“ทูตญี่ปุ่น” เชื่อ “โอบามาร์ค” ฟื้นเชื่อมั่นได้ คาดท่องเที่ยวคึกอีกครั้ง

ทูตญี่ปุ่นถก รมต.สำนักนายกฯ เผย อยากเห็นการเมืองไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น เชื่อ “โอบามาร์ค” เยือนญี่ปุ่น 5-7 ก.พ.นี้ จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน พร้อมกระตุ้นท่องเที่ยวในไทยให้กลับมาคึกคักดังเดิม คาด คนญี่ปุ่นจะกลับมาเที่ยวปีละ 1.3 ล้านคนอีกครั้ง

วันนี้ (29 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้การตอนรับ นายเคียวจิ โคมะชิ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ที่เข้าเยี่ยมคารวะ โดยการมาหารือครั้งนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างไทยกับญี่ปุ่นให้มากขึ้น และญี่ปุ่นเข้าใจดีว่าการเข้ามาทำงานของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน นั้น ได้เข้ามารับหน้าที่ในช่วงที่กำลังยุ่งยาก เพราะมีปัญหาจากการเมืองในประเทศ และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ โดยเฉพาะเมื่อมีการปิดสนามบิน ยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติลดลงโดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่น แต่ก็เชื่อว่า การดำเนินนโยบายของรัฐบาลจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้ดีขึ้น

ทั้งนี้ ไทย และญี่ปุ่น ต่างเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย และได้เตรียมมาตรการรองรับไว้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งมาตรการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งเชื่อว่า ทั้ง 2 ประเทศจะประสานความร่วมมือ และแบ่งปันข้อมูลร่วมกันที่จะให้ทั้ง 2 ประเทศพ้นจากวิกฤต โดยนักลงทุนญี่ปุ่น ยังมั่นใจว่า ไทยยังเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ เพราะมีสถานที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางภูมิภาค ขณะเดียวกัน ยังมีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี และมีนักลงทุนญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก และเชื่อว่า ในอนาคตยังมีโอกาสสูงที่นักลงทุนจะเข้ามาลงทุนในเมืองไทยมากขึ้น

นายโคมะชิ กล่าวด้วยว่า นักลงทุนญี่ปุ่น คาดหวังว่า ในอนาคตการเมืองไทยจะมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเมืองไทย โดยเชื่อมั่นว่า เมื่อนายอภิสิทธิ์ เข้ามาบริหารประเทศ ก็ได้พยายามที่จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด โดยไทยเป็นประเทศที่มีความสำคัญ และมีบทบาทโดดเด่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งทั้งไทยและญี่ปุ่นมีความร่วมมือทั้งกรอบทวิภาคี และระหว่างประเทศ ภาคเอกชนญี่ปุ่นยังคงลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นยังนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยกว่าปีละ 1.3 ล้านคน ซึ่งนอกจากไทยจะมีนโยบายดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศแล้ว คนไทยและสังคมไทยที่มีไมตรีและต้อนรับชาวต่างประเทศ ยังมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมบรรยากาศที่เอื้อต่อนักธุรกิจชาวต่างประเทศ และมีส่วนต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทย

นายวีระชัย กล่าวว่า รัฐบาลได้มีการเตรียมรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจอย่างเป็นขั้นตอน มาตรการระยะสั้น คือ การให้ความสำคัญเฉพาะหน้าในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่มีรายได้น้อย ทั้ง ภาคการเกษตร แรงงาน คนชรา สำหรับมาตรการระยะกลาง และระยะยาวนั้น รัฐบาลจะเน้นภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง (real sector) ในการเพิ่มสมรรถนะและขีดความสามารถในการแข่งขัน การปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศ

ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ได้แสดงความประทับใจต่อมาตรการในการลดภาระค่าใช้จ่าย และเพิ่มกำลังซื้อประชาชน ว่า เป็นแนวคิดที่เหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ ซึ่งญี่ปุ่นเองก็ได้ดำเนินมาตรการดังกล่าวนี้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เชื่อว่า นายกรัฐมนตรีจะประสบความสำเร็จในการเดินทางเยือนญี่ปุ่น และส่งเสริมให้ไทยและญี่ปุ่นขยายความร่วมมือในสาขาต่างๆ อาทิ การท่องเที่ยว ความร่วมมือวัฒนธรรม การปกป้องสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า การเดินทางเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ นี้ นายกรัฐมนตรีเลือกที่จะเดินทางเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการเดินทางเยือนประเทศนอกภูมิภาคอาเซียนเป็นประเทศแรก สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญต่อความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น ทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ระหว่างการเยือน นอกจากนายกรัฐมนตรีจะหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแล้ว ยังจะพบปะกับภาคเอกชน และสื่อมวลชนที่สำคัญของญี่ปุ่น ทั้ง สมาพันธุ์ธุรกิจญี่ปุ่น (Nippon Keidanren) ประธาน JICA, JETRO และสมาคมผู้สื่อข่าวญี่ปุ่น (Japan National Press Club) ด้วย