“พิภพ”จี้ “สุเทพ” แจงประเด็นเจรจา “ทักษิณ” ให้ชัดเจน ระบุอดีตนายกฯ หนีคดีแต่กลับกล่าวหาให้ร้ายศาลไทย หน้าที่ของรัฐบาลต้องนำตัวกลับมาเข้ากระบวนการยุติธรรม แต่กลับไปขอเจรจา ทำให้น่าสงสัยว่ามีความลับอะไร มีเรื่องเงินทองด้วยหรือไม่
นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ทางเอเอสทีวี เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.วันที่ 5 ม.ค. กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำลังติดต่อเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ต้องคำพิพากษาจำคุกในคดีทุจริตและอยู่ระหว่างการหลบหนีโทษอยู่ในต่างประเทศ ว่าการเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณจะขัดกับสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เคยพูดไว้ตั้งแต่แรกว่าอยากจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณทำตัวเหมือนประชาชนธรรมดา เมื่อมีคดีความก็ต่อสู้คดีความไปตามกระบวนการยุติธรรม เมื่อศาลได้ตัดสินอย่างไรแล้วก็ต้องรับในการตัดสินของศาล หรือไม่
นายพิภพ กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะมากล่าวหาว่ากระบวนการยุติธรรมไม่ยุติธรรม เป็นไปไม่ได้ เพราะกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ถูกแทรกแซง ศาล ผู้พิพากษาต่างๆ มาจากศาลฎีกา มาจากองค์คณะของศาล ซึ่งมีอยู่เดิม คัดเลือกกันมา พ.ต.ท.ทักษิณ ต่างหากที่หนีกระบวนการยุติธรรมและไม่ต่อสู้เองและหลบออกไปนอกประเทศ แล้วไปกล่าวหากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยว่าไม่มีความเป็นธรรม และไปชมประเทศอังกฤษว่ามีกระบวนการยุติธรรมที่ดี ไปชมระบบประชาธิปไตยของอังกฤษว่ามีความเป็นผู้ใหญ่กว่าความเป็นประชาธิปไตยเมืองไทย แต่ทันทีที่รัฐบาลอังกฤษถอนวีซ่า พ.ต.ท.ทักษิณก็โจมตีรัฐบาลอังกฤษทันทีว่า เป็นรัฐบาลที่ไม่มีความแน่นอนในเรื่องระบอบประชาธิปไตย และเรื่องกระบวนการยุติธรรม เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะวิจารณ์อะไร หรือจะกล่าวร้ายอะไรกับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้รับประโยชน์เท่านั้น
“เพราะฉะนั้นต้องถามว่า แล้วคุณสุเทพไปเจรจาอะไรกับคุณทักษิณ ไปเจรจาอะไร ในเมื่อสิ่งที่ควรจะบอกกับคุณทักษิณคือ ให้คุณทักษิณกลับมาแล้วสู้ตามกระบวนการยุติธรรมดีกว่า การที่คุณสุเทพพยายามจะเจรจากับคุณทักษิณ ทำให้ประชาชนเขาสงสัย ว่าคุณสุเทพไปเจรจามีความลับอะไร แล้วมีการที่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินเรื่องทองหรือเปล่า อันนี้เขาสงสัยกันนะครับ
เพราะฉะนั้น คุณสุเทพต้องบอกเรื่องนี้ให้ชัด มิฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะหมดความนิยม และทำให้สังคมไทยหมดความหวังที่จะมีพรรคการเมืองที่จะมาแก้ไข วิกฤติของประเทศ อันนี้ก็อยากจะเรียนคุณสุเทพให้เข้าใจ”
นายพิภพ กล่าวต่อว่า การเกิดวิกฤตประเทศนั้น ในทางการทำงานถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ทำการแก้ไข เปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น พรรคประชาธิปัตย์จึงอยู่ในโอกาสที่ดีที่จะแสดงความสามารถในการแก้ไขปัญหาวิกฤติของสังคม โดยใช้ไม้แข็งหรือกฎเกณฑ์ที่เข้มข้น เพื่อให้สังคมเดินต่อไปได้ ซึ่งถ้าไม่เกิดวิกฤติ ผู้คนก็จะอยู่เฉยๆ ไม่อยากให้มีการเปลี่ยนแปลง แต่ตอนนี้อยู่เฉยไม่ได้ มันมีทั้งวิกฤติเศรษฐกิจ การศึกษา สื่อมวลชน และจริยธรรมของสังคมไทย จึงเป็นโอกาสที่จะเสนอสิ่งใหม่ๆ เพื่อให้ยาแรง ซึ่งสังคมจะยอมรับได้ แต่ต้องชี้แจงว่าการใช้ยาแรงนั้น สังคมต้องเสียสละบางส่วน แต่ก็จะฟื้นได้ในเร็ววัน
นายพิภพ กล่าวว่า การจะแก้ไขวิกฤตได้ ต้องแก้เรื่องทุจริตก่อน ซึ่งคนอยากเห็นว่า นายอภิสิทธิ์จะแก้อย่างไร ไม่ใช่แค่บอกว่าจะแก้ทุจริตทางการเมือง แต่นักการเมืองยังกินหัวคิวไม่หยุด และนายอภิสิทธิ์ยังไม่เคยบอกว่า จะแก้ปัญหาทุจริตด้วยวิธีการแบบเก่าหรือแบบใหม่ ถ้าแบบเก่า เช่นให้สภา หน่วยราชการ หรือองค์กรอิสระ ก็จะเป็นไปอย่างเชื่องช้า ดังนั้น สิ่งที่พันธมิตรฯ เสนอไว้ จะต้องรับฟัง คือแก้ด้วยแนวคิดใหม่โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม เช่น ในวงการศึกษา ซึ่งมีการทุจริตไม่เฉพาะนักการเมืองเท่านั้น แต่ครูจำนวนมากทุจริต ตั้งแต่การซื้อแบบเรียน เสื้อผ้า การจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้นจึงควรให้เด็กนักเรียน หรือผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้งบประมาณจัดซื้อจัดจ้างของโรงเรียน รวมทั้งมีส่วนร่วมในการตรวจข้อสอบ ซึ่งจะเป็นการปูพื้นฐานประชาธิปไตย ทำให้การปราบปรามการทุจริตมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ต้องถามว่ารัฐมนตรีจะกล้าให้ทำหรือไม่
