อดีตนายกฯ เอาใจช่วยเพื่อไทยเข้มแข็งเหมือนไทยรักไทยในอดีต ฟุ้งเป็นพรรครวมนักการเมือง 3 รุ่น เฟ้นหาตัวผู้นำไม่ยาก คุยโวคนดีมีเยอะแต่ยอมรับยังต้องบ่มเพาะประสบการณ์อีกแยะ
วันนี้ (3 ก.พ.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นการรวมนักการเมือง 3 รุ่น ทั้งจากพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย สำหรับตนแล้วจะให้พรรคเพื่อไทยเข้มแข็งเหมือนสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือสมัยนายสมัคร สุนทรเวช คงไม่ใช่ แน่นอนพรรคเพื่อไทยต้องเติบโต แต่ไม่จำเป็นต้องโตขึ้นแบบรวดเร็ว ทางที่ดีควรจะค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้พรรคมีความมั่นคงมากที่สุด โดยต้องยึดหลักประชาธิปไตยให้แน่น แสดงจุดยืนอย่างนี้ให้ประชาชนได้เห็น เมื่อเห็นแล้วเขาก็จะให้การสนับสนุน ที่พูดไม่ใช่การอยากได้อำนาจอะไร แต่ตนคิดในหลักประชาธิปไตย
“ในทางการเมืองนักการเมืองก็ต้องสู้เพื่อให้ได้ชัยชนะทางการเมือง ต่อสู้เพื่อประชาชนผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่การต่อสู้ที่ใช้เงินเข้ามาในการซื้อเสียง” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวถึงการหาตัวผู้นำของพรรคเพื่อไทยว่า เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา ยังไงก็ต้องได้ผู้นำแน่นอน พรรคเพื่อไทยคนดีมีเยอะ แต่ถ้าเพิ่มประสบการณ์ วางระบบพรรคให้ดี ตนมั่นใจว่ามีคนทำได้ พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มี ส.ส.มากที่สุดในสภาฯ มีคนที่มีศักยภาพ มีความรู้มีความสามารถมาก หลายคนสามารถเป็นผู้นำได้ ฉะนั้นเรื่องนี้จึงไม่น่าเป็นห่วงเมื่อถึงเวลาก็จะมีเอง
เมื่อถามถึงข้อเสนอของ ร.ต.อ.เฉลิมที่จะนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งคนที่โดนคดีจากตั้งแต่การยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 นายสมชาย กล่าวว่า เรื่องนี้มีครรลองตามกฎหมายของมันอยู่ เป็นเรื่องสภาที่จะตรากฎหมายออกมา โดยหลักการก็สามารถทำได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาถ้าทำได้ก็ได้ ส่วนจะช่วยลดปัญหาความขัดแย้งหรือไม่นั้น ตนคงบอกไม่ได้ว่าจะลดได้หรือไม่ เพราะบ้านเมืองสามารถเกิดภาวะไม่ปกติได้อยู่เรื่อยๆ อย่างไรก็ดี การจะนิรโทษกรรมนั้นต้องดูตามความเหมาะสมด้วย ไม่ใช่ว่าจะนิรโทษกรรมได้ทุกคดี ต้องดูความผิดว่าร้ายแรงมากแค่ไหนด้วย นี่ตนพูดในภาพรวม
เมื่อถามว่าโอกาสที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาคิดว่าเป็นอย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า ก็เป็นความคิดของท่าน ผมไม่ได้ช่วยอะไร เพราะตอนนี้ก็รู้กันทั่วว่าท่านมีโทษติดตัวอยู่ มีอายุความอยู่ คงกลับมาตอนนี้ไม่ได้ แต่เมื่อถึงตอนนั้นการต่อสู้ทางการเมืองก็ยังมีอยู่เพื่อให้กลับมา แต่จะทำอย่างไรนั้นไม่รู้ ซึ่งอีก 2 ปีกว่าที่เหลือก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
