xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯ ผนึกต้านขายประปาภูมิภาค แฉโอนเอกชน 11 แห่งขาดทุน 2.7 พันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สรส.ไม่ไว้ใจ “มาร์ค” หวั่นแอบแปรรูปรัฐวิสาหกิจ พร้อมยกขึ้นเป็นประเด็นต่อสู้ของพันธมิตรฯ จับตาโอนงานผลิตน้ำประปาต่างจังหวัดให้เอกชน 11 แห่ง ทำ กปภ.ขาดทุนแล้วเกือบ 2,700 ล้านบาท ขณะที่ค่าน้ำแพงขึ้น หนุน พธม.สงขลา ต้านโอนประปาหาดใหญ่ พร้อมย้ำคำสัญญาทวงคืนสมบัติชาติ ห้ามแปรรูปเพิ่มเด็ดขาด ถามใจ “มาร์ค-เทพเทือก” กล้าพอยกเลิก พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจหรือไม่


 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" 

รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-23.00 น.วันจันทร์ที่ 19 มกราคม 2552 นางสาวกรองทอง เศรษฐสุทธิ์ ดำเนินรายการ ช่วงแรกเป็นการปราศรัยของนายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ในฐานะแกนนำพันธมิตรฯ รุ่นที่ 2 ตามด้วยนายชัยวัฒน์ สุรวิชัย ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเมือง คั่นรายการด้วยการแสดงดนตรีของวง “หยดน้ำ” และปิดท้ายด้วยเทปการสัมภาษณ์นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์

กรองทอง - สวัสดีคะขอต้อนรับคุณผู้ชมทุกท่านเข้าสู่รายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคะ ประจำวันจันทร์ที่ 19 มกราคม 2552 ตื่นเต้นนิดหนึ่ง วันนี้เป็นวันแรกนะคะ ที่ดิฉัน นุ้ก กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ มารับหน้าที่ดำเนินรายการในรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รายการของพี่น้องทุกๆท่าน ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีพี่น้องพันธมิตรฯ ทุกท่านที่อยู่ใน ณ ที่นี้ด้วย สวัสดีคะ วันนี้มากันไม่ใกล้ไม่ไม่ไกล มาแล้วนอกจากจะช่วยตบมือแล้ว เมื่อซักครู่ยังช่วยกันร้องเพลงเทียนแห่งธรรมด้วย ก็ทำให้บรรยากาศที่นี่เรียกว่าอบอุ่นทุกค่ำคืน

วันนี้ รายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ยังคงมีประเด็นข่าวต่างๆ ที่สำคัญเกิดขึ้นมาบอกเล่าให้พี่น้องได้ฟังกันอีกเช่นเคย รวมถึงการปราศรัยของแกนนำ รวมทั้งวิทยากรที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี เพราะว่าพี่น้องเราแม้ว่าเราจะยุติการชุมนุมไปแล้ว แต่ยังรักกันเหนียวแน่น โดยเฉพาะการทำหน้าที่ในการตรวจสอบการให้ข้อมูล การรับข้อมูล เพราะว่าพันธมิตรฯ ของเราเป็นที่รู้กันดีว่าทำการบ้าน ไม่เหมือนกับม็อบอื่น เพราะหลายคนเขาบอกว่าพันธมิตรฯ เราทำการบ้าน บางคนเวลาไปชุมนุมก็จะแค่มีเปลือกข้างนอก แต่ข้างในไม่มี เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่าหลายๆ คนที่พยายามจะเลียนแบบ พยายามจะลอกการดำเนินงานจากพันธมิตรฯเรา ก็ลอกได้แต่ข้างนอก แต่ข้างในมันสะสมมานานใช่ไหมคะพี่น้อง ทำให้ทุกวันนี้เรายังคงอยู่ เรายังคงเดินหน้าตรวจสอบกันต่อไป

แต่ก่อนที่จะเข้าเรื่องของประเด็นต่างๆ วันนี้นะคะ อีกเช่นเคยคะ สำหรับพี่น้องพันธมิตรฯที่อยากจะฝากข่าวประชาสัมพันธ์นะคะ ก็ทำได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นการโทรมาฝากข่าวกับทีมงานของเรานะคะ ที่เบอร์ 0-2629-4433 หรือใครก็ตามที่อยากจะร่วมแสดงความคิดเห็นนะคะ ผ่านทางหน้าจอ ASTV ทีวีของประชาชน ก็ส่ง SMS เข้ามานะคะ พิมพ์ข้อความ N1 ส่งมาที่ 4850770 นะคะ วันนี้ประชาสัมพันธ์ของเราจากพันธมิตรสุราษฎร์ฯ นะคะ มีงานคอนเสิร์ตที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้แล้ว 20 มกราคม 2552 นะคะ

สำหรับคอนเสิร์ตร้อยเกาะย่างก้าวสู่การเมืองใหม่คะ ซึ่งพี่น้องพันธมิตรที่ทางภาคใต้ก็ได้ร่วมกันจัดขึ้นนะคะ จะเริ่มงานตั้งแต่ 18.00 น.เป็นต้นไป ที่บริเวณท่าเทียบเรือเทศบาลเกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ก็สามารถไปร่วมงานกันได้นะคะ สำหรับพี่น้องที่สนใจ รายละเอียดมีดังนี้นะคะ พี่น้องจะสามารถพบกับ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข คุณมาลีรัตน์ แก้วก่า พี่ตั้มของเราก็ไปด้วยคะ คุณเสน่ห์ คุณอำนาจ และก็ พี่แอน จินดารัตน์ แล้วสำหรับในส่วนของภาคดนตรี ภาคบันเทิงนะคะ ที่จะควบคู่ไปกับเราด้วย ก็คือ วงกากบาท พี่หรั่ง ร็อคเคสตร้า ก็ไป คุณจอย นางเอกของเรานะคะ นางเอกที่สวยที่สุดในวงการตอนนี้ คุณจอย ศิริลักษณ์ ผ่องโชค ก็จะไปร่วมด้วย

สำหรับพี่น้องที่สนใจนะคะ จะสามารถร่วมเดินทางไป มีเรือราชาเฟอร์รี่ ซึ่งก็จะมาจอดรอ ท่าเทียบเรือ อ.ดอนศักดิ์ คะ เรือจะออกตั้งแต่เวลา 08.00 น. 10.00 น. และ 14.00 น.นะคะ ค่าบริการสำหรับเรือคนละ 220 บาทนะคะ ส่วนงานนั้นฟรีตลอดงานคะพี่น้องคะ เรียกว่าไปด้วยตัวและหัวใจนะคะ ไปร่วมงานกับงานคอนเสริต์ร้อยเกาะย่างก้าวสู่การเมืองใหม่คะ แต่ว่าทางทีมงานก็ฝากมาว่า ให้กรุณานำเต็นท์มาด้วย จะได้นอนพักกันริมทะเลด้วยบรรยากาศดีๆ ด้วยกันนะคะ พรุ่งนี้แล้ว 20 มกราคม ส่วนรายละเอียดสามารถติดตามสอบถามได้ที่ คุณบรรจิต ลิ้มปิยะวัตร คะ พันธมิตรเกาะพะงัน ที่เบอร์ 080 534 6068 หรือว่าจะเป็นที่คุณกาญจน์นะคะ 081-676-8364 คุณทวีศักดิ์ 081-677-7455 คะ งานคอนเสิร์ตร้อยเกาะย่างก้าวสู่การเมืองใหม่

อีกหนึ่งงานคะ พันธมิตรฯ จากแม่กลองก็ฝากประชาสัมพันธ์มาเช่นกันนะคะ อยากจะให้มาร่มในการพบปะสังสรรค์ของพันธมิตรฯ แม่กลอง วันพรุ่งนี้เหมือนกันคะ 20 มกราคม งานจะเริ่มตั้งแต่ช่วง 10.00-23.00 น.ที่อนุสรณ์สถานอิน-จัน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ก็ขอเชิญพี่น้องพันธมิตรฯ ใกล้เคียง ที่แม่กลอง ๆไปร่วมงานกันได้ บัตรราคา 200 บาท สามารถสั่งจอง สอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณริ้ว 081-562-1225 คุณป้อม 081-642-0825 คุณนก 089-742-5408 และคุณนุช 081-880-7510 ถ้าเกิดว่าพี่น้องท่านใดที่อยากจะทราบรายละเอียดจดเบอร์ไม่ทัน โทรมาถามทางทีมงานเราได้นะคะ ทั้งหมดนี้ก็คืองานประชาสัมพันธ์ที่จะมีขึ้น งานพบปะสังสรรค์ของพี่น้องเราที่ยังคงรักกันเหนียวแน่น ยังมีขึ้นพรุ่งนี้

ส่วนเรื่องของความคืบหน้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพันธมิตรฯ ของเรา วันนี้ก็มีข่าวมาฝากพี่น้องเหมือนกัน มาเริ่มกันที่ วันนี้ศาลอาญา มีการเลื่อนนัดประชุมคดีเพื่อตรวจพยานหลักฐานคดีที่กลุ่มนักรบศรีวิชัย 82 คน ที่มีการไปบุกสถานีโทรทัศน์ NBT เลื่อนไปเป็นวันที่ 66 มีนาคม เวลา 09.00 น.คดีนี้ที่ต้องเลื่อนก็สืบเนื่องมาจาก นายธนพัฒน์ วิไลภรณ์ จำเลยที่ 12 ไม่ได้มาที่ศาล เนื่องจากถูกคุมขังในคดีอื่น และเจ้าหน้าที่ไม่ได้เบิกตัวมาที่ศาล ประกอบกับทนายความของจำเลย ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนนัดประชุมคดีไปก่อน เนื่องจากติดว่าความคดีที่ จ.อุดรธานี นอกจากนี้ ทนายความจำเลย ก็แถลงว่า สภาทนายความอยู่ระหว่างจัดเตรียมทีมทนายเพื่อเข้าต่อสู้คดี จึงขอโอกาสให้จำเลยได้ต่อสู้คดี ศาลพิจารณาแล้วจึงมีคำสั่งให้เลื่อนประชุมคดีออกไป เพื่อที่จะเบิกตัวจำเลยที่ 12 ที่ไม่ได้มาวันนี้ โดยเลื่อนไปเป็นวันที่ 16 มีนาคม 2552

สำหรับคดีนี้มาย้อนความกันนิด คดีนี้เป็นคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธเนศ คำชุม กับพวกรวม 82 คน ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานเป็นช่องโจร มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อให้การความวุ่นวายในบ้านเมือง พี่น้องทนฟังกันนิดหนึ่งนะคะ ร่วมกันไม่ให้มีเหตุอันสมควรเข้าไปซ่อนตัวในเคหะสถาน หรือสำนักงานในครอบครองของผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน ก็อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมา จำกันได้ย้อนไปเมื่อช่วงสิงหาคม ที่เรามีการดาวกระจายกัน ส่วนหนึ่งก็ไป NBT แล้วก็พี่ๆ นักรบศรีวิชัยที่ไปในช่วงเช้ามืดนะคะ ก็คือ พี่ๆ กลุ่มนี้

ทีนี้พอมีความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีความ เผอิญก็เลยมีคำถามย้อนกลับไปว่า นี่ไงคะที่ทางด้านเสื้อแดงก็ดี ทางด้านรัฐบาลเองก็ดี เขากำลังเรียกร้องว่าให้รีบดำเนินคดีกับพันธมิตรฯ นี่ไงคะทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ เป็นไปตามขั้นตอน ไม่มีการหมกเม็ด ไม่มีการยุติ ไม่มีการเล่นพวกเล่นพ้อง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว นี่คือทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ เป็นไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งพันธมิตรฯ ซึ่งทุกท่านอาจจะเคยตกเป็นผู้กล่าวหา ก็ยอมรับในความเป็นจริง ยอมรับในการต่อสู้ตามกระบวนการกฎหมาย

แต่วันนี้คะพี่น้อง มีคนที่เขาไม่ยอมรับที่จะต่อสู้ตามกระบวนการกฎหมายเหมือนกันนะคะ แล้วคนๆ นั้นก็เป็นตำรวจด้วยคะ เดี๋ยวเราจะได้มาติดตามกันต่อไปว่าวันนี้ตำรวจเขามีการออกมาเรียกร้องกันอย่างไรนะคะ จากเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ ที่เขาบอกว่าเขารู้สึกเสียขวัญ เสียกำลังใจเหลือเกิน จากเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ ที่เขาตกเป็นเหยื่อของสังคมนะคะ เดี๋ยวช่วงต่อไปเราจะได้มาติดตามรายละเอียดเพราะว่าวันนี้เขามีการสัมมนากันด้วย

ส่วนเรื่องพันธมิตรฯ ของเรายังมีข่าวฝากมาอีกนะคะ สำหรับพันธมิตรฯ สงขลา วันนี้เขามีการจัดงานเสวนาเป็นวงเสวนากันขึ้นมา เพื่อที่จะให้ข้อมูล และก็ความรู้แก่ประชาชน ก็สื่อเนื่องมาจากกรณีที่การประปาส่วนภูมิภาคมีนโยบายว่าจ้างเอกชนมาผลิตน้ำประปา และขายให้กับสำนักงานการประปาหาดใหญ่ ซึ่งทางสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประปาส่วนภูมิภาค ได้เคยยื่นหนังสือให้ทบทวนเพื่อยุติโครงการดังกล่าวแล้วนะคะ พันธมิตรฯสงขลาก็เลยได้มีการจัดวงเสวนาขึ้นมา เพื่อที่จะให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องข้อดีข้อเสียต่างๆ ภายในงานนะคะก็มีนายอนันต์ บุญโสภณ มาให้ความรู้เกี่ยวกับรัฐวิสาหกิจ มีรองศาสตราจารย์ ดร.เริงชัย ตันสกุล ประธานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.สงขลา และกรรมาธิการวุฒิสภาศึกษาลุ่มน้ำอู่ตะเภา แล้วก็มาให้ข้อมูลกับประชาชนเรื่องของที่มาที่ไป ผลกระทบที่ทำไมประชาชนจะต้องได้รับน้ำประปาที่เอกชนเข้ามาผลิตให้นะคะ อันนี้ก็เป็นความคืบหน้าตรวจสอบการเมืองภาคประชาชนนะคะ ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาและมามีผลในยุคนี้อย่างที่หลายๆคนบอกว่า ความตื่นตัวของประชาชนนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเท่ากับในยุคนี้ พ.ศ.นี้ สมัยนี้ ในยุคที่เรามีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนะคะ แล้วแน่นอนว่าการขับเคลื่อนของเราก็จะนำไปสู่การสร้างการเมืองใหม่ ซึ่งพี่น้องของเราทุกคนก็พร้อมที่จะเดินไปด้วยกันนะคะ

ส่วนที่พันธมิตรฯ ที่ภาคตะวันออกคะ ก็มีการจัดงานเหมือนกัน งานนี้เป็นการจัดขึ้นเพื่อดูแลพี่น้องพันธมิตรของเราเองนะคะ โดยผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก คุณสุทธิ อัชฌาสัย ได้จัดงานขึ้นที่โรงแรมสตาร์ ระยอง เพื่อที่จะหาเงินมาช่วยรักษา คุณกนิตย์ พงษ์นาวิน ซึ่งเป็นเลขาธิการผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ที่ประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์นะคะ สมองได้รับความกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุครั้งนี้ ทำให้คุณกนิตย์นั้นกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา เราก็เลยได้มีการจัดงานครั้งนี้ เพื่อที่จะช่วยเหลือคุณกนิตย์เกี่ยวกับเรื่องของการรักษาเยียวยา รักษาพยาบาลคะ ซึ่งคุณสุทธิบอกว่าก็ได้รับความร่วมมือจากเพื่อนๆที่ร่วมอุดมการณ์นะคะ ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องจากจันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และก็ จ.ระยองด้วย ซึ่งก็บอกว่าครั้งนี้อาจจะไม่ได้มากนักเพียงพอกับค่าใช้จ่าย แต่ก็อย่างน้อยทำให้เห็นว่าน้ำใจของพี่น้องที่มาช่วยกันคะ ก็ทำให้ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของคุณกนิตย์ก็ดี เจ้าภาพผู้จัดงานอย่างคุณสุทธิก็รู้สึกว่าเป็นกำลังใจ และก็ต้องขอบคุณ และก็ขอให้ครอบครัวของคุณกนิตย์นั้นสู้ต่อไปด้วย นี่คือ การดูแลกันซึ่งกันและกันของเรานะคะ พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ส่วนช่วงนี้คะเราจะเข้าสู่ช่วงการปราศรัยนะคะ วันนี้เราจะได้พบกับแกนนำรุ่นที่ 2 คะ ขอเชิญพี่น้องพบกับคุณสาวิทย์ แก้วหวาน คะ สวัสดีคะ

สาวิทย์ - สวัสดีครับคุณกรองทอง สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พี่น้องเอ้ย (เอ้ยยยย) พี่น้องเอ้ย (เอ้ยยยย) พี่น้องเอ้ย (เอ้ยยยย) เดี๋ยวนี้นี่ไม่ได้ยินเสียงมือตบนะครับ ห่างหายไปรู้สึกว่าอะไรมันหายไปอย่างหนึ่งในชีวิต แต่ว่าในพื้นที่แต่ละพื้นที่เราก็จะได้ยินกันอย่างกึกก้องนะครับ วันก่อนไปที่ชลบุรีก็สนั่นไปทั้งเมืองกันเลยทีเดียว เพราะนั่นคือพลังของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนะครับ ที่พวกเราได้สั่งสมการต่อสู้มา แล้วก็ได้สร้างวัฒนธรรมการต่อสู้ทางการเมืองภาคประชาชน อันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะโดยส่วนตัวแล้วเนี้ย ผมคิดว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า การสร้างวัฒนธรรมการต่อสู้การตื่นตัวทางการเมืองของภาคประชาชน อันนี้ถือว่ายิ่งใหญ่มาก นี่คือผลสำเร็จที่เกิดขึ้นของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

หลายคนก็มีการประเมินสถานการณ์ อีกฝ่ายหนึ่งก็บอกว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็คงจะฝ่อลงไป ตามสถานการณ์ ตามกระแส แต่เราก็ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าเราไม่ฝ่อใช่หรือเปล่าพี่น้อง (ใช่) เราไม่ฝ่อ เพราะฉะนั้นเราก็ยังคงเดินหน้าต่อไปนะครับ หลายพื้นที่ได้มีการจัดเวที พรุ่งนี้ที่เกาะพะงันนะครับ สุราษฏร์ธานี แล้วก็ที่ จ.สมุทรสาคร พรุ่งนี้ก็จะมีการแบ่งสายได้มีการทำงานในระดับพื้นที่นะครับ ลงไปสัมผัสพูดคุยกับพี่น้องประชาชน แล้วที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือการเกาะกลุ่ม การผนึกกำลัง การถักทอเครือข่ายทั้งหลายในระดับพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ ให้ได้เข้าใจเจตนารมณ์ และอุดมการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยร่วมกันนะครับ

วันนี้ก็คงจะสอดคล้องกับผู้ดำเนินรายการนะครับ คุณกรองทอง ได้พูดไว้เรื่องของการเมืองใหม่ ที่เรื่องนี้ได้มีการพูด มีการสัมมนากัน 5 ครั้งด้วยกัน ในเรื่องของข้อเสนอ ในเรื่องของการเมืองใหม่ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผมโดยตรง ในฐานะที่เข้าร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วก็ธงนำในการต่อสู้ที่มีประเด็นเฉพาะในการต่อสู้ ก็คือเรื่องของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ผมเองในฐานะที่เป็นเลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์(สรส.) อย่างที่พี่น้องรู้จัก สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประปาส่วนภูมิภาคก็ถือว่าเป็นสมาชิกอย่างแข็งขันของ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ หรือ (สรส.) เพราะฉะนั้นที่เราชูธงร่วมกันในเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็คือ การคัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เพราะเราเห็นว่ารัฐวิสาหกิจนั้นเป็นทรัพย์สมบัติของประชาชน โครงการทุกโครงการที่เกิดขึ้น เงินทุกเม็ดทุกบาทที่ลงไปนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นภาษีอากรของพี่น้องประชาชน และนำไปบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะเรื่องน้ำ เพื่อให้บริการกับพี่น้องประชาชน

เพราะฉะนั้น เมื่อทรัพย์สินทั้งหลายเป็นของประชาชนทั้งประเทศ ไม่ได้เป็นของรัฐบาล กระทรวงการคลัง และรัฐวิสาหกิจ ก็ไม่ได้เป็นของพนักงานรัฐวิสาหกิจ แต่เป็นของพี่น้องประชาชนทุกคน เพราะฉะนั้นการบริหารจัดการทั้งหมด ต้องทุ่มลงไป และต้องให้การบริหารจัดการตอบสนองการให้บริการต่อพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นหลักคิดและปรัชญา เรื่องรัฐวิสาหกิจก็เพื่อบริการต่อพี่น้องประชาชน จะขาดทุน หรือกำไร ก็เป็นเรื่องที่รัฐจะต้องรับภาระ เพราะว่าประชาชนเสียภาษีให้ต่อรัฐ รัฐจึงมีหน้าที่จัดสวัสดิการให้ต่อประชาชน เครื่องมือที่รัฐมีอยู่คือรัฐวิสาหกิจ

ประเด็นในเรื่องของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะเรื่องประปา เรื่องน้ำ เรื่องไฟ ครั้งหนึ่งเราเคยรณรงค์บอกว่า “ขายน้ำขายไฟ ฆ่าไทยทั้งชาติ” ประเด็นเรื่องน้ำเป็นประเด็นที่ใหญ่มาก เราออกจากบ้าน เราตื่นนอนขึ้นมาเราต้องใช้น้ำในการล้างหน้าแปรงฟัน หรือเข้าห้องส้วมก็จำเป็นต้องใช้น้ำ ชีวิตเราขาดน้ำไม่ได้ แต่ถ้าน้ำถูกแปรสภาพในลักษณะที่บอกว่ารัฐจะเป็นผู้จัดการสวัสดิการให้ประชาชน เปลี่ยนแนวปรัชญาว่า น้ำจะต้องถูกจัดการโดยเอกชน แล้วนำไปทำผลกำไร อันนี้มีปัญหาอย่างแน่นอน

อดีตกาลที่ผ่านมาเคยขบคิดเรื่องของการผันน้ำจากแม่น้ำโขงให้พี่น้องประชาชนในสมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช พี่น้องคงจะจำได้ จะติดมิเตอร์ในนา คือคนที่ทำนาจะต้องจ่ายค่าน้ำ เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้มีกระบวนการในแนวทางในการทำงานเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง เรื่องของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้กันอย่างยาวนาน เพราะเป็นการต่อสู้ทางความคิด เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ผมคิดว่าพี่น้องพันธมิตรฯ ก็ตระหนักเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะเราพูดในเวทีพันธมิตรฯ บ่อยมาก

เรื่องของประปา ผมมีข้อมูลในช่วงสั้นๆ วันนี้การประปาส่วนภูมิภาคได้ทำการแปรรูปโดยให้เอกชนเข้ามาร่วมทุนไปแล้วทั้งหมด 11 โครงการ มีที่ปทุมธานี นครสวรรค์ ฉะเชิงเทรา บางปะกง ราชบุรี สมุทรสงคราม ภูเก็ต นครปฐม สมุทรสาคร เกาะสมุย พนัสนิคม บ้านบึง และพัทยา ระยอง อายุสัญญาส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ระหว่าง 25 - 30 ปี แต่จากการทำข้อมูลของสหภาพแรงงานการประปาส่วนภูมิภาค โครงการของปทุมธานีวงเงินลงทุนโครงการ 4,300 ล้านบาท มูลค่าสินค้า หรือน้ำที่ทางการประปาส่วนภูมิภาคจะซื้อจากบริษัทเอกชนอยู่ที่ 37,165 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการทั้งการลงทุน และการซื้อน้ำที่การประปาส่วนภูมิภาคจะรับซื้อจากเอกชนอยู่ที่ 41,465 ล้านบาท

นครสวรรค์ อายุสัญญา 25 ปี มูลค่าโครงการทั้งหมด 1,568 ล้านบาท ฉะเชิงเทรา 7,065 ล้านบาท 25 ปีเช่นกัน บางปะกง 5,987 ล้านบาท ราชบุรี สมุทรสงคราม 11,324 ล้านบาท ภูเก็ต 5,090 ล้านบาท นครปฐม สมุทรสาคร 63,088 ล้านบาท เกาะสมุย 1,148 ล้านบาท พนัสนิคม บ้านบึง 1,261 ล้านบาท พัทยา 3,512 ล้านบาท ระยอง 8,599 ล้านบาท รวม 11 โครงการมูลค่าทั้งสิ้น 151,007 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา นี่เป็นเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ที่ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนโดยตรง ถ้าเราทิ้งเรื่องนี้ไป มันก็จะเป็นปัญหากับการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชน

ยกตัวอย่างง่ายๆ เมื่อสัก 2 - 3 ปีที่ผ่านมา พี่น้องจะเห็นว่ามีการแย่งชิงน้ำใน จ.ระยอง มีการผันน้ำให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ให้กับนิคมอุตสาหกรรม ในขณะที่ปล่อยให้ประชาชนต้องขาดน้ำ จนจะเกิดศึกสงคราในการแย่งชิงน้ำ ประสบการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในประเทศโคลัมเบีย ประชาชนยอมรับไม่ได้สำหรับการที่รัฐบาลได้แปรรูปน้ำ เขาตั้งกองกำลังพิทักษ์น้ำ เขาเรียกว่า วอเตอร์ ออฟ ดีเฟนซ์ ประชาชนไม่ยอมให้รัฐบาลได้ดำเนินการแปรรูปน้ำให้กับเอกชน ในประเทศโคลัมเบียประชาชนรองน้ำฝนก็ไม่ได้นะครับ ผิดกฎหมายของโคลัมเบีย เพราะถือว่าน้ำที่ประชาชนไปรองไว้มันปิดโอกาสสำหรับน้ำที่จะไหลไปสู่แม่น้ำลำธาร และหนอง เพราะหนอง แม่น้ำ ทะเล ที่เป็นแหล่งน้ำ ถูกแปรรูปให้เอกชนทั้งหมด ถ้าประชาชนเอาภาชนะไปรองน้ำฝนไว้ เท่ากับว่าประชาชนปิดกั้นและไม่ให้เอกชนได้ทำกำไรได้ จนประชาชนไม่ยินยอม ก็เลยตั้งกองกำลังพิทักษ์น้ำ ประชาชนต่อสู้กันอย่างหนัก จนในที่สุดประชาชนก็สามารถคัดค้านเรื่องการแปรรูปน้ำได้

เพราะฉะนั้นประเทศไทยในขณะนี้เป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้ ในสถานการณ์ผมบอกได้ว่าการต่อสู้เรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเป็นการต่อสู้กันตามความคิด อีกฝ่ายเชื่อในเรื่องของกลไกตลาด เรื่องของการทำกำไร แต่ฝ่ายเราเชื่อว่าทรัพยากรทั้งหมดที่มีอยู่ ผลประโยชน์ที่มีอยู่ในชาติ ต้องจัดสรรให้กับพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นหลักคิดมันจึงเป็นการต่อสู้กัน การสู้ในเรื่องนี้กระทำโดยลำพังไม่ได้ โดยเฉพาะในส่วนของพนักงานรัฐวิสาหกิจ ประเด็นนี้จึงถูกหยิบยกขึ้นไปบนเวทีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พูดถึงการแปรรูปรัฐวิสาหกิจจึงทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจกันอย่างกว้างขวาง ว่ารัฐวิสาหกิจคืออะไร การบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจนั้น ควรจะเป็นเช่นไร

ข้อมูลอีกตัวหนึ่งหลังจากที่ได้มีการดำเนินการไปทั้ง 11 โครงการ ปรากฏว่าการประปาส่วนภูมิภาคขาดทุน รวมเบ็ดเสร็จ 11 โครงการแล้ว เช่น ปทุมธานี รังสิต ดำเนินระยะเวลามา 9 ปี ปทุมธานีตั้งแต่ 41 จนถึงปัจจุบัน ได้แปรรูให้เอกชนไปแล้ว ในส่วนนี้การประปาส่วนภูมิภาคพอจะมีกำไรอยู่บ้าง 219 ล้านบาท นครสวรรค์ขาดทุน 6,200,000 กว่าบาท ฉะเชิงเทรา มีกำไร 153 ล้านบาท บางปะกง มีกำไร 175 ล้านบาท ราชบุรี สมุทรสงคราม ขาดทุน 712 ล้านบาท นครปฐม สมุทรสาคร ขาดทุน 2,845 ล้านบาท

โดยรวมเบ็ดเสร็จแล้ว การประปาส่วนภูมิภาคได้ให้เอกชนเข้ามาร่วมให้บริการ และผลิตน้ำ การประปาส่วนภูมิภาครับซื้อน้ำจากเอกชน ปรากฏว่าจนปัจจุบันสิ้นปี 2551 การประปาขาดทุนไป 2,692 ล้านบาทโดยภาพรวม แต่ประชาชนใช้น้ำในราคาที่สูงขึ้น เพราะฉะนั้นในวันนี้ทางพันธมิตรฯ สงขลา ได้มีการประชุมกัน ปรึกษาหารือกัน เลยออกแถลงการณ์ออกมาในการคัดค้านเรื่องจะให้เอกชนเข้ามาบริหารงาน เข้ามาผลิตน้ำให้กับการประปาส่วนภูมิภาค เพราะโดยภาพรวมท้ายที่สุดประชาชนจะใช้น้ำในราคาที่แพงขึ้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่พี่น้องประชาชนทุกรัฐวิสาหกิจ

ปตท.ผมว่าชัดเจนที่สุด พี่น้องไปร่วมกันดาวกระจายเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา วันนี้ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 44 บาท พี่น้องคงจำได้ รุ่งขึ้นอีกวัน เราไปดาวกระจายเสร็จ ปรากฏว่าราคาดีเซลลดจาก 44 บาท มาอยู่ที่ 38 บาท หลายคนสงสัยว่าลดมาได้อย่างไร ปกติจะลด 50 สตางค์ 30 สตางค์ อะไรเหล่านี้ แต่จู่ๆ วันนั้นมันลดมาได้ 6 บาท ลดมาได้อย่างไร

จนในที่สุดเนี้ยทั่วโลกจับได้ว่าแม้แต่โอบามาก็ออกมาพูดนะครับ บอกว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงมากไปขนาดนั้นนะ ไม่ได้เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ระหว่างการผลิตและกับการใช้ แต่สิ่งที่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงมากไปขนาดนั้นนะ เกิดขึ้นจากการเก็งกำไรของกลุ่มทุนนักธุรกิจ และเฮดจ์ฟันด์ทั้งหลายเป็นบริษัทค้าน้ำมัน โดยเฉพาะจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ที่เป็นเจ้าพ่อน้ำมันเท็กซัสนะครับ จนทำให้ราคาน้ำมันเนี้ยปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก วันนั้นเนี้ยอยู่ที่ 144 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล วันนี้มาอยู่ที่ 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ร้อยกว่าเหรียญที่มันตกต่ำลงมานะครับ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร มันเป็นไปได้อย่างไร

แต่ถามว่าราคาสินค้าปรับลดลงไหม ไม่ได้ลดลง อันนี้ก็เป็นปัญหาที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะต้องสะสางต่อไปว่า จากราคาน้ำมันที่ 144 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แล้วลดมาอยู่ที่ 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ราคาข้าวสาร ราคาน้ำปลา ราคาสบู่ ยังไม่ได้ลดลงในตอนนี้ ประเด็นเหล่านี้ก็จำเป็นต้องสะสาง จะต้องถามไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คุณพรทิวา นาคาศัย ว่าคุณจะทำเรื่องนี้อย่างไร ตามความเป็นจริงเนี้ยชัดเจนแล้วว่า วันก่อนคุณขึ้นราคาสินค้า คุณบอกว่าราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น วันนี้ราคาน้ำมันลดแล้วทำไมคุณยังไม่ลด

ผลกระทบเหล่านี้เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนทุกๆ คนนะครับ ไม่ว่าคุณจะใส่เสื้อสีอะไร เพราะฉะนั้นสิ่งที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปทำเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม เมื่อปี 2551 เนี้ย มันสร้างผลคุณูปการอย่างใหญ่หลวง ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่มันส่งผลสะเทือนไปทั่วโลกสำหรับบริษัทค้าน้ำมัน ซึ่งเขาทำงานร่วมกัน พอประชาชนจับได้ไล่ทันพี่น้องก็คงจะเห็นแล้วว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แต่วันนี้สิ่งที่เราจะต้องทำต่อก็คือ ราคาสินค้าที่มันสูงขึ้นเนี้ย มันจะปรับลดลงมาอย่างไร เพราะว่าตอนคุณขึ้นก็บอกว่าราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ตอนราคาน้ำมันลดลงแล้วเนี้ย แต่คุณกลับไม่ลด

เพราะฉะนั้นฝากไปถึงรัฐบาลด้วย คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณต้องทำในเรื่องนี้ด้วยไม่ใช่ว่าใส่งบประมาณยัดๆ ลงไป แต่ราคาสินค้าคุณไม่ปรับลดลง มันก็ไม่มีประโยชน์ คุณเอาเงินไปให้กับคนในขณะที่ราคาสินค้าเนี้ยคุณไม่ปรับลดลง ให้เงินไปก็ไปได้กับกลุ่มทุนนักธุรกิจทั้งหลายที่พวกนี้หวังแต่จะกอบโกย ต่างจากนักธุรกิจในพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใช่หรือเปล่าพี่น้อง ใช่ไม่ใช่ (ใช่) พวกเรามีแต่การให้ มีแต่การเสียสละ มีแต่การแบ่งปัน

เพราฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่พวกเราต้องขยับขับเคลื่อนต่อไป เพราะฉะนั้นประเด็นที่ผมจะพูดในสุดท้ายก็คือ เรื่องของการเมืองใหม่ อันนี้ทิ้งไม่ได้ อันนี้เป็นหัวใจของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย การเมืองแบบประชาภิวัฒน์ การเปลี่ยนแปลงโดยประชาชน ประชาชนเป็นผู้อภิวัฒน์ เป็นผู้เปลี่ยนแปลงเนี้ย เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะฉะนั้นวันนี้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ก่อเกิดขึ้นแล้วในทั่วทุกหัวระแหง ทั่วทุกภูมิภาค ไม่ว่าภาคอีสานที่หลายคนเคยประหวั่นพรั่นพรึงว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างไร วันนี้กำลังขยายตัวและก็ลุกลามไปยังพื้นที่ต่างๆ แต่ก่อนอาจจะอยู่แค่ในเมืองดูเคเบิ้ลทีวีได้ แต่หลังจากการรณรงค์การทำงานของพันธมิตรฯอย่างหนัก เอาจานทีวี ASTV ไปบริจาคนะครับ ไปทำงานความคิดกับประชาชนในระดับแกนๆ

วันนี้ขบวนการของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้แผ่ปกคลุมไปยังพื้นที่ต่างๆ มากมาย เราก็เลยเห็นปริมาณของคนเสื้อแดงนั้น วันนี้นะครับ เราก็ดูเหมือนว่าได้ลดจำนวนลง เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เราหยุดไม่ได้ต้องทำต่อไป เพราะว่าสิ่งที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทำ ก็คือว่าเราได้ให้ความจริงกับสังคม ความจริงที่มันถูกปกปิดมาภายใต้ระบอบทักษิณ ที่ไม่มีใครรู้ หลายคนบอกว่ารัฐบาลทักษิณนั้น เอาไอนู้น เอาไอนี่ไปให้ แต่ก่อนอาจจะได้แค่ไฟสว่าง ทางดี ได้แค่โครงการ คนที่กินงบประมาณเหล่านั้นไปก็คือ ข้าราชการ หรือผู้รับเหมาทั้งหลาย แต่รัฐบาลทักษิณไปทำ ทำให้ประชาชนเข้าถึงเงินได้ แต่หารู้ไม่ นั่นคือนโยบายตกเบ็ด ผมใช้คำว่าตกเบ็ด เพราะให้ประชาชนกินเหยื่อเล็กๆ ใช่ไหม กินกองทุนหมู่บ้าน กินไอนู้นเล็กๆน้อยๆ แต่เขาไปกินโครงการใหญ่ๆ เมกะโปรเจกต์ ใช่ไหมครับ ขายชินคอร์ป ขายแอร์เอเชีย ขายไอทีวี ให้พม่ากู้ 4 พันล้านนะครับ สนามบินสุวรรณภูมิ โครงการแอร์พอร์ตลิงค์ กล้ายาง เยอะแยะมากมาย เขากินกันใหญ่ๆ แต่ให้ประชาชนเพียงเล็กๆ ใช้นโยบายตกเบ็ด

ประชาชนก็เห็นว่ารัฐบาลทักษิณนั้นเปรียบเสมือนพระเจ้า พยายามที่จะเห็นว่าไม่มีใครดีเท่าทักษิณ แต่ในทางความเป็นจริงวันนี้เราเห็นแล้วว่า ประชาชนยากจนลง อันนี้ข้อมูลเชิงสถิตินะครับ โดยสภาพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ สถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI เขาระบุชัดเจนว่าหนี้ส่วนบุคคลก็เพิ่มขึ้น หนี้ครัวเรือนก็เพิ่มขึ้น ปัญหาอาชญากรรมก็มากขึ้นนะครับ ครอบครัวแตกแยกมากยิ่งขึ้น อันนี้เป็นข้อมูลที่ชัดเจน เพราะฉะนั้นโดยข้อสรุปเหล่านี้เนี้ย ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่การเมืองใหม่จะต้องตอบโจทย์วันนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

เพราะฉะนั้นในสิ่งที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกำลังทำ และกำลังนำเสนอต่อพี่น้องประชาชนนั้น เป็นเรื่องที่พวกเราจะต้องขบคิดกันนะครับว่าทิศทางเรื่องของการเมืองใหม่นั้น เฉพาะพวกกลุ่มวิชาชีพ สาขาชีพทั้งหลาย เราจะรักษาผลประโยชน์แต่ละอาชีพได้อย่างไร เป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าผมเป็นกรรมกร เป็นผู้ใช้แรงงาน ผมไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่านักธุรกิจเนี้ย เขาต้องการอะไร ใช่ไหม ผมก็ไม่สามารถจะไปรู้ได้ว่าสื่อมวลชนต้องการอะไร ผมก็ไม่สามารถจะไปรู้ได้ว่าแพทย์ต้องการอะไรนะครับ ชาวสลัมต้องการอะไร เพราะฉะนั้นเนี้ยแต่ละกลุ่ม แต่ละคน จำเป็นที่จะต้องสร้างในสิ่งที่เราต้องการออกมานะครับ ต้องรักษาผลประโยชน์ของแต่ละกลุ่ม อันนี้เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องเสียหายนะครับ

ทุกคนเนี้ยมีสิทธิ์ที่จะปกป้องชีวิตและก็สร้างสรรค์ชีวิตดีกว่าได้ ไม่ใช่เรื่องที่น่าเกลียด เพราะฉะนั้นในเวทีของการเมืองใหม่ เวทีของการพูดคุยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็เลยเสนอเรื่องของตัวแทนกลุ่มสาขาอาชีพจะเข้ามามีบทบาททางการเมือง จะเข้ามาระดับไหน อย่างไรนั้น เป็นเรื่องที่มันได้ข้อสรุปแล้ว แต่ว่ารายละเอียดก็ยังคงจะต้องหากันต่อไปนะครับ ต้องหากันต่อไป

ในช่วงสถานการณ์ขณะนี้ ผมคิดว่าอยู่ในระหว่างของการฟักตัว และก็กำลังถามความเห็นของภาคประชาชน และสำรวจตรวจสอบกระบวนการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มันกว้างใหญ่ แล้วก็ฝังรากลึกแค่ไหน วันนี้เราได้ข้อสรุประดับหนึ่ง แต่หลังจากนี้ต่อไป ประเด็นเรื่องการเมืองใหม่จะต้องหยิบยกมาเพื่อที่จะพูดคุยกับพี่น้อง แล้วก็ทำเป็นประเด็นที่เป็นประเด็นหัวใจหลักสำคัญของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เราละทิ้งไม่ได้ เพราะฉะนั้นฝากพี่น้องประชาชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งประเทศด้วยนะครับ ช่วยกันขบคิดว่าทิศทางของการเมืองใหม่จะเป็นแบบไหน อย่างไรนะครับ รัฐบาลถ้าคิดว่าเรื่องของการเมืองใหม่เป็นประเด็นที่มันควรที่จะทำ ถ้าเห็นว่าประเด็นที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้นำเสนอไปแล้วนะครับ ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อสังคมจะเอาไปทำ เราก็ไม่สงวนลิขสิทธิ์ใช่ไหมครับพี่น้อง ใช่หรือเปล่า (ใช่) ก็เอาไปทำได้เลย

แต่ในขณะเดียวกัน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหยุดเรื่องนี้ไม่ได้ จำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะว่ามีหลายเรื่องหลายประเด็นที่ผมคิดว่าการเมืองบ้านเราในระบบแบบนี้ ไม่สามารถจะทำได้ แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงการเปลี่ยนผ่านการเมืองจากขั้ว จากการเมืองแบบเก่าไปสู่การเมืองใหม่ มันเป็นเรื่องที่เราอาจจะต้องใช้เวลา เพราะฉะนั้นเราจะต้องอดทน เพราะว่าสังคมไทยมันถูกครอบด้วยการเมืองเก่าๆ มาในลักษณะนี้เป็นเวลาช้านาน

เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนผ่านจากการเมืองแบบเก่าไปสู่การเมืองใหม่นั้น อยากให้พี่น้องได้ใจเย็น อยากให้พี่น้องได้ตระหนัก อยากให้พี่น้องได้ช่วยกันขบคิด และก็แลกเปลี่ยนในประเด็นต่างๆ ที่คิดว่ามันควรจะเป็น แล้วก็เคารพในความคิดของทุกฝ่ายด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะฉะนั้นแต่ละภาคส่วนได้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นกัน ผมคิดว่าร่างขณะนี้เนี้ยเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นขณะนี้อยู่ในระหว่างของกระบวนการที่จะรับฟัง เวลาลงพื้นที่นะครับไปจัดเวทีที่นู้น ที่นี่ ก็รับแนวคิด รับข้อเสนอแนะจากภาคส่วนต่างๆเข้ามาด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องของการเมืองใหม่จึงเป็นเรื่องสำคัญ

ในส่วนของสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เนี้ยนะครับ ก็มีข้อเสนอเป็นเอกสารสำหรับการเมืองใหม่ แล้วก็ได้ข้อสรุปไปค่อนข้างที่จะแจ่มชัดแล้วนะครับ แล้วก็ข้อเสนอเหล่านี้ก็ได้ยื่นต่อนายกรัฐมนตรีไปเรียบร้อยแล้ววันก่อน แต่ดูเหมือนว่านายกรัฐมนตรีก็ยังรู้สึกว่าจะยังตะขิดตะขวงใจอยู่พอสมควรนะครับ ผมพูดหลายครั้งแล้วว่าคุณอภิสิทธิ์ ก็ยังคงมีความเชื่อมั่นเรื่องของกลไกตลาด ยังคงมีความเชื่อมั่นเรื่องของตลาดเสรี อันนี้ก็ถกเถียงกัน ก็เคารพในความคิดของ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และก็เคารพในความคิดของใคร แต่ผมเชื่อว่าถ้าเรายืนอยู่บนผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง โดยไม่มีอะไรเป็นตัวแอบแฝงเนี้ย

เราจะเห็นว่าทรัพย์สมบัติ ทรัพย์สินของชาติเนี้ย มันควรจะมีวิธีการ วิธีจัดการอย่างไรนะครับ โดยไม่มีอะไรแอบแฝงเนี้ย เพราะฉะนั้นในส่วนของสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ที่เสนอไปก็คือ รัฐวิสาหกิจที่ถูกแปรรูปไปแล้วต้องเอาคืนกลับมา เพราะเรามีสัญญาเรื่อง ปตท. ใช่หรือเปล่า ว่าเราจะต้องเอาคืนกลับมาใช่หรือเปล่าพี่น้อง เพราะฉะนั้นวันนี้ก็จำเป็นที่จะต้องทำ เพราะฉะนั้นรัฐบาลประชาธิปัตย์ฟังเรื่องนี้แล้วเนี้ย ก็ต้องไปขบคิดด้วย ปตท. จะเอากลับคืนมาได้อย่างไรนะครับ

ถ้าคุณไม่เอาคืนกลับมาแน่นอนที่สุด ระยะเวลาหนึ่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะเราสัญญากันแล้วว่า รัฐวิสาหกิจที่ถูกแปรรูปไปแล้วต้องเอาคืนกลับมา แล้วไม่มีการแปรรูปอีกต่อไปนะครับ อันนี้เป็นพันธะสัญญาที่เราให้ไว้ต่อกัน เพราฉะนั้นรัฐบาลจะแปรรูปที่ไหน เราตกลงเราสัญญากันแล้วใช่ไหมว่าเราจะไปดาวกระจายที่นั่นทันทีใช่หรือเปล่า (ใช่)

เพราะฉะนั้นการประปาส่วนภูมิภาคที่กำลังที่จะมีการแปรรูปที่หาดใหญ่ วันนี้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่หาดใหญ่ก็จับมือกับสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสาขาหาดใหญ่ ก็ลงไปขับเคลื่อนทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่นะครับ แล้วก็จัดเวทีสัมมนา แล้วพรุ่งนี้ก็จะไปพูดที่เกาะพะงันด้วย ประเด็นเรื่องของการแปรรูป เพราะว่าเกาะสมุยก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะถูกแปรรูป ประปาส่วนภูมิภาคให้กับเอกชน

เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จึงจำเป็นที่จะต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นเมื่อรัฐบาลคิดจะแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เพราะว่ากฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในกฎหมาย 11 ฉบับ หรือว่ากฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ออกในรัฐบาลประชาธิปัตย์เมื่อปี พ.ศ. 2542 พี่น้องคงจำได้นะครับ มาวันนี้รัฐบาลประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเนี้ยมีความกล้าอย่างเพียงพอหรือเปล่า

คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือใครต่อใครเนี้ย กล้าอย่างเพียงพอหรือเปล่าที่จะยกเลิกกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจที่เป็นเครื่องมือให้กับมีการขายรัฐวิสาหกิจ กล้าอย่างเพียงพอหรือเปล่านะครับ นี่เป็นคำท้าทาย ถ้าคุณเชื่อว่าจะรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนได้นะครับ กฎหมายตัวนี้เป็นอุปสรรคอย่างแน่นอน ยกตัวอย่าง อย่างเช่น ปตท. และก็หลายๆ แห่ง ที่เกิดปัญหาเหล่านี้ อันนี้ก็เป็นคำถามท้าทายไปถึงรัฐบาล แต่อย่างไรก็ตามการต่อสู้ของเราคงจะไม่ได้ฝากความหวังไว้กับใคร เพราะว่าบทเรียนของเราที่ผ่านมา เราสรุปชัดเจนแล้วว่า การวาด การหวัง การฝาก การฝังอนาคตไว้กับคนใดคนหนึ่งเนี้ย มันไม่สามารถที่จะตอบโจทย์ของทางสังคมได้ ไม่สามารถตอบโจทย์ของภาคประชาชนได้

เพราะฉะนั้นมีอย่างเดียวก็คือประชาชนต้องลุกขึ้นมาสู้ เพื่อไปสู่การเปลี่ยนแปลงการเมืองแบบประชาภิวัฒน์ การเมืองแบบมีส่วนร่วมประชาชน ทุกภาคส่วนแล้วกำหนดอนาคตของเรา กำหนดวิถีชีวิตของเราเองว่าวิถีชีวิตของเรา อนาคตของเราจะเดินไปในแนวทางไหน ร่วมกันขบคิดแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ผมเชื่อว่ามันจะสร้างคุณูปการ จะสร้างการเมืองไทย จะพัฒนาการเมืองภาคประชาชนให้มีความเข้มแข็งต่อไป ผมมีความเชื่อมั่น ผมไม่มีความเชื่อมั่นใครเลยในตัวผมเนี้ยนะครับ จากนักการเมือง หรือกลุ่มอะไรก็แล้วแต่ แต่ผมมีความเชื่อมั่นในพลังของพี่น้องประชาชนจริงๆ ถ้าพี่น้องตื่นขึ้น พี่น้องมีองค์ความรู้อย่างเพียงพอ เข้าถึงข้อมูลอย่างทั่วถึง ผมคิดว่าพี่น้องประชาชน นักการเมืองไม่ได้มีความเฉลียวฉลาดไปกว่าพี่น้องประชาชน

เพราะฉะนั้นวันนี้เราได้สร้างคุณูปการ เราได้ยกระดับการต่อสู้ภาคประชาชนขึ้นมาแล้ว เพราะฉะนั้นเราจำเป็นที่จะต้องทำต่อ เราจะเป็นอะไรก็ได้ในวันข้างหน้า แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต้องร่วมกันสร้างสังคมใหม่เพื่อความผาสุกของพี่น้องประชาชนนะครับ ทุกๆ คนให้มีความอยู่ดี กินดี ทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมดต้องจัดสรรเพื่อคนส่วนใหญ่ ผมว่าประเด็นเหล่านี้พี่น้องคงจะเห็นด้วยใช่หรือเปล่า (เสียงมือตบ) นะครับ

อันนี้ถ้าเสียงมือตบดังขึ้นก็เป็นคำยืนยันจากพี่น้อง ตบดังๆให้พี่น้องทางบ้านได้ฟังหน่อยครับ (เสียงมือตบ) เอาละครับ ขอบคุณมาก เป็นความคงเส้นคงวามาทุกครั้ง มาเจอพันธมิตรฯ ถึงแม้ไม่มากเท่าทำเนียบรัฐบาล ดอนเมือง สุวรรณภูมิ แต่ว่าผมคิดว่าการยืนหยัด การยืนอยู่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อันนี้เป็นพลังอย่างสำคัญในการที่จะจัดวางความสัมพันธ์ในสังคมให้เห็น

เพราะฉะนั้นถ้าพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้สร้างพลังเหล่านี้อย่างเข้มข้น ผมก็มีความเชื่อมั่นว่าการเมืองไทยต้องเป็นไปในทิศทางที่คิดว่าเป็นความปรารถนาของพวกเราอย่างแน่นอน แต่ที่สำคัญอย่าฝากความหวังไว้กับใครคนใดคนหนึ่ง พวกเราต้องช่วยกันคิด ร่วมกันทำ ร่วมกันสร้างนะครับ แล้วอนาคตของเราจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ขอบคุณมากครับ (เสียงมือตบ)

รายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ช่วงที่ 2

กรองทอง
- กลับเข้าสู่ช่วงที่ 2 ของรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนะคะ ยังคงอยู่ในบรรยากาศที่เรียกว่า เหมือนกับยกเวทีมาอยู่ที่นี่นะคะ พี่น้องยังคงมาให้กำลังใจ มาร่วมฟังการปราศรัย และรับฟังรับทราบข้อมูลต่างๆ แต่พี่น้องทราบหรือเปล่าว่า ตอนนี้พี่น้องรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีคู่แข่งมาชิงเรตติ้งแล้วนะคะ ดีทีวี วันนี้เขาออกอากาศเป็นวันแรก แล้วก็รายการเรียกว่ามาชนกับรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเลย จะเป็นช่วงของรายการความจริงวันนี้ ถ้าเกิดว่าเขาไม่มีอะไรเปลี่ยนผังนะ เขาจะมาออกอากาศช่วงประมาณ 3 ทุ่ม ถึง 4 ทุ่ม ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะเป็นความตั้งใจหรือเปล่าไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆคือเราไม่ลงไปเปรียบเทียบด้วยแน่นอน แต่เขาก็บอกว่าเขาจะตั้งใจมาปะทะกับ ASTV เนี่ยแหละ เราเป็นสีเหลือง เขาก็จะเป็นสีแดง ดีทีวี เขาบอกว่าเขาย่อมาจากอะไร พี่น้องทราบไหมคะ (Dog TV) อันนี้ดิฉันไม่ได้พูดนะคะ บางคนก็บอกว่า แดงทีวี แต่จริงๆก็คือ Democracy Television แต่ว่าก็แล้วแต่ตามอัธยาศัยพี่น้อง เราจะเรียกว่าตัวดีเขาเป็นอะไร บางคนเขาเรียกว่าตัว Devil ก็มี บางคนบอกว่า Demoไม่มี เหลือแค่ crazy ละกัน ก็มาดูกันต่อไปว่าเขามีการทดลองออกอากาศวันนี้เป็นวันแรกแล้ว

ส่วนเรื่องที่ข่าวที่เราจะมาพูดในวันนี้อีกวันที่ต้องดู และพูดถึง คือวันนี้ ทางตำรวจเขาได้มีการจัดงานสัมมนากันที่สโมสรตำรวจ ในหัวข้อว่า "องค์กรตามรัฐธรรมนูญกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ" เขาบอกว่า ที่เราต้องมีการจัดสัมมนาครั้งนี้ขึ้น เพื่อที่จะมีการอภิปรายกันในวงสาธารณะ สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ 7 ตุลาคม ที่มีการสลายการชุมนุม เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ มีผู้บาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก เขาบอกว่าตำรวจรู้สึกเสียขวัญ เสียกำลังใจ และตกเป็นจำเลยของสังคม ทำให้หลายคนก็รู้สึกว่าไม่เข้าใจตำรวจ และตำรวจเองก็ท้อแท้กับการปฏิบัติหน้า เลยต้องมีการจัดงานอภิปรายกัน มีการเชิญประชาชน นักวิชาการ รวมทั้งตำรวจมาร่วมในงานนี้ด้วย แต่ตามกระแสข่าว ตามรายงานข่าวก่อนหน้านั้น มันก็เหมือนกับว่ามีจุดประสงค์แอบแฝง เพราะมีรายงานข่าวว่า เขาจะมีการรวบรวมรายชื่อตำรวจเพื่อจะไปถอดถอน ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน ที่ขณะนี้มีการไต่สวนเรื่องของเหตุการณ์สลายการชุมนุม 7 ตุลาคมเช่นกัน

ส่วนบรรยากาศภายในการประชุมนั้น ก่อนการประชุมเขาก็มีการเปิดเทปบันทึกภาพตำรวจฆ่าประชาชนที่ทางพันธมิตรฯ ASTV ได้มีการจัดทำเอาไว้ พี่น้องมีกันทุกคน ยิ่งดูมันก็ยิ่งปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เขาบอกว่า เขามีการเปิดวีซีดีแผ่นนี้ รวมทั้งมีการเปิดภาพข่าวจากสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นที่จะมาเปรียบเทียบกันว่าการนำเสนอข่าวของ ASTV กับการนำเสนอข่าวในวันที่ 7 ตุลาคม ของช่องอื่นเป็นอย่างไร ที่สำคัญในวันนี้ผู้ที่มาร่วมงานมีหลายคนด้วยกันคะ ที่เด่นๆ เจ้าภาพซึ่งเป็นอดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ พล.ต.อ.วิสุทธิ์ กิตติวัฒน์ ในฐานะของนายกสมาคมตำรวจ ก็เป็นผู้จัดงานนี้ขึ้น ส่วนคนอื่นๆ ก็มี พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ อดีตผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 คนนี้ถูกออกจากราชการไปแล้ว หลายคนจำได้ ที่ปล่อยให้อันธพาลมาทำร้ายประชาชนในวันที่ 21 สิงหาคม 2549 หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แล้วถูกให้ออกจากราชการ ไล่ตามหลัง โอ๋ 16 ไปเลย แต่โอ๋ 16 อาจจะโชคร้ายกว่าหน่อย เพราะความผิดมันชัดเจน อันนี้ถูกตัดสินจำคุก แต่ว่ารอลงอาญา แต่สำหรับ พล.ต.ต.มานิต ถูกให้ออกจากราชการ แต่ก็ยังพยายาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการมาร่วมสัมมนาครั้งนี้ของ พล.ต.ต.มานิต ได้ร้องขอให้ทุกคนช่วยให้ตนเองกลับเข้ามารับราชการด้วย อันนี้คือ หนึ่งประเด็นของเขา ที่เขามารวมตัวกัน วันนี้ไม่รู้ว่าฝนตก หรือขี้หมูไหลหรือเปล่าพี่น้อง

สำหรับเรื่องที่มีการรวบรวมรายชื่อถอดถอน ผู้สื่อข่าวได้ถามนายกสมาคมตำรวจ พลต.อ.วิสุทธิ์ เช่นกัน ซึ่งท่านก็ยอมรับว่ามีการรวบรวมรายชื่อถอดถอน ป.ป.ช.จริง แต่ก็อ้างว่าตำรวจที่รวบรวมรายชื่อมาในงานนี้ก็เพราะทราบข่าวจากสื่อมวลชนนั่นแหละ ทางตำรวจ หรือทางผู้บังคับบัญชาไม่ได้มีการออกหนังสือเวียน หรือไม่ได้มีการบังคับ ให้ตำรวจรวบรวมรายชื่อถอด ป.ป.ช.เลย ทุกอย่างก็เป็นไปตามสิทธิของตำรวจ ถ้าเขารู้สึกว่าเขาอยากจะเรียกร้องก็สามารถทำได้ และอีกคนที่มาร่วมในงานนี้คือ สล้าง บุนนาค เขาก็บอกว่าอย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.วิสุทธิ์ ก็บอกว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีการรับรายชื่อ และหลักฐานที่จะยื่นถอดถอน ป.ป.ช.แต่อย่างใด แต่ถ้าเกิดว่ามีการส่งรายชื่อมาจริง ก็คงจะมีการขอมติจากทางตำรวจอีกทีว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร

แต่ผู้สื่อข่าวก็มีการไปตั้งข้อสังเกตเอาไว้บอกว่า ก่อนการเริ่มงานคือที่จุดลงทะเบียน จะมีให้ตำรวจ หรือผู้ที่มาร่วมงานได้ลงชื่อ ลงทะเบียน นอกจากลงชื่อแล้ว ให้ยื่นบัตรประชาชนด้วย ปกติการลงทะเบียนหน้างานก็ลงชื่อ ลงทะเบียน ชื่ออะไร นามสกุลอะไร หน่วยไหน สังกัดไหน แค่นั้นจบ เขาบอกว่างานนี้ให้ยื่นสำเนาบัตรประชาชนด้วย แล้วก็มีการเก็บรวบรวมสำเนาบัตรประชาชน ผู้สื่อข่าวพยายามจะถามต่อว่า แล้วจะเก็บไปไหน ผู้จัดงานก็ได้แต่ปฏิเสธ และตอบเลี่ยงไป ก่อนการจบการสัมมนาเพียง 20 นาที ก็ยังคงมีตำรวจมาลงชื่อ พร้อมกับบางส่วนมีการแพ็กเอกสารบางอย่างอยู่ในห่อขนาดใหญ่สีน้ำตาล ซึ่งเขาก็ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าลงชื่อเพื่อลงทะเบียน สัมมนาจบแล้วนะคะ จะลงชื่อกันเพื่ออะไรอีก แล้วนี่คือต้องการจะทำอะไรกันแน่

เอาเป็นว่า ถ้ามีการถอดถอน ป.ป.ช.เกิดขึ้นจริง ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน ขั้นตอนจะเป็นอย่างไร ได้รับการเปิดเผยให้ข้อมูลมาจาก พ.ต.อ.สนธยา แสงเภา ส.ว.สรรหา บอกว่าตามกฎหมายต้องรวบรวมรายชื่อให้ได้ 20,000 รายชื่อ จากนั้นจะยื่นต่อประธานรัฐสภา เพื่อทำการวินิจฉัย ดูว่าถ้ามีมูลเหตุจริง ก็สามารถพิจารณา และมอบหมายให้กรรมาธิการวุฒิสภาชุดใดชุดหนึ่งเข้าไปตรวจสอบได้ และจะสรุปเพื่อที่จะเอาเข้าที่ประชุมของ ส.ว.จากนั้นก็จะเป็นเอกสิทธิของ ส.ว.ทั้ง 150 คนว่า จะมีมติให้ถอดถอน ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน หรือไม่ อันนี้คือเรื่องข้อกฎหมาย แต่มันมีเรื่องของจิตสำนึกและความเหมาะสม ไม่เหมาะสม บังควรไม่บังควรอย่างไร ทางด้านของ ส.ว.สรรหา นายวรินทร์ เทียมจรัส ก็ได้ให้เหตุผลไว้เหมือนกันว่า สำหรับเรื่องนี้ถ้ามีการเดินหน้าถอดถอน ป.ป.ช.ทั้ง 9 คนจริงนั้น บอกว่าตำรวจถือว่าเป็น 1 ในกระบวนการของกระบวนการยุติธรรม เป็นหน่วยงานที่มีผลได้ผลเสีย

เพราะฉะนั้นการที่ตำรวจออกมาปกป้องตัวเองเช่นนี้นั้น ถือว่าไม่เหมาะสม หรือว่าจะเป็น พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ก็ออกมาเรียกร้องเรื่องนี้เหมือนกัน บอกว่า อยากจะให้ตำรวจที่เคลื่อนไหวในเรื่องนี้พิจารณาถึงความเหมาะสมด้วย เพื่อรักษาสถาบันตำรวจให้เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง โดยส่วนตัวแล้ว พล.ต.อ.ประทิน บอกว่า ไม่เห็นด้วย เพราะเมื่อ ป.ป.ช.ทำหน้าที่ของตัวเองตามกฎหมาย ป.ป.ช.บอกว่าทำไปตามหลักฐาน พยานหลักฐานมีผู้ร้องเรียนก็ทำไป แต่ตำรวจมายื่นถอดถอนเช่นนี้ พล.ต.อ.ประทิน บอกว่า ไม่เห็นด้วย และที่สำคัญคือ เรื่องนี้ก่อนหน้านี้ถ้าเกิดจะมีการไล่ต่อๆ กันไป เราก็คงจะจำกันได้ที่ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ได้จะยื่นฟ้อง ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน เพราะว่า ป.ป.ช.กำลังไต่สวนเรื่องนี้อยู่ รวมทั้งคณะกรรมการสิทธิได้ส่งข้อมูลต่างๆ ให้ ป.ป.ช.เพื่อประกอบในการไต่สวนด้วย เพราะข้อหาร้ายแรงที่สุดของตำรวจที่เจอในการสลายการชุมนุม 7 ตุลาในครั้งนี้ก็คือ ฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งเป็นข้อหาร้ายแรงที่สุด และพยานหลักฐานมีให้เห็น มีแต่ตำรวจเท่านั้นมั้งคะ ที่ไม่เคยเห็นพยานหลักฐานนี้เลย พี่น้องทุกคนได้เห็นถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในวันนี้ และวันนี้ตำรวจบอกว่า เสียขวัญ เสียกำลังใจ รู้สึกว่าเป็นเหยื่อของสังคม คุณน่าจะมีทางอื่นใช่ไหมพี่น้อง ไปยื่นถอดถอนผู้บังคับบัญชาที่สั่งให้คุณยิงซิ หรือไปอะไรซิ ไม่ใช่มาทำใน 1 องค์กรอิสระ ที่เขากำลังจะทำเพื่อนำความยุติธรรมมาสู่ประชาชน แล้วเรื่องศักดิ์ศรีของตำรวจเขาบอกว่า ครั้งนี้ตำรวจเสียศักดิ์ศรีเหลือเกิน เรื่องของศักดิ์ศรีนั้น การที่คุณไล่ฟ้อง ถอดถอนคนอื่น มันไม่สามารถเรียกร้องศักดิ์ศรีคุณมาได้นะคะ มันขึ้นอยู่กับเวลาที่คุณจะต้องกู้ศักดิ์ศรีของคุณคืนมาเพื่อที่จะพิสูจน์ตัวของคุณเอง เรื่องนี้คงจะต้องมีการตามกันต่อว่า จะมีการถอดถอน ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน หรือไม่ ถ้าถอดถอนไป มี ป.ป.ช.ใหม่เกิดขึ้น จะไล่ถอดถอนกันไปอีกอย่างนั้นหรือสำหรับตำรวจ

เอาละคะ ในช่วงปราศรัยของเราในวันนี้ผู้ปราศรัยท่านที่ 2 ของเราคะ ขอเชิญพบกับ คุณชัยวัฒน์ สุรวิชัย ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเมือง สวัสดีคะ เชิญคะ

ชัยวัฒน์ - จงเชื่อมั่นในพลังของประชาชน จงเชื่อมั่นในความถูกต้อง และจงเชื่อมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมไปสู่สังคมใหม่ สวัสดีครับพี่น้องประชาชนชาวไทย และอย่างยิ่งชาวพันธมิตรฯ และผู้ที่กำลังรับชมรับฟัง ASTV ที่รักและเคารพครับ (เสียงมือตบ) ก่อนอื่นขอกล่าวสวัสดีปีใหม่ 2552 มายังทุกท่าน ขอให้ทุกท่านมีความสุข สุขภาพแข็งแรง มีกำลังใจที่เข้มแข็ง และมีพลังความคิด สติปัญญา และมีความพร้อมที่จะต่อสู้กับชีวิต และเหตุการณ์ที่กำลังจะผ่านเข้ามาในปี 2552 นี้ การจะก้าวไปอย่างมั่นคง เป็นไปเพื่อผลประโยชน์สุขของตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม เพื่อประเทศชาติ

ก่อนอื่นเราต้องหันกลับไปทบทวนอดีตที่ผ่านมา เก็บรับบทเรียนนำมาแก้ไขปรับปรุง และทำให้ดีขึ้น ให้ดีกว่าสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ดีงามต้องทำต่อไป ส่วนที่บกพร่องผิดพลาดจะต้องแก้ไข ต้องศึกษาให้รู้ว่าสาเหตุคืออะไร เพื่อที่จะสามารถมาแก้ไขได้ อาศัยความผิดพลาด และความล้มเหลว เป็นแม่ เป็นครู ของความสำเร็จ ปีที่ผ่านมา

กล่าวโดยสรุป พี่น้องประชาชนชาวไทยได้สร้างประวัติศาสตร์ ได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้น คือการเอาชนะระบบทักษิณ และนอมินีได้ และได้สร้างพื้นฐานของประชาธิปไตยในส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นงานใหญ่ เป็นงานช้าง ต้องร่วมไม้ร่วมมือสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อทำงานสร้างชาติ สร้างประชาธิปไตย สร้างรอยยิ้ม และความสุขให้กับพี่น้องร่วมชาติต่อไป

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นไม่ใช่ว่าพวกเราเก่งกาจ หรือมีความสามารถสูงส่งแต่อย่างใด แต่เกิดจากความคิด จิตสำนึก และการกระทำ 1.เราไม่ยอมทนให้อำนาจเผด็จการโกงกิน และใช้อำนาจทลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนได้อีกต่อไปใช่ไหมครับ เราต้องการความถูกต้อง เป็นธรรม และการรักษาชาติบ้านเมืองของประชาชนไว้ 2.เรามีจิตใจที่กล้าหาญ กล้าต่อสู้ เสียสละ และการรวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นเครือข่าย เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ต่อสู้ เอาธรรมะชนะอธรรมโดยไม่ยอมแพ้

3.การที่เรามีแกนนำที่มีศักยภาพ มีทั้งจาก 5 แกนนำพันธมิตรฯ ผู้ประสานงาน แกนนำรุ่น 2 รุ่น 2 มีกองทัพธรรม มีการ์ดที่เข้มแข็ง และผู้นำอื่นๆ ทั้งในระดับชาติ ระดับจังหวัด และระดับท้องถิ่น และการหนุนช่วยอย่างไม่ขาดสาย จากคนทุกหมู่ทุกอาชีพ ทั้งมีเงิน มีทรัพย์ มีปัญญา มีความรู้ มีพลังมือตบ ประเภทที่ขาดอะไร ต้องการเช้าได้เย็น และเต็มออก เต็มออก ใช่ไหมครับ (เสียงมือตบ) สิ่งที่สำคัญคือเราจะต้องรักษาจิตใจและการปฏิบัติที่เอาจริงเอาจังเช่นนี้ต่อไป ทั้งในระดับชาติ ในระดับท้องถิ่น เรารักกันประเภทที่เรียกว่า รักระหว่างรบ และสร้างมิตรภาพและความเป็นยิ่งกว่าเพื่อนระหว่างกัน ห่วงหา และคิดถึงกัน เหงา และว้าเหว่ ไม่ได้เจอกัน มีเงื่อนไข และโอกาส จึงมาร่วมกันด้วยความรักความร่าเริง และความสุข

และสุดท้ายสำหรับบทเรียนที่ผ่านมาก็คือว่า ขอสดุดีและยกย่องวีรชนอาจหาญเสียสละ เพื่อนมิตรได้ใช้ชีวิตอย่างยิ่งใหญ่ มิใช่เพื่อตนเอง แต่เป็นเพื่อคนอื่น เพื่อส่วนรวม เพื่อสังคม และประเทศชาติอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา ขอแสดงความเสียใจ เห็นใจต่อวีรชนที่บาดเจ็บ และทนทุกข์ทรมานจากการปฏิบัติภาระหน้าที่อันมีเกียรติยิ่งนี้ และขอขอบคุณสำหรับผู้ที่บริจาคเงินช่วยเหลือผู้มีน้ำใจไปเยี่ยมเยียนอย่างต่อเนื่อง และอีกส่วนที่ประทับใจก็คือ พันธมิตรฯ ยังคงติดตามชื่อ และมีคนดูแล รวมทั้งแสดงความเสียใจต่อผู้ประสบอุบัติเหตุ และเคราะห์กรรม จากการเดินทาง อุบัติเหตุไฟไหม้ ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หลายร้อยคน

สถานการณ์ในการเมืองในปีฉลู หรือปีวัว จะเป็นโคนันทวิศาล โคชน หรือโคถูกเชือด การเมืองที่เปลี่ยนขั้วจากรัฐบาลนอมินีทักษิณ สมัคร และสมชาย ที่เสื่อมสุด มาเป็นรัฐบาลมาร์ค อภิสิทธิ์ ที่ดูผุดผ่อง กลุ่มเพื่อนเนวิน พรรคร่วมฯ เป็นเรื่องที่มีผลดีชั่วคราว จะเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ต่อประชาชน และประเทศชาติอย่างถาวรหรือไม่ จะพัฒนาให้ก้าวหน้าต่อไป หรือหันกลับไปสู่ภาวะไม่มีสงคราม แต่ก็ไม่มีสันติภาพ เหมือนอีกเดิมหรือไม่ ที่จะเป็นการทำลายโอกาส หรือซ้ำเติมประเทศ

รัฐบาลอภิสิทธิ มีโอกาสที่ดี ที่ประชาชนส่วนใหญ่ให้โอกาส ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่หนักหน่วง ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ สังคมแตกแยก การเมืองที่ขัดแย้งไม่ลงตัว แต่อ่อนกำลังลงในส่วนของฝ่ายค้าน และคุณภาพของสังคม และทุกคนที่อ่อนแอ จะพัฒนากันต่อไปอย่างไร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนักการเมืองสากล โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลก และความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชา ปัจจัยหลักคือสถานการณ์ภายในประเทศ พิจารณาจากดุลของสังคม การเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลง คือดุลสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลมีมากกว่า ทำให้ฝ่ายรัฐบาลได้เปรียบ ขณะที่ฝ่ายค้านเสื่อมทรุด

แต่ยังต้องพิจารณาปัจจัยที่สำคัญที่เกี่ยวข้องดังนี้ เรื่องที่ 1 คือเรื่องนายกฯอภิสิทธิ์ และพรรคร่วมรัฐบาล เรื่องที่ 2.อดีตนายกทักษิณ และพรรคร่วมฝ่ายค้าน กลุ่มเสื้อแดง เรื่องที่ 3 คือบทบาทของพันธมิตรฯ ASTV และผู้สนับสนุน และประการที่ 4 คือกลุ่มธุรกิจ นักวิชาการ NGO องค์กรภาคประชาชน และองค์กรเกษตรกร

ในส่วนแรก นายกฯ อภิสิทธิ์ และพรรคร่วมรัฐบาล ต้องดูที่บทบาท และท่าทีของนายกฯ อภิสิทธิ์ ต้องดูบทบาทของพรรคหลัก คือพรรคประชาธิปัตย์ และดูบทบาทของพรรคร่วมรัฐบาล บทบาทของพรรคการเมือง และระบบรัฐสภาไทย การอยู่หรือไป อยู่ที่ท่าที และความเป็นเอกภาพของรัฐบาล 1.ท่าที ถ้าพรรครัฐบาล นายกฯ ครม. ไม่สร้างปัญหาวิกฤตอื่น คือการคอร์รัปชั่น โกงกิน การใช้อำนาจ ท้าทายสถาบัน และประชาชน หรือคดีการเมืองใหญ่ๆ โดยรัฐบาลทักษิณ สมัคร สมชาย ก็คงจะอยู่ต่อไปได้

2.แต่ปัญหารัฐบาลอภิสิทธิ์ ยังอยู่ที่วิกฤตของวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งใหญ่ และโหดมาก จากวิกฤตเศรษฐกิจของโลก ประวัติศาสตร์ที่มีการเกิดภาวะถดถอยครั้งใหญ่ทางเศรษฐกิจ เช่นในปี 2473 - 2475 จะทำให้เกิดผลทางการเมือง คือการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ.2475 ครั้งนี้ รัฐบาลอภิสิทธิ์ จะแก้ไขได้หรือไม่ วิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตสังคม และวิกฤตการเมือง

ประเด็นที่ท้าทายใหญ่ 2 ประการคือ 1.จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าทางเศรษฐกิจได้ไหม 2.การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจะเป็นการแก้แบบขอไปที ขายผ้าเอาหน้ารอด หรือแก้ได้อย่างยั่งยืน โจทย์ก็คือว่า การแก้จะแนวทางอะไรแก้ แนวทางเสรีนิยม กลไกตลาด หรือการบริโภค ที่อาศัยกลุ่มธุรกิจ กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มบริการ หรือแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ที่เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่กว้างขวางและครอบคลุม

แน่นอน รัฐบาลคงไม่สามารถใช้แนวทางอย่างเดียวได้ แต่ทางที่ถูกต้อง และเป็นการแก้ปัญหาที่แท้จริง จะต้องมีแนวโน้มพัฒนาไปสู่แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงให้มากขึ้น จะเป็นการลดช่องว่าง และกระจายความเป็นธรรมให้มากขึ้น นายกฯ อภิสิทธิ์ จะกล้าหาญชาญชัยหรือไม่ ประชาชนเฝ้าอยู่ และให้กำลังใจ

ส่วนที่ 2 คือกลุ่มอดีตนายกฯ ทักษิณ และกลุ่มฝ่ายค้าน และพลพรรคเสื้อแดง สภาพข้อเท็จจริง จากการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล การเลือกตั้ง ส.ส.29 คน และการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ที่เห็นว่าดุลกำลังการเมืองเริ่มเปลี่ยนแปลง จากดุลที่กำลังยันกัน พอๆ กัน ไม่มีใครแพ้ใครชนะในยุคทักษิณ หรือสมชาย แต่จากการเดินหมากที่ผิดเพียงก้าวเดียวทำให้แพ้ทั้งกระดาน คือจากรัฐบาลมาเป็นฝ่ายค้าน จากการที่อิ่มหมีพีมัน มาอดอยาก มาเป็นดุลกำลังที่ฝ่ายขั้วใหม่ รัฐบาลอภิสิทธิ์มีกำลังมากขึ้น เป็นต่อมากขึ้น เสียง ส.ส.มากขึ้น ร่วม 260 เสียง กับ 200 ต้นๆ การสนับสนุนจากธุรกิจ และประชาชนมากขึ้น จากการไม่เอาทักษิณ กับการอยากจะให้มีการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ และการเมือง

3.กลุ่มอดีตทักษิณ พรรคฝ่ายค้าน กลุ่มเสื้อแดง อ่อนแอ และถดถอย และเสื่อมทรุดลง แต่ฝ่ายในส่วนของอดีตนายกฯทักษิณ การไม่อยู่ในเมืองไทยไม่สามารถกุมสถานการณ์ได้อย่างเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ มีทั้งของจริง และของปลอม เรียกว่าถูกหลอกไปแยะ เรื่องเงินทอง ทุนก็ลดลง หดหายลงไป ถูกอายัดทรัพย์ ฟังดูตัวเลขที่คุณทักษิณ มีเงินมีทองจากการเป็นช่วงรัฐบาล 6 ปีนั้น เก่งกาจขนาดไหน จึงมีเงินมากมายขนาดนี้ ถูกอายัดทรัพย์ 76,000 ล้าน ถูกรัฐบาลอังกฤษที่มีข่าวว่าอายัดทรัพย์ 140,000 ล้าน ถูกรัฐบาลสวิสอายัดทรัพย์ไม่ทราบจำนวน เจ๊งหุ้น เก็งกำไรการเงิน เงินทั้งหมดเหล่านี้นั้น เป็นเงินหลายแสนล้านบาท น่าเสียดายน่าจะเอามาพัฒนาประเทศชาติ

เพราะเป็นเงินที่ถูกกล่าวหาว่าโกงชาติโกงประชาชนไปทั้งสิ้น ทักษิณก็อำนาจบารมีหายไปมาก ตดแล้วก็ไม่มีเสียงดังแล้วตอนนี้ ทั้งใน และต่างประเทศ จากการถูกคดีติดคุก หนีอาญาแผ่นดิน จากการยโส โอหัง พูดท้าทายสถาบันและประชาชนอย่างไม่หยุด ในส่วน ส.ส.พรรคเพื่อไทย เกิดความแตกแยก กลุ่มเนวิน พินิจ ปรีชา สรอรรถ ไพโรจน์ แตกแยกออกมา กลุ่ม ส.ส.อีสาน กับกลุ่ม ส.ส.ภาคเหนือ ก็แตกกัน กลุ่ม ส.ส.ที่เป็นสายเลือด กับสายผลประโยชน์ก็แตกกัน ส.ส.ส่วนใหญ่ ไม่พอใจบทบาท 3 เกลอหัวแข็ง หรือกลุ่มแกนนำเสื้อแดง ที่ทำให้เสียคะแนน

หลายๆ คนที่เป็นรุ่นน้องใน ส.ส.พรรคเพื่อไทย บอกว่าที่มันแพ้ เพราะเหตุว่าไปกระทำการที่องอาจ ไม่ถูกต้อง ไม่ดี ไม่งาม ทำให้เสียคะแนนจากการทะลึ่ง หยาบ ป่าเถื่อน กลุ่มเสื้อแดงยังโงหัวในกระดองเต่า ไม่เห็นแสงตะวัน ไม่เห็นความถูกต้อง ยังคงหยิ่งยโส พูดจาจาบจ้วงผู้คนไปทั้งหมด


ส่วนที่ 3 ก็คือ บทบาทของพันธมิตรฯ และ ASTV และผู้สนับสนุน ตอนนี้บทบาทหลักยังคงเป็นไปได้สวย ได้ดี กำลังสะสม และรอคอยโอกาส ควรที่จะกระชับ รวมพลังให้เป็นเครือข่ายพัฒนาไปสู่การเป็นสถาบันของภาคประชาชน ใช้สติปัญญาและความรู้ อาจจะมีการจัดสัมมนา อบรม เพื่อเสนอแนวทางการเมืองใหม่ เสนอสิ่งที่ดีงามมาแก้ไขปัญหาประเทศชาติ ส่วนที่ 2 ควรจะมีการตรวจสอบการบริหารนโยบาย การคอร์รัปชั่นโกงกิน การใช้อำนาจโดยมิชอบของภาครัฐ ส่วนที่ 3 คือต้องเน้นการพัฒนาท้องถิ่น จังหวัด และชุมชน

นี่ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ หลายจังหวัด ผมเป็นคนลำปาง ในจังหวัดที่ภาคเหนือที่ลำปาง ช่วงสมัยคุณทักษิณบริหารอยู่ บริหารแบบอำนาจ งบประมาณในภาคต่างๆ จังหวัดภาคเหนือลดน้อยหายลงไป เอาไปทุ่มที่ จ.เชียงใหม่ อาจารย์ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็ไม่พอใจ เพราะทำให้เชียงใหม่รกรุงรังไปหมด แทนที่จะมีความเจริญ พัฒนา ปรากฏว่าไม่ชอบ

เพราะฉะนั้นก็คือว่า เราต้องเสนอ ผมคิดว่าในส่วนของพันธมิตรฯ เรามีพันธมิตรฯ ในจังหวัดต่างๆค่อนข้างจะมาก เน้นให้พันธมิตรฯ พัฒนาท้องถิ่นของตนเอง เพราะคนในท้องถิ่นย่อมรัก และหวงแหนคนในท้องถิ่น เน้นในเรื่องนี้ ถ้ากำลังในท้องถิ่นมีความเข้มแข็งและพัฒนา จังหวัดนั้น ภาคนั้นเข้มแข็งขึ้นแน่นอน นั่นคือผลสำเร็จที่จะเกิดการเมืองใหม่ขึ้น และจะเป็นชัยชนะของประชาชนอย่างแท้จริง

ส่วนสุดท้ายต้องเน้นการพัฒนา สร้างความเข้มแข็งของเกษตรกร ของผู้ใช้แรงงาน ของคนยากจนคน ของผู้บริโภค นักวิชาการ ธุรกิจ ทำทั้ง 3 ส่วนนี้ มันก็จะเกิดความเข้มแข็งที่เป็นจริง ส่วนสุดท้ายก็คือว่า ธุรกิจ นักวิชาการ เอ็นจีโอ ภาคประชาชน เกษตรกร จะต้องถือเป็นโอกาส จะต้องพัฒนาทัศนคติ พัฒนาศักยภาพ รวมกันเป็นกลุ่มเป็นเครือข่าย ว่าประเทศชาติต้องการกำลังสติปัญญา ความสามารถ และพลังของพวกเรา อย่าเพียงแต่ต่อสู้รวมพลังเฉพาะสถานการณ์ที่ผ่านมา และหยุดพักผ่อนไม่ทำอะไรต่อ เราต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เวลานี้เป็นโอกาสที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศชาติได้ ถ้าไม่แก้ หยุด ไม่ทำอะไร โอกาสจะหมดไป ประชาชาติ สังคม จะวิกฤตไม่มีทางแก้ สุดท้ายจะสิ้นชาติ แผ่นดิน อายลูกอายหลาน เราจะต้องสร้างสถาบันของเราเองขึ้นมา โดยเฉพาะในส่วนของคนที่เสียเปรียบเรื่องสภาเกษตรกรแห่งชาติ เราจะต้องเน้นในการพึ่งตนเอง มีพลัง ความสามารถ อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ เราต้องเชื่อมั่นในพลังของประชาชน กำหนดอนาคตด้วยพลังของประชาชน

ในส่วนข้อเท็จจริงที่ประชาชนควรจะเข้าใจและรับรู้คือว่า ในส่วนของพวกเสื้อแดง จะอ้างสิทธิ์ที่จะด่าทอ ปาไข่ จะทำการในเรื่องที่ราวีต่อ นายกรัฐมนตรี และ ส.ส. ทำให้การบริหารประเทศชาติ การแก้ไขปัญหาติดชะงัก ได้ล่าออกไปและไม่ทันการณ์ ผลเสียคืออะไรครับ ผลเสียก็คือจะตกกับประชาชน และประเทศชาติ แล้วประชาชนกลุ่มที่เสียเปรียบในสังคม เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา และผู้ยากจน และเสียเปรียบในสังคมและชนบท พวกเสื้อแดงคุณรับผิดชอบในสิ่งเหล่านี้ไหวหรือไม่ พวกเสื้อแดงที่อ้างเรื่องว่าสีเหลืองทำได้ แต่ความจริงก็คือ ฝ่ายสีเหลืองเป็นฝ่ายธรรมะ เป็นผู้ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ และคัดค้านคนโกงชาติทำลายบ้านเมืองผู้ทำผิดกฎหมาย เป็นนักโทษ เป็นอาชญากรแผ่นดิน ที่หนีคดีไม่ยอมมารับผิด ไม่สำนึก ขณะที่ฝ่ายเสื้อแดงเป็นฝ่ายอธรรม เป็นฝ่ายปกป้องคนผิดเพียงคนเดียว เพื่อหวังผลประโยชน์ อำนาจ เงินตราเพื่อตนเอง ดูซิครับ ร่ำรวยขึ้นจากไม่มีอะไร มีอำนาจมากขึ้น หยิ่งยโสมากขึ้น หัวเหลี่ยมมากขึ้น

เพราะฉะนั้นจะต้องสิ่งเหล่านี้นะครับ ขอให้พวกเสื้อแดงโดยเฉพาะหัวโจกคือทักษิณ ก้าวออกมาจากหลุมดำแห่งโลภ โทสะ โมหะ มาอยู่บนแสงสว่างที่บริสุทธิ์ สูดลมอากาศแห่งสติปัญญา และผลประโยชน์ของชาติ บ้านเมือง เพื่อที่จะได้รู้ เข้าใจตนเอง มองเห็นความผิดและโทษมหันต์ที่ตัวเองก่อไว้ มิใช่มองตัวเองถูก แล้วโยนความผิดให้ผู้อื่น จงยอมชดใช้กรรมที่ก่อไว้ อย่าอาฆาตมาดร้ายคนอื่นเลย แล้วจะรับอภัย สิ่งที่จะเรียกร้องต่อรัฐบาลนะครับก็คือว่า นายกอภิสิทธิ์ จะต้องกุมโอกาสให้มั่น เชื่อมั่นในพลังของประชาชน เชื่อมั่นในความถูกต้อง และเชื่อมั่นในการเปลี่ยนแปลง ให้แก้ปัญหาบนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกหมู่เหล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรผู้ใช้แรงงาน ผู้เสียเปรียบ โดยรับฟังและตั้งคณะกรรมการของภาครัฐ ของภาคประชาชน ใช้แนวทางเศรษฐกิจและการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ลดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจน คนเมืองกับชนบท ภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ และภาคบริการกับภาคเกษตรกร ใช้โอกาสนี้แก้ไขปฏิรูปการเมืองเศรษฐกิจและสังคม โดยหยุดยั้งการเมืองเก่าที่เป็นผลประโยชน์ของนักการเมือง และกลุ่มการเมือง สร้างการเมืองที่เข้มแข็งเป็นผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง โดยมีตัวแทนของประชาชนทุกอาชีพและผู้เสียเปรียบเข้ามามีอำนาจตัดสินใจทางการเมือง ต้องเน้นการกระจายอำนาจและส่งเสริมการพัฒนาท้องถิ่น จังหวัดให้เข้มแข็ง โดยสรุปก็คือว่า นายกอภิสิทธิ์ รัฐบาลชุดนี้จะต้องนำความเป็นธรรมไปแทนที่ความไม่เป็นธรรม ปัญหาความยากจนทุกยากไม่พัฒนาจนหมดไป

สุดท้ายครับ ขอให้พี่น้องประชาชนมีพลัง มีกำลังใจที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาอุปสรรค สามัคคีกัน ช่วยกันพัฒนาชุมชนท้องถิ่น และประเทศชาติ นี่คือความสุขและความสำเร็จอย่างแท้จริง อย่าหยุดที่จะทำความดี ขจัดความชั่วออกไปจากสังคม เชื่อมั่นในพลังประชาชน เชื่อมั่นในความถูกต้อง มั่นใจในการเปลี่ยนแปลง ธรรมะต้องชนะอธรรมครับ ขอบคุณครับ

คลิก! อ่าน"กษิต ภิรมย์"ให้สัมภาษณ์






กำลังโหลดความคิดเห็น