ASTVผู้จัดการออนไลน์ – เปิดข้อมูล “เบเกอร์บอท-บีจีอาร์ โฮลดิง” 2 บริษัทล็อบบี้ยิสต์มะกัน ที่ ประชาธิปัตย์ อ้างว่า “ทักษิณ” ยังว่าจ้างทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ พบข้อมูลปี 2550 หลังรัฐประหาร ทุ่มเงินจ้างไปกว่าล้านเหรียญ แต่มาหยุดจ้างอย่างเป็นทางการไปในช่วงกลางปี 2551 ที่ผ่านมา
จากกรณีที่ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองและเงื่อนไขสำคัญที่รัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศ โดยระบุว่า ขณะนี้มีจุดที่พรรคประชาธิปัตย์ มองว่า เป็นความเสี่ยงสำคัญต่อทิศทางอนาคตของประเทศ ว่า จะเดินหน้าบนพื้นฐานความมั่นคง หรือจะอยู่บนความสุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมี 3 เรื่องที่อยู่บนการตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า จะทำหรือไม่ โดยขณะนี้ปัญหาทั้ง 3 เรื่อง กำลังถูกบริษัท 4 แห่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยว่าจ้างตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.2549 ให้มาดำเนินการทำความน่าเชื่อถือของประเทศไทย
โดยบริษัทดังกล่าว ประกอบด้วย บริษัท เอลเดอร์แมน ซึ่งมีฐานปฏิบัติการอยู่ที่ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.และ ฮ่องกง โดยมีการติดต่อกับนิตยสารและสิ่งพิมพ์ต่างชาติหลายแห่ง เพื่อทำข่าวที่เกี่ยวกับประเทศไทยไปลงตีพิมพ์ บริษัทที่สอง คือ บริษัท บาร์เบอร์ กริฟฟิท รอเจอร์ (บีจีอาร์) ซึ่งทำงานด้านการประชาสัมพันธ์เป็นหลัก สาม บริษัท เบล พอททิงเกอร์ นอร์ท ซึ่งมีฐานปฏิบัติการอยู่ที่เมืองแมนเชสเตอร์ และ สี่ บริษัท เบเกอร์บอท ซึ่งมีฐานปฏิบัติการอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุด้วยว่า จากการตรวจสอบข้อมูล่าสุด พบว่า ใน 4 กลุ่มบริษัทดังกล่าวมีเพียงบริษัท เบล พอททิงเกอร์ นอร์ท เท่านั้น ที่มีการยกเลิกสัญญาว่าจ้างทำงานให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว แต่ก็มีความเคลื่อนไหวที่จะต่อสัญญา และว่าจ้างบริษัทที่มีความชำนาญเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการต่อไป
วันนี้ (6 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้พบว่า ข้อมูลการว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ในสหรัฐอเมริกา ของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ www.opensecrets.org ซึ่งเป็นเว็บไซต์ขององค์กรพัฒนาเอกชนในสหรัฐฯ ชื่อ The Center for Responsive Politics (CRP) ที่ตั้งขึ้นเพื่อมุ่งตรวจสอบอิทธิพลของธุรกิจที่มีต่อการเมืองสหรัฐฯ โดยข้อมูลการล็อบบี้นั้นก็เป็นการเปิดเผยต่อสาธารณชนตามกฎหมาย The Lobbying and Disclosure Act of 1995
จากการตรวจสอบข้อมูลการว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ในสหรัฐฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่ปี 2549-2551 พบว่า
ในปี 2549 (ค.ศ.2006) พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ติดต่อกับบริษัท 2 แห่งคือ บริษัท เบเกอร์บอท และ บริษัท บาร์เบอร์ กริฟฟิท รอเจอร์ (BGR) และใช้เงินจำนวนทั้งสิ้น 160,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 5.6 ล้านบาท) เพื่อว่าจ้างบริษัท บาร์เบอร์ กริฟฟิท รอเจอร์
ในปี 2550 (ค.ศ.2007) พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงติดต่อกับบริษัททั้งสองแห่งอยู่ โดยใช้เงินว่าจ้างรวมทั้งสิ้น 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 35 ล้านบาท) โดยเป็นการจ่ายเงินให้ บริษัท เบเกอร์บอท จำนวน 80,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2.8 ล้านบาท) และ จ่ายให้ บีจีอาร์ โฮลดิง (BGR Holding) จำนวน 920,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 32.2 ล้านบาท)
ในส่วนของ บริษัท เบเกอร์บอท พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ชื่อ นายเจมส์ เอ เบเกอร์ ที่ 5 (James A Baker IV) ขณะที่บริษัท บีจีอาร์ โฮลดิง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ จำนวน 4 คน ประกอบไปด้วย นายโรเบิร์ต แบล็ควิลล์ (Robert Blackwill) นายสตีเฟน เรดเมเกอร์ (Stephen Rademaker) นายวอล์คเกอร์ โรเบิร์ตส์ (Walker Roberts) และ นายเอ็ดเวิร์ด เอ็ม โรเจอร์ส จูเนียร์ (Edward M Rogers Jr)
ทั้งนี้ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เคยนำข้อมูลมาเปิดเผยเมื่อต้นปี 2550 ว่า นายโรเบิร์ต แบล็ควิลล์ คือ รองผู้ช่วยประธานาธิบดี และรองที่ปรึกษาด้านความมั่นคง (Deputy Asst. to President/Deputy National Security advisor) ส่วน นายวอล์คเกอร์ โรเบิร์ตส์ นั้น เป็นรองหัวหน้าสำนักงาน กรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Deputy Chief of Staff, House Int’l Relations Comm.) ในรัฐบาลนายจอร์จ ดับเบิลยู บุช
โดยในเวลานั้น นายกอร์ปศักดิ์ ระบุด้วยว่า ล็อบบี้ยิสต์ทั้งสองคนนี้ “ไม่ธรรมดา” เพราะมีเส้น มีสายพอสมควร เขาจึงตั้งข้อสังเกตว่า ไม่น่าแปลกที่ระยะหลังถึงได้เห็นว่า สื่อต่างประเทศบางรายให้ความสำคัญมากกับ พ.ต.ท.ทักษิณ
ขณะที่เมื่อตรวจสอบไปถึงข้อมูลของ บริษัท บีจีอาร์ โฮลดิง ก็พบว่า ในปี 2550 บีจีอาร์ โฮลดิง มีรายได้จากค่าล็อบบี้ทั้งสิ้น 22,220,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือราว 780 ล้านบาท) โดยรายชื่อลูกค้าของ บีจีอาร์ โฮลดิง นอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นบุคคลทั่วไปแล้ว ก็มีทั้งที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ เช่น เอทีแอนด์ที บริษัทสื่อสาร, แกลกโซสมิทไคลน์ บริษัทผลิตยา รวมไปถึงรัฐบาลของประเทศต่างๆ อย่าง อินเดีย, กาตาร์, เซอร์เบีย, ไต้หวัน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในปี 2551 (ค.ศ.2008) ในเว็บไซต์ www.opensecrets.org ไม่ปรากฏข้อมูลว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ใดๆ เพียงแต่ในไตรมาสที่ 2 (ช่วงวันที่ 1 เม.ย.-30 มิ.ย. 2550) มีเอกสารรายงานการล็อบบี้ (Lobbying Report) จากบริษัท บีจีอาร์ โฮลดิง ส่งไปยัง กองจดหมายเหตุสาธารณะ สํานักงานเลขาธิการวุฒิสภาสหรัฐฯ (Office of Public Records, Secretary of the Senate) และ ศูนย์ข้อมูล สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ (Legislative Resource Center, Clerk of the House of Representatives) เพื่อรายงานถึงการสิ้นสุดการว่าจ้าง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 และยืนยันว่า ในช่วงปีนั้นไม่มีกิจกรรมการล็อบบี้ใดๆ จากการว่าจ้างของ พ.ต.ท.ทักษิณ
กระนั้นก็ต้องจับตาดูต่อไปว่า ในรายงานข้อมูลการล็อบบี้ของไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 (ระยะเวลาตั้งแต่ 1 ต.ค.-31 ธ.ค.2551) และรายงานทั้งปี 2551 ที่บริษัทล็อบบี้ต่างๆ มีกำหนดส่งข้อมูลภายในวันที่ 20 ม.ค.2552 นั้น จะมีข้อมูลว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ใดๆ เพิ่มเติม หรือไม่ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หลบหนีโทษพิพากษาจำคุก 2 ปี จากศาลฎีกาฯ กรณีซื้อขายที่ดินรัชดาฯไปอยู่ในต่างประเทศพอดี
ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้อมูลจากเว็บไซต์ดังกล่าวไม่ปรากฏรายละเอียดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ทั้งหลายให้ล็อบบี้ในเรื่องอะไร แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าช่วงเวลาดังกล่าว (ตั้งแต่ 2549-2550) นั้น เป็นช่วงเวลาหลังการรัฐประหาร โดย คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค.เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 พอดิบพอดี