซ้ำซากจำเจอย่างนี้

บางคนบอกว่า ท่านประธานที่เคารพ วันนี้ไม่เคารพประธาน ผมยกมือตั้งนานทำไมไม่ชี้ ประธานบอกจะชี้ยังไงตามองไม่เห็นเห็นข้างเดียว แบบนี้เป็นกรรมของบ้านเมือง สภาผู้แทนราษฎรตาไม่ครบถือว่าขาดคุณสมบัติ 2. ข้อบังคับจะต้องออกให้สอดคล้อง ให้กฎหมายรวดเร็ว เช่นกฎหมายจำเป็นบางฉบับต้อง 3 วาระรวด กรรมาธิการเต็มสภา และการจะออกกฎหมายอะไรต้องถามประชาชนก่อน อยู่ๆ รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์จะออกกฎหมายให้ รปภ.สนามบินสุวรรณภูมิสามารถจับคนได้

นี่ตลกฝืดครับ รปภ.คือบริษัทรับจ้างที่เขาสัมปทานมารับจ้าง เพราะฉะนั้นกฎหมายอาญาก็มี ตำรวจ ทหารก็มี ไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายให้เปลืองเวลา เพราะฉะนั้นอันต่อไปคือว่า ประชาชนจะต้องมีพรรคเป็นของตัวเอง พี่น้องผ่านมาแล้ว พรรคที่ก่อตั้งมา ล้มลุกคลุกคลาน สุดท้ายยุบหมด ประชาธิปัตย์ดีไม่ดีอาจจะโดนก็ด้ ในกรณีละเมิดรัฐธรรมนูญ เมื่อตั้งพรรคแล้ว อย่างเรื่องพรรคผมร่างเรียบร้อยแล้ว เพื่อประชาชนโดยประชาชนของประชาชน ซึ่งจะมอบให้พันธมิตรฯ ช่วยกันคิดดู

พี่น้องครับ ปัจจุบันคนไทยทั่วประเทศจะต้องช่วยกันคิด กันตรอง ปัญหาที่เกิดขึ้นปัจจุบันจะเห็นว่า การเมืองแบบเดิมยังแก้ไม่ได้ มัวแต่ถกเถียงอยู่ในสภา มัวแต่คำนึงถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ ประชาชนอยู่เหมือนเดิม ในทางเศรษฐกิจเราจะต้องไล่ตามประเทศอื่น ในทางสังคม พี่น้องจะเห็นว่ามีข่าวทุกวัน ทั้งฆ่า ข่มขืน ขายตัว ปล้น นี่คือปัญหาสังคม เขาเรียกว่าสังคมพิการ เป็นผลพวงของทุนสามานย์ เพราะฉะนั้นจะต้องทำไปพร้อมกัน ทางเศรษฐกิจนั้นเรามีแนวทางพระราชดำริ คือเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเราทำมาตั้งแต่ปู่ยาตายาย แล้วเร่งเรื่องสวัสดิการ เรียกว่าสวัสดิการก้าวหน้า อย่างกรณีแก๊สพอจะขึ้น ผู้ที่ประกอบการใช้แก๊สเดือดร้อนไม่ขึ้น แต่พอเผลอคุณอภิสิทธิ์ ไปที่สวิส ลุงอะไรอยู่โคราชแกก็แอบขึ้นน้ำมัน อ้างเรื่องภาษี

คุณจะต้องถามประชาชนก่อนว่าน้ำมันมันเป็นปัจจัยที่สำคัญ เพราะฉะนั้นคุณจะขึ้นไม่ได้ คุณอภิสิทธิ์คุณไปไหนคุณต้องยกหูโทรศัพท์ว่า นี่รัฐมนตรีพลังงานคุณยังขึ้นไม่ได้ หาอันอื่นมาชดเชย ปตท. มีกำไร 200,001 ล้านบาท เอามา ใครได้กำไรบ้าง ใครมีหุ้นบ้าง รัฐวิสาหกิจอื่นไปดูซิมีการทุจริตไหม มีการคอร์รัปชั่นไหม รัฐวิสาหกิจที่ทักษิณแปลงหุ้นแล้วก็ช้อนซื้อ เขาแบ่งกำไรกัน แต่รัฐวิสาหกิจโดยหลักการนั้นจะต้องไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน รัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงตั้งโทรเลข โทรศัพท์ ประปา ไฟฟ้า ไปรษณีย์ที่จำเป็น รถไฟ แม้ว่าจะขาดทุนได้กำไรก็ต้องบริการประชาชน เพราะพื้นฐานของประเทศเรานั้น พื้นฐานจากเกษตรกรรม เพราะฉะนั้นรัฐวิสาหกิจต้องคงไว้ ประชาชนต้องเอา ปตท. มาคืน จะต้องเอารัฐวิสาหกิจมาคืน

เราเคยคุยกันแล้วว่าถ้าเราเอา ปตท. มาคืน จะลดค่าน้ำมันอย่างน้อยลิตรละ 10 บาท ผมสงสัยว่าทำไมจะต้องอิงสิงคโปร์ ประเทศไทยนี่เรามีชาวมุสลิมที่เป็นพี่น้อง เราสามารถซื้อน้ำมันตรงจากโอเปกได้เลย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดิบ หรือน้ำมันกลั่น เพราะเรื่องน้ำมันนี้มันมีตำนานที่สยดสยองมาแล้ว ตั้งแต่คุณบุญชู โรจนเสถียร และ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เรื่องเทเลคอัปยศก็เรื่องน้ำมันเนี้ยครับ เพราะฉะนั้นพี่น้องจับตาเรื่องน้ำมันให้ดี คุณอภิสิทธิ์อย่า คุณต้องลดน้ำมัน ไม่งั้นคุณก็จะสะดุดขาตัวเองนะครับ อันนี้เตือนด้วยความรักนะครับ เพราะฉะนั้นพรรคที่จะตั้งขึ้นมาเนี้ย จึงขอฝากพี่น้องทั่วประเทศว่าใครมีความคิดเห็นอย่างไร ก็ส่งมาที่ ASTV นะครับ คุณสำราญ รอดเพชร คุณอมร อมรรัตนานนท์ ผมก็จะส่งมาเหมือนกันเพื่อแลกเปลี่ยนกัน อันนี้ผมไปทดลองภาคสนามแล้ว ได้ผล เป็นทีพอใจครับ แล้วก็ไปดูงานมาครึ่งโลกว่า เขาแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร แก้สังคมอย่างไร ตอนนี้ก็เดินสายอยู่

พี่น้องครับ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและพี่น้องทั่วประเทศได้ตระหนักดีว่า เราจะต้องเร่งรีบแก้การเมืองใหม่เร็วๆ ไม่อย่างนั้นเราก็จะได้ฟัง เดี๋ยวก็ทักษิณ เดี๋ยวก็สุเทพ เดี๋ยวก็เฉลิม เฉลิมบอกมีทีเด็ด คนบุรีรัมย์เขาก็บอกว่าเฉลิมไปทำอะไรไว้ที่บุรีรัมย์ มีทีเด็ดเหมือนกัน อ้าวยุ่งแล้ว ถ้าคุณจะเป็นนักการเมืองใหม่เนี้ย คุณจะต้องดูหลังตัวเอง ต้องไม่มีแผลเลย ไอนี่แผลเหวอะหวะ กายังไม่ได้บินผ่านเลย วิ่งหนีแล้ว เพราะฉะนั้นนักการเมืองในอนาคตต้องมือสะอาดจริงๆ สะอาดจนสามารถดมได้นะครับ

กลับมาที่ความจำเป็นเรื่องการทุจริตนะครับ เรื่องที่กำลังร้อนๆก็คือการบินไทย ที่เราเรียกย่อๆว่า TG นะครับ การบินไทยเนี้ยเนื่องจากผมเป็นผู้ถือหุ้นอยู่คนหนึ่ง ผมจึงรู้รายละเอียดซึ่งต่อไปจะมาชำแหละรายละเอียดเลยว่า ทำไมจึงขาดทุนนะครับ ผมได้ยื่นหนังสือถึงนายสันติ พร้อมพัฒน์ ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฏาฯ 51 จนนายสันติพ้นตำแหน่งไปแล้ว ไปถึงปลัด เช่น ในการประชุมผู้ถือหุ้นเนี้ย ผมได้สอบถามว่ามีการทุจริตขายตั๋วเครื่องบินที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ 6,000 ล้านบาท 6,000 ล้านบาทนะครับ ไม่ใช่ 600 ล้านบาท แต่มีการสอบสวนแล้วตัดเงินเดือน 15 % 3 เดือน แล้วก็เลื่อนตำแหน่งให้อีกเห็นไหมครับ แล้วก็มีการทุจริตตั้งแต่ช้อน ตั้งแต่ส้อม สารพัดบนเครื่องบิน

เห็นไหมมีเจ๊อะไรที่ร่ำรวยก็เพราะไอสินค้าจากเครื่องบิน พี่น้องจะเห็นว่าการบินไทยได้กำไรทุกปี ไม่เคยขาดทุน แต่ขาดทุนทางบัญชี การดำเนินงานได้กำไรทุกปี ขาดทุนทางบัญชี คือเรื่องดอกเบี้ย เรื่องเงินกู้เงินยืม แล้วในช่วงที่ผมเป็นผู้ถือหุ้นคณะกรรมการ หรือเขาเรียกว่าบอร์ด ก็พยายามจะยัดเยียดเรียกพวกเราว่าผู้ถือหุ้นรายย่อย เราไม่ยอมรับเพราะบริษัทนี้เป็นบริษัทมหาชน ฝรั่งเขาเรียกพับบลิค คอมพานี แต่พวกนี้พยายามทำให้เป็นบริษัทครอบครัว แฟมิลี่ คอมพานี

ผมถามว่าที่กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่นี่ เงินกระทรวงการคลังเป็นเงินของบิดาใคร แล้วเราผู้ถือหุ้นนี่ เราไม่ให้เรียกผู้ถือหุ้นรายย่อย ทักษิณ ชินวัตร ได้ส่งวิษณุ เครืองาม, ทนง ลำไย ปัจจุบันเป็นพิทยะ ลำไย, บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, สมใจนึก เองตระกูล แล้วก็ กนก อภิรดี เข้ามามาดูในนั้นว่าเอ๊ะมีอะไร ข้อบังคับที่ 12 ของการบินไทยบอกว่าถ้าจะลงทุนใดๆ ของบริษัทการบินไทยมหาชน จำกัด ถ้าเกินจำนวนทุน เกินกึ่งหนึ่ง จะมีทุน 100,000 ล้านบาท ถ้าจะลงทุนเกิน 50,000 จะต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นทั้งหมดประชุมใหญ่ ปรากฏว่ามีบุคคลนี้เป็นบอร์ดอยู่ เป็นคณะกรรมการการบินไทย ได้แก้ข้อบังคับข้อ 12

พวกเราก็สู้กันอย่างหนักเลย ยกมือพรึบแต่ไปแพ้กระทรวงการคลังผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งก็คือเงินของเรานั่นเอง ยกเลิกข้อบังคับที่ 12 พอยกเลิกเสร็จระเบิดเลยครับตอนนี้ สั่งซื้อเครื่องบินลูกเดียว ผมถามในที่ประชุมว่าใครบินไปเอาคอมมิชชั่น 3 % ค่าซื้อเครื่องบิน หัวเราะตอบอ้อแอ้ ผมบอกคุก เขาบอกอ้าวดำเนิน จนขณะนี้ยังไม่ดำเนินคดีอะไรเลย แล้วก็ขายเครื่องบินอีก รัฐบาล พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ บอกว่าให้เช่าซื้อ พี่น้องทราบดีครับว่าเช่าซื้อคืออะไร แต่รัฐบาลบอกว่าให้เช่า แต่พวกนี้ไปแอบเช่าซื้อ แล้วสิ่งที่ตลกก็คือว่าเมื่อเช่าซื้อแล้วเนี้ย โดยที่ขัดมติ ครม. แล้วเนี้ย ก็ยังไปซื้อเครื่องยนต์ ซื้อโต๊ะ ซื้อเก้าอี้อีก เห็นไหมครับ ธรรมดาเราเช่า เราก็เช่ามาเลย เขาก็แต่งมาเสร็จ ไม่ว่าจะซื้อเครื่องบิน ซื้อรถ

นอกจากนั้นก็มีการทุจริตขายเครื่องบินเก่า คือจิ้มไปตรงไหน ทุจริตตรงนั้นครับ พวกเราก็สู้ผมก็ทำหนังสือถึงทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้แก้ข้อบังคับกระทรวงการคลัง แจ้งนายทนง พิทยะ ผู้ซึ่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ช่วงนั้นเป็นประธานบอร์ดการบินไทยว่า ให้ผู้ถือหุ้นมหาชนเนี้ย เข้าไปเป็นบอร์ดด้วย ปรากฎว่าที่ประชุมไม่มีใครกล้าสมัคร ผมสมัครคนแรกเลย ได้คะแนนเยอะแต่ไปแพ้กระทรวงการคลัง เดี๋ยวนี้แก้ระเบียบแล้ว ซึ่งผมไม่ให้เรียกรายย่อย ให้เรียกผู้ถือหุ้นมหาชนเนี้ยสามารถเข้าไปเป็นบอร์ดได้ ผมก็จะรวบรวมพยายามตั้งชมรม หรือสมัชชาแต่ว่าไม่มีคนกล้า

แต่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเห็น พล.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ท่านพยายามรวบรวมผู้ถือหุ้นมหาชน หรือที่เรียกว่าหุ้นรายย่อยครับ มารวมกันเป็นชมรมหรือสมัชชา สำหรับผู้ถือหุ้นบริษัทมหาชน เพราะพวกนี้หลอกให้ประชาชนไปซื้อแล้วก็เอาไปเป็นเครื่องมือเฉยๆ เฉพาะกรรมการคนเดียวนี่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เนี้ย ปีหนึ่งรวมโบนัส รวมเบี้ยเลี้ยงประชุม 3 ล้านบาท นายประเสริฐ คุณป้ามาจากตรังนั่งเครื่องบินมาจากอุบล จากนครศรีธรรมราช เชียงใหม่ นั่งเครื่องบินมาได้ 250 บาท หักภาษีอีก 30 พวกเราไม่ต้องการเงิน ไม่ต้องการอะไร เราต้องการให้เป็นสายการบินแห่งชาติ เป็นที่เชิดหน้าชูตา กรรมการแต่ละคนนะครับ

บัตรทองรูดได้ทั่วโลก พักโรงแรมชั้นหนึ่ง ซื้อของได้ แล้วมีตั๋วชั้นหนึ่งเฟิร์สคลาสตลอดชีวิต ลูก เมีย กิ๊ก พี่น้องคิดดูซิ บุตรบุญธรรมยังไปจดทะเบียน เพื่อจะเอาสิทธิอันนี้ตลอดชีวิต เราก็พยายามต่อสู้ งวดที่แล้วว่าไม่ให้กรรมการรับโบนัส เขาก็ยกมือครับ แล้วสิ่งที่ตลกคราวที่แล้วก็ส่งกรรมการมา 2 นาที ให้เราเลือก ซึ่งมีนายรังสรรค์ แสนสุข ซึ่งเกี่ยวข้องกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ เรื่องการสอบทุจริตข้อสอบครับ แล้วบอกเนี้ยส่งมา 2 นาที แล้วก็ยกมือทับเลย เพราะฉะนั้นไอคำว่าพับบลิค คอมพานี บริษัทมหาชนมันเป็นการหลอกประชาชนครับ เราจึงรวบรวมหลักฐานเนี้ย ยื่นไม่รู้กี่คดี เงียบไปหมด บันทึกการประชุม แล้วการบินไทยก็จะประชุมในเดือนเมษานี้ อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างเดียว แล้วพวกเราจะเอากรณีการบินไทยนี้ เป็นคดีตัวอย่าง เอาคนเข้าคุกตามลูกพี่มันนะครับ เพื่อจะไปบ่มนิสัยว่าอย่า

อย่างมีช่วงหนึ่ง นายกนก อภิรดี ซึ่งเป็นดีดี หรือเป็นประธานบอร์ดการบินไทยเนี้ย ยังไม่หมดอายุ เหลืออีกประมาณ 6 เดือน นายสมใจนึก เองตระกูล เข้ามายึดอำนาจ มีดีดี 2 คน พี่น้องคิดดูซิ และการตั้งกรรมการนั้นจะต้องเสนอที่ประชุม นี่จะเสนอก่อนบริหารไปแล้วกว่าจะถึงเมษายน สมัย พล.อ.อ.ชลิด พุกผาสุข มานั่งประชุมเฉยๆ ผมบอกว่า ท่านเป็นใครมานั่ง เพราะว่าท่านจะต้องผ่านที่ประชุมใหญ่ ท่านบอกว่าประชุมได้เลย ซึ่งมันขัดข้อบังคับ เพราะฉะนั้นระเบียบข้อบังคับต่างๆ ในรัฐวิสาหกิจ เวลาผู้ถือหุ้นบอก เขาก็บอกว่า เป็นรัฐวิสาหกิจต้องไปเข้า พ.ร.บ.รัฐวิสาหกิจ เวลาแบ่งผลประโยชน์เขาก็แบ่งผู้ถือหุ้น ซึ่งเขาช้อนซื้อเอาไว้ นี่เป็นเพียงตัวอย่างเดียว ซึ่งต่อไปเราจะรวบรวมทำไปพร้อมๆ กับการเมืองใหม่

พี่น้องครับ ในโอกาสนี้เป็นโอกาสที่พี่น้องจะต้องหมั่นอ่านรัฐธรรมนูญ อย่าอ่านมากครับวันละ 1 มาตราพอ แล้วพอมีเรื่องราวเปิดทำการวินิจฉัยเลยว่าเป็นอย่างนี้ๆ เราเป็นเจ้าของอำนาจ ใครมีแผลตรงไหนจำเอาไว้หมด เมื่อไหร่พันธมิตรฯ มีพรรค หรือมีเครือข่าย ช่วงนั้นเราจะร่วมมือกันทำประเทศไทยเป็นประเทศที่ก้าวหน้าในเอเชีย ตอนนี้จะมีการประชุมอาเซียน ผมตระเวนไปในประเทศอาเซียน ตามกำลัง ปรากฏว่าพี่น้องอาเซียนมีความมั่นใจ ศรัทธา และสนใจประเทศไทยมาก ไล่นายกฯ รวด 3 คน เขาถามว่าเป็นยังไง เราบอกว่าพวกเรานับถือศาสนาพุทธ ใกล้ๆ กัน พม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา เพราะฉะนั้นใครทำไม่ดีเจอกฎแห่งกรรม

ในช่วงนี้ผมจะขออัญเชิญพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานแก่คณะผู้ว่าราชการจังหวัด ในการถวายสัตย์ปฏิญาณ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2546 ซึ่ง ดร.สุเมธ เป็นผู้มาถ่ายทอดว่า “ภายใน 10 ปีเมืองไทยน่าจะเจริญ ข้อสำคัญคือต้องหยุดการทุจริตให้สำเร็จ ไม่ทุจริตเสียเอง ถ้าทุจริตแม้แต่เพียงนิดเดียวก็ขอแช่งให้มีอันเป็นไป พูดอย่างนี้หยาบคายแต่ขอให้มีอันเป็นไป สุจริตและมีความตั้งใจมุ่งมั่นสร้างความเจริญ ก็ขอให้ต่ออายุไปได้ถึงร้อยปี ส่วนคนไทยมีอายุมากแล้วขอให้แข็งแรง ความสุจริตจะทำให้ประเทศไทยรอดพ้นอันตราย” ครับ ขอขอบคุณครับ







กำลังโหลดความคิดเห็น