กกต.พิจารณาประกาศรับรองผลเลือกซ่อม ส.ส.26 เขตแล้ว พร้อมทยอยรับรองการเลือกตั้งในพื้นที่ที่ไม่มีปัญหา เผยข้อมูลเพื่อไทยเจอร้องคัดค้านแล้ว 4 เรื่อง ส่วนใหญ่ทุจริตใช้เงินจูงใจ
วันนี้ (13 ม.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ที่ประชุม กกต.รับทราบผลการเลือกตั้ง ส.ส.26 เขต 22 จังหวัด แทนตำแหน่งที่ว่างแล้วและจะเริ่มทยอยประกาศรับรองการเลือกตั้งในพื้นที่ที่ไม่มีเรื่องร้องคัดค้านภายใน 7 วันตามที่กฎหมายกำหนด
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบขณะนี้มีเรื่องร้องคัดค้านเข้ามาทั้งสิ้น 15 เรื่อง แยกเป็น พรรคเพื่อไทย 4 เรื่อง พรรคประชาธิปัตย์ 2 เรื่อง พรรคชาติไทยพัฒนา 2 พรรคเพื่อแผ่นดิน 1 เรื่อง และแยกเป็น 9 จังหวัด ได้แก่ จ.นครพนม 1 เรื่อง โดยร้องเรียนกรณีการให้เงินจูงใจ จ.มหาสารคาม 2 เรื่อง 1.กรณีจัดให้มีมหรสพ 2.จัดปราศรัยโจมตีใส่ร้ายหาเสียงขัดต่อกฎหมาย จ.ร้อยเอ็ด 1 เรื่อง กรณีหาเสียงปราศรัยใส่ร้ายด้วยความเท็จ จ.ลำปาง 1 เรื่อง หาเสียงปราศรัยใส่ร้ายด้วยความเท็จ จ.ลำพูน 3 เรื่อง 1.กรณีมีค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 2 กรณีแจกใบปลิวโจมตีใส่ร้าย 3 ปราศรัยใส่ร้าย
จ.สมุทรปราการ 3 เรื่อง 1.กรณีใช้ป้ายหาเสียงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 2 ขนคนมาลงคะแนน 3.ซื้อเสียง จ.อ่างทอง 2 เรื่อง 1.กรณีโฆษณาหาเสียง 2.จัดทำเอกสารหาเสียงคล้ายบัตรเลือกตั้ง จ.อุทัยธานี 1 เรื่อง กรณีโฆษณาหาเสียงโดยมี ส.ส.ให้การสนับสนุน และ จ.อุบลราชธานี 1 เรื่อง กรณีหาเสียงทางโฆษณาทางวิทยุ
นายสุทธิพล ยังกล่าวถึงการเกิดบัตรเสียและมีผู้กาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวนมากว่า ในส่วนของบัตรเสียอาจมาจากความไม่พร้อม เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งบางจังหวัด และระยะเวลากระชั้นชิดเกินไป ส่วนที่มีผู้กาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนมาก อาจเพราะประชาชนไม่แน่ใจว่าจะเลือกผู้สมัครายใด แต่ทั้งนี้ยังมีหลายสาเหตุที่เป็นปัจจัย เช่น ลักษณะของบัตร และครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งพร้อมกันหลายจังหวัดซึ่งในแต่ละจังหวัดมีการเลือก ส.ส.จำนวนไม่เท่ากัน แต่กลับต้องใช้บัตรลงคะแนนในแบบมาตรฐานในแบบเดียวกัน จึงทำให้บัตรเสียและมีผู้กาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนเยอะ ซึ่งความจริงแล้วตามมาตรฐานไม่ควรเกินร้อยละ 3 โดย กกต.จะหาทางปรับปรุงแก้ไข เพื่อลดปัญหาดังกล่าวต่อไป
ส่วนการรับรองผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.นั้น กฎหมายกำหนดให้ต้องประกาศรับรองภายใน 30 วัน และที่ปัญหาเรื่องการนับคะแนนที่เขตพญาไทนั้น ในช่วงที่มีปัญหาร้องเรียนเข้ามา ทางผู้ที่เกี่ยวข้องก็นำเข้าสู่การพิจารณาของกรรมการนับคะแนน และต่อมาได้พิจารณาแล้วเห็นว่าให้นับคะแนนต่อไป จากนั้นก็ได้มีการรายงานผลคะแนนมายัง กกต.กทม.ที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบส่งผลให้เลือกตั้งไม่สุจริต ก็ได้เป็นเรื่องร้องเรียนต่างหาก ซึ่งการพิจารณาประกาศรับรองผลฯ ไม่จำเป็นต้องรอผลการสอบสวนกรณีดังกล่าวที่จะต้องมีการสอบสวนว่าผู้สมัครมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ และการดำเนินการของเจ้าหน้าที่มีเจตนาทุจริตหรือช่วยผู้สมัครหรือไม่ ซึ่งหากผลออกมาว่าผู้สมัครมีส่วนเกี่ยวข้อง กกต.จะมีคำสั่งให้นับคะแนนเลือกตั้งใหม่หรือให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่ทุจริตก็มีโทษถึงจำคุก
