“วีระชัย”เผยเตรียมหารือคลังอัดงบฯ ให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เสริมการดำเนินงานให้เข้มแข็งและยั่งยืน ระบุยอดเงินอัดฉีดอาจได้เพิ่มไม่ถึง 1 ล้านบาททุกหมู่บ้าน และต้องรอถึงปีงบประมาณ 2553 เหตุขอจากงบกลางแสนล้านไม่ทัน
เมื่อวันที่ 30 ม.ค. นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเดินทางตรวจเยี่ยมกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่สถาบันการเงินชุมชนปากเกร็ดร่วมใจ 2 และกองทุนชุมชนเมืองหน้าวัดหงส์ทอง ว่า รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้กำลังหารือกับกระทรวงการคลังที่จะเพิ่มเงินอัดฉีดให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่มีการดำเนินงานที่เข้มแข็ง เพื่อใช้ต่อยอดให้กองทุนและหมู่บ้าน โดยจำนวนเงินที่อัดฉีดอาจไม่เท่ากับวงเงินเดิม 1 ล้านบาทที่เคยให้เป็นทุนตั้งแต่แรก คาดว่าคงไม่สามารถใช้เงินจากงบกลางปีกว่า 1 แสนล้านบาทได้ แต่อาจต้องไปใช้เงินจากงบประมาณปี 53 แทน
ทั้งนี้รัฐบาลจะสร้างความเข้มแข็งให้กับกองทุนหมู่บ้านและแหล่งเงินทุนอื่นๆ ในระดับชุมชน ให้มีกลไกที่โปร่งใสมีประสิทธิภาพ และให้ชุมชนสามารถตัดสินใจและนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาชุมชนได้ ซึ่ง การพัฒนาศักยภาพของกองทุนหมู่บ้านฯ จะช่วยทำให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ยั่งยืน โดยนโยบายการดำเนินงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ประกอบด้วย 1) การให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ 2) ส่งเสริมให้จดทะเบียนกองทุนฯ 3) เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของกองทุนฯ 4) ส่งเสริมการจัดทำตรารูปแบบสัญลักษณ์ (Branding) และ 5) การติดตามประเมินผล
นายวีระชัย กล่าวว่า ในโอกาสข้างหน้า กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองไม่ใช่จะเป็นเพียงแหล่งเงินทุนหมุนเวียน แต่จะต้องพัฒนาเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ชุมชน และการจัดระบบสวัสดิภาพและสวัสดิการของหมู่บ้านและชุมชนได้ด้วยกระบวนการพึ่งพาตนเองและการมีส่วนร่วมตามปรัชญาของกองทุน
สำหรับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง สถาบันการเงินชุมชนปากเกร็ดร่วมใจ 2ได้พัฒนาจากการเป็นกองทุนหมู่บ้านเมื่อปี 44 จนถึงปี 49 ได้จัดตั้งเป็นสถาบันการเงินชุมชนปากเกร็ดฯ มีสมาชิกรวม 1,195 คน เงินทุนหมุนเวียน 74 ล้านบาท ส่วนกองทุนชุมชนเมืองหน้าวัดหงษ์ทอง เคยบริหารงานผิดพลาดมาก่อนแต่สามารถรวมพลังและต่อสู้จนฟื้นมาเป็นแหล่งสร้างงานสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้คนในชุมชน รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้เกิดภูมิปัญญาในท้องถิ่น
