อดีต รมว.ต่างประเทศ บังอาจเสนอแนะจริยธรรม “กษิต-มาร์ค” กระทุ้งทวงคืนปราสาทพระวิหารตามที่ประกาศไว้ พร้อมส่งยื่นจดหมายเปิดผนึกถาม ส่งข้อมูล “เฉลิม-จตุพร” อภิปรายถล่มในสภา
วันนี้ (26 ธ.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ นายนพดล ปัทมะ ฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ แถลงข่าวถึงการแต่งตั้ง นายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ และท่าทีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต่อกรณีปราสาทพระวิหารว่า ตนไม่สบายใจเกี่ยวกับตัว รมว.ต่างประเทศคนใหม่ โดยเฉพาะท่าทีของนายกษิต ต่อนายกรัฐมนตรีฮุนเซน เพราะทราบว่านายกษิตได้พูดและแสดงความเห็นอย่างหยามคายต่อนายกฯ ฮุนเซน ซึ่งสามารถเข้าไปดูได้ในเว็บไซต์ยูทิวบ์ (www.youtube.com) และล่าสุดทราบว่านักการทูตในกระทรวงการต่างประเทศก็ไม่สบายใจอย่างมาก จึงขอฝากไปถึงนายกษิตว่า รมว.ต่างประเทศที่ดีควรยึดหลัก ดังนี้ คือ 1.คิดก่อนพูด เพราะหลังการพูด คำพูดจะเป็นนายเรา 2.จะต้องไม่เป็นคนกลับกลอก 3.ไม่ควรนำความคิดส่วนตัวไปกล่าวต่อว่าประเทศเพื่อนบ้านด้วยถ้อยคำที่รุนแรง และ4.ไม่ควรโยนความผิดให้ข้าราชการประจำ
นายนพดล กล่าวอีกว่า ยังมีเรื่องที่สำคัญมากว่ากรณีนายกษิต คือ เป็นห่วงท่าทีของนายอภิสิทธิ์ในฐานะนายกรัฐมนตรี เพราะในขณะที่ตนในฐานะอดีต รมว.ต่างประเทศ ได้ชี้แจงไปแล้วว่าคดีปราสาทพระวิหารถึงที่สุดแล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ยังออกมาประกาศว่าจะขอสงวนสิทธิ์ในการทวงคืนปราสาทพระวิหาร ตนจึงทำจดหมายเปิดผนึกเพื่อสอบถามไปยังนายกรัฐมนตรี โดยในวันนี้จะส่งตัวแทนไปยื่นให้นายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อถามว่า 1.รัฐบาลมีนโยบายที่จะทวงคืนปราสาทพระวิหารหรือไม่ 2.ที่นายอภิสิทธิ์เคยอภิปรายว่าไทยยกเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารให้กัมพูชา แต่ที่ดินใต้ปราสาทยังเป็นของประเทศไทย ทั้งๆ ที่กระทรวงการต่างประเทศเห็นแตกต่าง ดังนั้น รัฐบาลจะต้องไปเจรจาขอที่ดินคืน หรือรัฐบาลจะต้องเจรจาขอค่าเช่าจากกัมพูชา หากไม่ดำเนินการแสดงว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา เป็นการจุดกระแสข้ามชาติปาหี่และพูดเท็จ
และในข้อ 3 เป็นประเด็นสำคัญเพราะนายอภิสิทธิ์เคยคัดค้านว่าแผนที่ชุด L7017 ตรงบริเวณปราสาทพระวิหาร ไม่ใช่เขตแดนประเทศไทย แต่เท่าที่ตรวจสอบกรมแผนที่ทหาร กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ต่างก็ยอมรับ ในแผนที่ดังกล่าวและคณะรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ในปี 2541 ซึ่งนายอภิสิทธิ์เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯในขณะนั้นก็ได้ยอมรับแผนที่ โดยออกเป็นพระราชกฤษฎีกาในปี พ.ศ.2541 ตรงนี้เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ได้อภิปรายในสภาอย่างสิ้นเชิงว่าไม่ใช่เส้นเขตแดน แต่เวลาทำนายอภิสิทธิ์ไม่ทำตรงกับสิ่งที่พูด จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีมีจริยธรรมมากกว่านี้ ให้พูดและทำตรงกัน ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์และนายกษิต จะต้องตอบคำถามในสภา ถึงประเด็นปราสาทพระวิหาร ซึ่งจะมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้อภิปรายประเด็นนี้ด้วย
อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวอีกว่า เมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.) ตนได้นำหลักฐานเอกสารชี้แจงไปยื่นต่อ ป.ป.ช.กรณีปราสาทพระวิหารซึ่ง ป.ป.ช.ได้แจ้งกลับมาว่าจะปิดรับคำชี้แจงในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ จะทำให้อดีตรัฐมนตรีหลายคนจะต้องยึดเอกสารชี้แจงของตนด้วย รวมทั้งนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ที่ไม่สบายอย่างมากก็ได้มอบหมายให้ตัวแทนเข้าชี้แจงแทนซึ่งเข้าใจว่า ป.ป.ช.น่าจะขยายเวลารับคำชี้แจงไปอีกระยะหนึ่ง แต่ขอยืนยันว่าเนื้อหาสาระในการยื่นชี้แจงต่อ ป.ป.ช.เป็นข้อมูลเชิงลึกกวาที่ผ่านๆ มา ซึ่งยอมรับว่าได้รวบรวมข้อมูลปราสาทพระวิหารให้ ร.ต.อ.เฉลิมและนายจตุพรไปอภิปรายในสภา
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป้าหมายการอภิปรายประเด็นปราสาทพระวิหาร ต้องการจะล้มรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เลยหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ไม่ได้คาดหวังจะล้มรัฐบาล แต่ต้องการแสดงความจริงเพื่อบันทึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย และทำหน้าที่ของอดีต รมว.ต่างประเทศ โดยคิดว่านายอภิสิทธิ์จะถูกอภิปรายมากที่สุด รองมาก็คือนายกษิต เพราะมีหลายคนในพรรคเพื่อไทยจองไว้หลายคน นอกจากนี้ การที่นายกษิตออกมาขอโทษกรณีการพูดถึงการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นเพียงการแก้เกี้ยวเพราะคำพูดที่ก่อนหน้านั้นเป็นคำพูดที่ไม่สมควร ประกอบตนทราบมาว่านายกษิตได้พูดจาหยามคายถึงนายกฯ กัมพูชายิ่งทำให้เป็นห่วงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
“ขอแสดงความยินดีที่นายอภิสิทธิ์ที่ได้เป็นนายกฯ ในฐานะที่ผมเคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ก็ควรให้โอกาสนายอภิสิทธิ์และรัฐบาลได้ทำงาน แต่ขอเตือนว่าความสมานฉันท์จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้านายกฯ พูดอย่างทำอย่าง หรือเป็นประเภทฮิปโปแครตเป็นคนที่พูดอย่างทำอย่าง ตรงนี้ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ” นายนพดล กล่าว
เมื่อถามว่า ช่วงที่ผ่านมาได้ติดต่อพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บ้างหรือไม่ นายนภดล ในฐานะอดีตที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายฯ กล่าวว่า ล่าสุดได้พูดคุยก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะจัดตั้ง ครม.เสร็จสิ้น ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ทักษิณพักอยู่ที่ไหน เพียงทราบว่าอยู่ในประเทศในทวีปเอเชีย และ พ.ต.ท.ทักษิณก็ทราบข้อมูลมาว่ากลไกอำนาจของรัฐบาลประชาธิปัตย์พยายามสืบหาที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยในการเปิดเผยที่อยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวครั้งนี้ นายนพดลได้นำเอกสารมาประกอบการแถลง มี 3 ส่วน โดยในส่วนแรกเป็นหนังสือที่จะยื่นให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ส่วนที่ 2 เป็นรายชื่อคณะรัฐมนตรีสมัย นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2541 ซึ่งมีชื่อนายอภิสิทธิ์เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ และส่วนที่ 3 เป็นพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินฝั่งซ้าย ลำโดมใหญ่ ในท้องที่ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน, ตำบลโคกสะอาด กิ่งอำเภอน้ำขุ่น, อำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี และป่าเขาพระวิหาร ในท้องที่ตำบลเสาธงชัย ตำบลภูผาหมอก อำเภอกันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2541