“ทหาร” ดาหน้าออกโรงโต้หลัง “นช.แม้ว” ป้ายผิด “องคมนตรี-ศาล-กองทัพ” หนุน ปชป.จัดตั้งรัฐบาล ด้าน “อนุพงษ์” ย้ำชัดทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของชาติ ขณะที่ “ประวิตร” ยัน “กองทัพ” มีความเป็นหนึ่งเดียว-ไร้ความแตกแยก ส่วน “โฆษก กห.” ย้อนแสบ “อดีตนายกฯ” แค่เดินเกมหวังรักษาพื้นที่ข่าว
วานนี้ (23 ม.ค.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวพาดพิงองคมนตรี ศาล และกองทัพให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ในการจัดตั้งรัฐบาลว่า สื่อคงเห็นแล้วว่าการตัดสินใจของตนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ยึดถืออยู่บนผลประโยชน์ของประเทศชาติ และความถูกต้อง ไม่เคยที่จะทำเพื่อใคร และมีแนวทางแบบนี้มาโดยตลอด ตนมั่นใจว่าทำด้วยความระลึกถึงผลประโยชน์ของชาติ และทำตามบทบาทหน้าที่ เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ โจมตีว่าเป็นหุ่นเชิด พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่าไม่เป็นไร
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า โดยส่วนตัวแล้วยังไม่ทราบเนื้อหา และรายละเอียดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาโจมตีกองทัพ ส่วนจะกู้ภาพพจน์ของกองทัพในสายตาประชาชน และต่างชาติ อย่างไรนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กองทัพอยู่คู่บ้านคู่เมืองมานานแล้ว จึงมีความมั่นคง และเป็นหลักให้ประเทศชาติมาโดยตลอด ฉะนั้นขอยืนยันว่า ความมีระเบียบวินัยของกองทัพ จะสร้างความมั่นใจให้ประชาชนยึดถือได้
เมื่อถามว่า คนส่วนใหญ่เชื่อว่ากองทัพมีส่วนในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่มีหรอกครับ เรื่องเก่าแล้ว ทำไมย้อนไปถามอีก” เมื่อถามอีกว่า จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะในกองทัพยังมีความแตกแยกอยู่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอยืนยันว่ากองทัพมีความเป็นหนึ่งเดียว และมั่นใจได้เลยว่าจะเป็นหลักให้ประเทศชาติ และประชาชนได้ เพราะกองทัพก็มีความเป็นหนึ่งเดียวมานานแล้ว
เมื่อถามถึง พล.อ.อนุพงษ์ ตกเป็นเป้าโจมตี โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ตอกย้ำว่า เสียใจที่ไว้ใจ แต่กลับถูก พล.อ.อนุพงษ์ หักหลัง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบในรายละเอียด แต่ผู้บัญชาการทหารบก ได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ประเทศชาติดีอยู่แล้ว และเป็นหลักให้กับประเทศชาติ และประชาชน ซึ่งตนมั่นใจเช่นนั้น เพราะ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ทำอย่างนั้นมาตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งมา เมื่อถามว่า เป็นห่วง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ถูกโจมตีหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องที่แล้วไปแล้ว ตนไม่ขอตอบ
ขณะที่ พ.อ.จิตตสักก์ เจริญสมบัติ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงต้องการรักษาพื้นที่ในสื่อ เพื่อรักษาสภาพในการเป็นข่าวไว้ ในส่วนที่พูดพาดพิงกองทัพว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะจะต้องมีหลักฐานที่แสดงด้วย แต่การใช้ความรู้สึกถือว่าไม่ถูกต้อง ที่สำคัญกองทัพก็ยืนยันไปแล้วว่า การดำเนินการในส่วนของรัฐบาล ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล ไม่ใช่ส่วนที่กองทัพจะเข้าไปเกี่ยวข้องตรงนั้นได้ ที่ผ่านมาประชาชนทราบดีว่า กองทัพยืนอยู่ในจุดที่ถูกต้อง
“กองทัพก็พยายามชี้แจงอยู่แล้วว่า บทบาทหน้าที่ของกองทัพเป็นอย่างไร ฉะนั้นก็คงต้องชี้แจงต่อไปให้เข้าใจว่า กองทัพมีจุดยืนที่ชัดเจนในการไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งต้องทำตรงนี้ให้ชัดเจนต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้ประชาชนรับทราบจุดยืนว่า เรายืนอยู่ในลักษณะนี้ต่อไป ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่เราจะไปตอบโต้ในเรื่องดังกล่าว เพราะประชาชนทราบดีว่ากองทัพอยู่จุดไหน ซึ่งเราก็ยืนอยู่ข้างประชาชนอยู่แล้ว การออกมาพูดของอดีตนายกฯ คงต้องการสร้างสถานะให้เห็นว่าตัวท่านถูกรังแกเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงพี่น้องประชาชนทราบดีว่ากองทัพพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศยังคงอยู่โดยมีความมั่นคง” พ.อ.จิตตสักก์ กล่าว
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวอีกว่า เวลานี้การใช้สื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจมีส่วนที่ต้องการดิสเครดิตรัฐบาล หรือกองทัพ ซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งในการทำให้ภาพของกองทัพ หรือภาพของรัฐบาลในสายตาต่างประเทศ ขาดความเชื่อมั่น ตรงนี้เราก็เข้าใจอยู่ ในส่วนของ ผช.ทูตทหารต่างประเทศ ก็คงทำหน้าที่ในการชี้แจงให้ทหารของมิตรประเทศให้ได้ทราบอยู่แล้ว ส่วนในภาคพลเรือน ท่านนายกฯ ก็มีแนวทางชี้แจงอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า กองทัพมองว่าการออกมาเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่นนี้ ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือไม่ พ.อ.จิตตสักก์ กล่าวว่า ในระยะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรัฐบาล ก็มีคนนิยมในการบริหารจัดการของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่การเมืองก็มีเวลาของมัน มีระยะเวลาในการเปลี่ยนผ่านไปเรื่อยๆ เมื่อปิดฉากการเมืองลงไป จนมาถึงการเมืองในอีกรัฐบาลหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องยอมรับในจุดนี้ด้วยว่า มันถึงเวลาที่ต้องมีการเปลี่ยนผ่านอยู่เสมอ และมีการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อถามถึงสปิริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งได้ศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหาร และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ควรจะมีความเป็นสุภาพบุรุษ และยอมรับผลที่เกิดขึ้นหรือไม่ พ.อ.จิตตสักก์ กล่าวว่า ในภาพรวมเราได้รับการปลูกฝังเช่นนั้น แต่อาจจะเป็นกรณีเฉพาะตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ถ้าเราคิดว่าสถาบันจะปลูกฝัง และคิดว่าคนต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไปก็คงเป็นเรื่องยากเหมือนกัน เพราะเป็นเรื่องตัวบุคคล ส่วนที่มีการเป็นห่วงว่าเงินที่ใช้ในการเคลื่อนไหวอาจเพียงพอที่จะล้มรัฐบาลได้นั้น ตนคิดว่าเรื่องของการใช้เงินที่จะเข้ามาดำเนินการต่างๆ มีกระบวนการตรวจสอบอยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก เนื่องจากมีการตรวจสอบว่า การเข้าออกของเงินนั้นเป็นอย่างไร
“เราคงไม่หวั่นไหวอะไรต่อการออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ เพราะมาถึงจุดนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือกองทัพ ซึ่งทำหน้าที่สนับสนุนภารกิจของรัฐบาล ก็ยังคงเดินหน้าไปได้ด้วยดี และเชื่อมั่นว่าเราสามารถประคับประคองให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไป อีกทั้งยังก็มีความมั่นคงต่อไปในวันข้างหน้า นอกจากนี้ รมว.กลาโหม ยืนยันว่า กองทัพต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน” โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว
พ.อ.จิตตสักก์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือให้ถอดถอนนายกฯ เนื่องจากหนีทหารว่า กรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามหลักเกณฑ์ โดยทาง รมว.กลาโหม และ ผบ.ทบ. ได้ย้ำไปแล้วหลายครั้งว่า การเป็นทหารเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ว่ากระบวนการใดก็ตาม ถ้าเป็นทหารแล้วถือว่าถูกต้อง เพราะกระบวนการระหว่างทางก่อนมาเป็นทหารนั้น เป็นเพียงแค่เครื่องมือ แต่ท้ายที่สุดแล้ว หากคนๆ นั้น ได้เป็นทหาร ก็ได้ดำเนินการสมตามวัตถุประสงค์ตามที่กฎเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ ดังนั้นขอยืนยันว่า กองทัพไม่ได้อุ้มนายกฯ เพราะเป็นเรื่องของภาคการเมืองที่จะบริหารจัดการ โดยกองทัพไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้