xs
xsm
sm
md
lg

ทูตสหรัฐฯชื่นชม"กษิต"เหมาะนั่ง"บัวแก้ว"ที่สุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทูตสหรัฐฯยัน "กษิต"เหมาะนั่ง รมว.ต่างประเทศ ขณะที่"นพดล"อวดรู้ สอนจริยธรรมการเป็นรมว.ต่างประเทศ กระทุ้ง"อภิสิทธิ์"ทวงคืนเขาพระวิหารตามที่เคยประกาศไว้ พร้อมป้อนข้อมูลป้อน"เหลิม-ตุ๊ดตู่" ถล่มในวันอภิปรายนโยบาย อ้างห่วงแม้วอันตราย ต้องปิดลับเรื่องที่อยู่
เมื่อเช้าวานนี้ (26 ธ.ค.) นายอีริค จีจอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เพื่อแสดงความยินดี ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ และหารือถึงการทำงานและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
นายอีริค เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมคารวะรมว.ต่างประเทศว่า ได้หารือนโยบายหลักในภูมิภาค ด้านการค้าและการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญา ซึ่งไทยจะตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อแสดงถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา
เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ยังกล่าวถึงภาพลักษณ์ของ รมว.ต่างประเทศ ที่ถูกวิพากวิจารณ์ว่ามีความใกล้ชิดกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ที่ผ่านมา นายกษิต ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนแล้ว และ เชื่อว่าน่าจะชัดเจนมากขึ้นในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ทั้งนี้ส่วนตัวรู้จักกับนายกษิต มากว่า 3 ปี จากที่เคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตฯ มา 5 ประเทศ เห็นว่านายกษิต มีความเหมาะสมเป็น รมว.ต่างประเทศมากที่สุดคนหนึ่ง และสำหรับไทยและสหรัฐฯ ต่างมีเป้าหมายตรงกันที่อยากเห็นรัฐบาลที่โปร่งใส ทำประโยชน์เพื่อประชาชนแท้จริง
อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ฝ่าย ยืนยัน จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องความปลอดภัยสนามบินนั้น นายกษิตให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลจะตั้งใจทำงาน เพื่อประโยชน์ของชาติ และประชาชน โดยยึดกฎหมายเป็นที่ตั้ง และเสนอแนะให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยสนามบิน และสถานที่ต่างๆ เพื่อส่งสัญญาณความเชื่อมั่นไปยังนานาชาติ
นอกจากนี้ ทูตอาเซียน 10 ประเทศยังได้เข้าพบเพื่อหารือกำหนดการประชุมอาเซียนที่ไทยกำหนดไว้ 2 ช่วง คือวันที่ 20-22 ก.พ.ปีหน้าหรือช่วงปลายเดือนก.พ.-1 มี.ค.ซึ่งแต่ละประเทศจะนำกลับไปเสนอผู้นำต่อไป

"นพดล"สู้รู้สอน"สังฆราช"
ในวันเดียวกันนี้ นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ ได้เปิดแถลงข่าวที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ถึงการแต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ เป็นรมว.ต่างประเทศ และท่าทีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต่อกรณีปราสาทพระวิหารว่า ตนไม่สบายใจเกี่ยวกับตัวนายกษิต โดยเฉพาะท่าทีที่มีต่อ นายกรัฐมนตรี ฮุนเซ็น เพราะทราบว่านายกษิต ได้พูด และแสดงความเห็นอย่างหยาบคาย ต่อนายกฯ ฮุนเซ็น ซึ่งสามารถเข้าไปดูได้ในเว็บไซด์ ยูทูป (www.youtube.com) และล่าสุด ทราบว่านักการทูตในกระทรวงต่างประเทศ ก็ไม่สบายใจอย่างมากจึงขอฝากไปถึงนายกษิตว่า รมว.ต่างประเทศ ที่ดี ควรยึดหลัก ดังนี้ คือ
1. คิดก่อนพูด เพราะหลังการพูด คำพูดจะเป็นนายเรา 2.. จะต้องไม่เป็นคนกลับกลอก 3. ไม่ควรนำความคิดส่วนตัวไปกล่าวต่อว่าประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง 4. ไม่ควรโยนความผิดให้ข้าราชการประจำ

ท้าอภิสิทธิ์ทวงคืนพระวิหาร
นายนพดล กล่าวอีกว่าเป็นห่วงท่าทีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี เพราะในขณะที่ตนในฐานะอดีตรมว.ต่างประเทศ ได้ชี้แจงไปแล้วว่า คดีปราสาทพระวิหาร ถึงที่สุดแล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ ยังออกมาประกาศว่าจะขอสงวนสิทธิ์ในการทวงคืนปราสาทพระวิหาร ตนจึงทำจดหมายเปิดผนึกเพื่อสอบถามไปยังนายกรัฐมนตรี ว่า
1. รัฐบาลมีนโยบายที่จะทวงคืนปราสาทพระวิหารหรือไม่ 2. ที่นายอภิสิทธิ์ เคยอภิปรายว่า ไทยยกเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารให้กัมพูชา แต่ที่ดินใต้ปราสาทยังเป็นของประเทศไทย ทั้งๆที่กระทรวงการต่างประเทศ เห็นแตกต่าง ดังนั้นรัฐบาล จะต้องไปเจรจาขอที่ดินคืน หรือรัฐบาลจะต้องเจรจาขอค่าเช่าจากกัมพูชา หากไม่ดำเนินการแสดงว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา เป็นการจุดกระแสข้ามชาติ ปาหี่ และพูดเท็จ
3. นายอภิสิทธิ์ เคยคัดค้านว่า แผนที่ชุด L7017 ตรงบริเวณปราสาทพระวิหาร ไม่ใช่เขตแดนประเทศไทย แต่เท่าที่ตรวจสอบกรมแผนที่ทหาร กรมสนธิสัญญา และนักกฎหมาย ต่างก็ยอมรับ ในแผนที่ดังกล่าว และคณะรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ ในปี 41 ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในขณะนั้น ก็ได้ยอมรับแผนที่ โดยออกเป็นพระราชกฤษฎีกาในปี พ.ศ. 2541 ตรงนี้เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ ได้อภิปรายในสภาอย่างสิ้นเชิงว่าไม่ใช่เส้นเขตแดน แต่เวลาทำนายอภิสิทธิ์ ไม่ทำตรงกับสิ่งที่พูด จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี มีจริยธรรมมากกว่านี้ ให้พูดและทำตรงกัน ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ และนายกษิต จะต้องตอบคำถามในสภา ถึงประเด็นปราสาทพระวิหาร ซึ่งจะมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้อภิปรายประเด็นนี้ด้วย
นายนพดล กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ได้นำหลักฐาน เอกสารชี้แจงไปยื่นต่อ ป.ป.ช. กรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งป.ป.ช.ได้แจ้งกลับมาว่าจะปิดรับคำชี้แจงในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ จะทำให้อดีตรัฐมนตรีหลายคน จะต้องยึดเอกสารชี้แจงของตนด้วย รวมทั้งนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ที่ไม่สบายอย่างมาก ก็ได้มอหมายให้ตัวแทนเข้าชี้แจงแทน ซึ่งเข้าใจว่า ป.ป.ช. น่าจะขยายเวลารับคำชี้แจงไปอีกระยะหนึ่งแต่ขอยืนยันว่า เนื้อหาสาระในการยื่นชี้แจงต่อ ป.ป.ช. เป็นข้อมูลเชิงลึกกว่าที่ผ่านๆมา ซึ่งยอมรับว่าได้รวบรวมข้อมูลปราสาทพระวิหารให้ ร.ต.อ.เฉลิม และนายจตุพร นำไปอภิปรายในสภา
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป้าหมายการอภิปรายประเด็นปราสาทพระวิหาร ต้อวการจะล้มรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เลยหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่าไม่ได้คาดหวังจะล้มรัฐบาล แต่ต้องการแสดงความจริงเพื่อบันทึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย และทำหน้าที่ของ อดีตรมว.ต่างประเทศ โดยคิดว่านายอภิสิทธิ์จะถูกอภิปรายมากที่สุด รองมาก็คือนายกษิต เพราะมีหลายคนในพรรคเพื่อไทยจองไว้หลายคน

ปิดลับที่อยู่แม้วอ้างไม่ปลอดภัย
นอกจากนี้ การที่นายกษิต ออกมาขอโทษกรณีการพูดถึงการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นเพียงการแก้เกี้ยว เพราะคำพูดที่ก่อนหน้านั้น เป็นคำพูดที่ไม่สมควร ประกอบกับตนทราบมาว่า นายกษิตได้พูดจาหยาบคาย ถึงนายกฯกัมพูชา ยิ่งทำให้เป็นห่วงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
"ขอแสดงความยินดีที่ นายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกฯ ในฐานะที่ผมเคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ก็ควรให้โอกาสนายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลได้ทำงาน แต่ขอเตือนว่า ความสมานฉันท์จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้านายกฯ พูดอย่าง ทำอย่าง หรือเป็นประเภท"ฮิปโปแคลต" เป็นคนที่พูดอย่าง ทำอย่าง ตรงนี้ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ" นายนพดลกล่าว
เมื่อถามว่าช่วงที่ผ่านมาได้ติดต่อพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บ้างหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ล่าสุดได้พูดคุยก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะจัดตั้ง ครม.เสร็จสิ้น ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พักอยู่ที่ไหน เพียงทราบว่าอยู่ในประเทศในทวีปเอเชีย และพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ทราบข้อมูลมาว่า กลไกอำนาจของรัฐบาลประชาธิปัตย์ พยายามสืบหาที่อยู่ของพ.ต.ท.ทักษิณ จึงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยในการเปิดเผยที่อยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวครั้งนี้ นายนพดล ได้นำเอกสารมาประกอบการแถลง มี 3 ส่วน โดยในส่วนแรกเป็นหนังสือที่จะยื่นให้ นายกรัฐมนตรี ส่วนที่ 2 เป็นรายชื่อคณะรัฐมนตรีสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ.2541 ซึ่งมีชื่อนายอภิสิทธิ์ เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ และส่วนที่ 3 เป็นพระราชกฤษฎีกา กำหนดบริเวณที่ดินฝั่งซ้าย ลำโดมใหญ่ ในท้องที่ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน, ตำบลโคกสะอาด กิ่งอำเภอน้ำขุ่น, อำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี และป่าเขาพระวิหาร ในท้องที่ตำบลเสาธงชัย ตำบลภูผาหมอก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2541
กำลังโหลดความคิดเห็น