พรรคเพื่อไทย จัดประชุมคัดเลือกกรรมการบริหารพรรค 13 พรรค มอบหมาย “ยิ่งลักษณ์” นั่ง คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง ยังอุบ ชื่อ-จำนวน “เพื่อนเนวิน” ซบเพื่อไทย
วันนี้ (7 ธ.ค.) ที่ทำการพรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายคณวัฒน์ วศินสังวร ว่าที่รองหัวหน้าพรรค น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร ว่าที่เลขาธิการพรรค และ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ว่าที่โฆษกพรรค ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคเพื่อไทย เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เนื่องจาก นายสุชาติ ธาราดำรงเวช ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค
นายยงยุทธ กล่าวว่า แนวทางการดำเนินงานของพรรคนั้น ภารกิจที่สำคัญ คือ 1.ยืนยันยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.กติกา กฎหมายต้องเป็นเรื่องจำเป็น มีความสำคัญ และ 3.ความถูกต้องชอบธรรมในบ้านเมือง ทั้ง 3 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องรักษาไว้ให้ได้ นอกจากนี้ ภารกิจเร่งด่วน คือ 1.พยายามจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชนให้ได้ แยกทีมบริหารพรรคกับทีมบริหารประเทศ
นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า 2.เรื่องตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น หากดูจากคณะกรรมการบริหารพรรคจะเห็นว่า มีการแยกส่วนชัดเจน การบริหารพรรคจะใช้นักบริหารมืออาชีพ เช่น ตนที่เคยเป็นอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าราชการมาหลายจังหวัด เป็นนักบริหาร นักปกครอง นายปลอดประสพ ก็เคยเป็นปลัดกระทรวง นายปานปรีย์ ก็อยู่ในวงราชการมานาน หรือแม้แต่นายคณวัฒน์ ก็อยู่ในวงราชการมานาน ดังนั้น เราแยกการบริหารในพรรคกับการบริหารประเทศออกจากกัน ซึ่งไม่เหมือนกับพรรคการเมืองอื่น ทั้งนี้ ยืนยันว่า การจัดตั้งรัฐบาลนั้น ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเราเปิดกว้างให้กับทุกพรรคว่ามีผู้ใดที่เหมาะสมจะมาดำรงตำแหน่ง 3.เตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งซ่อม และ 4.เตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
ยันเสียงเกินกึ่งหนึ่งตั้งรัฐบาลได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เวลานี้เสียง ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย กับพรรคร่วมเดิมเพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ตอนนี้เรามี ส.ส.มากพอที่จะตั้งรัฐบาลได้แล้ว เกินกึ่งหนึ่งแล้ว ยืนยันว่า เรามีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง และหลายกลุ่มกำลังทยอยมาอยู่กับเราเพิ่มเติม และน่าจะมีการแถลงข่าวในเร็วๆ นี้ นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งสิ้น 13 คน โดยมี นายยงยุทธ เป็นหัวหน้าพรรค นายคณวัฒน์ เป็นรองหัวหน้าพรรคลำดับที่ 1 นายปานปรีย์ พหิทธานุกร เป็นรองหัวหน้าพรรคลำดับที่ 2 นายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นรองหัวหน้าพรรคลำดับที่ 3 โดย น.ส.สุณีย์ เป็นเลขาธิการพรรค นายสง่า ธนสงวนวงศ์ เป็นรองเลขาธิการพรรค สำหรับเหรัญญิกพรรค คือ นางทัสน์วรรณ มุสิกบุญเลิศ และตนเป็นโฆษกพรรค นายวิม รุ่งวัฒนะจินดา เป็นรองโฆษกพรรค นอกจากนี้ ที่ประชุมยังแต่งตั้ง นายกมล บันไดเพชร เป็นนายทะเบียนพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคอีก 3 คน คือ นายวรวีร์ มะกูดี นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ และ นายเอกธนัช อินทร์รอด
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับคณะกรรมการบริหารตามพระราชบัญญัติพรรคการเมือง 3 คณะนั้น ที่ประชุมมีมติดังนี้ คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง มี นายคณวัฒน์ เป็นประธาน นายปานปรีย์ เป็นรองประธาน น.ส.สุณีย์ เป็นเลขานุการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายสาโรจน์ หงษ์ชูเวช เป็นคณะกรรมการ ส่วนคณะกรรมการนโยบายของพรรคนั้น มีนายปานปรีย์ เป็นประธาน นายปลอดประสพ เป็นรองประธาน นายจารุวงศ์ เรืองสุวรรณ เป็นเลขานุการ นายวิมล จันทร์จิราวุฒิกุล และ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง เป็นคณะกรรมการ สำหรับคณะกรรมการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยในพรรคนั้น มีนายยงยุทธ เป็นประธาน นายสนั่น สบายเมือง เป็นรองประธาน นายพายัพ ปั้นเกตุ เป็นเลขานุการ นายวัฒนา เซ่งไพเราะ และ นางเยาวนิตย์ เพียงเกษ เป็นคณะกรรมการ
น.ส.สุณีย์ กล่าวว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชนเดิมวันนี้ ที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยและเอกสารสมบูรณ์มีทั้งสิ้น 198 คน และนัดว่าจะมาในวันที่ 8 ธ.ค.อีก 8 คน นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการประสานกับพรรคร่วมเดิมด้วย
เมื่อถามว่า กลุ่มเพื่อนเนวิน วันนี้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่ นายคณวัฒน์ กล่าวว่า เขาแสดงความจำนงมา แต่ไม่ขอเปิดเผยรายชื่อและจำนวน ซึ่งบางส่วนก็เดินทางมาแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่วนพรรคร่วมเดิมนั้น ทุกพรรคที่เคยร่วมกันเป็นรัฐบาลเขาตอบรับมาหมดแล้ว และมีจำนวนที่มากพอ และคนที่จะเป็นายกรัฐมนตรีนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกัน เรียกได้ว่า มีการพูดคุยกันแบบแทบจะชั่วโมงต่อชั่วโมง ส่วนมีความเกี่ยวข้องกับกรณีที่ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่เห็นมีอะไรที่เกี่ยวข้อง ตนยังมองไม่เห็นเลย และก็ไม่มีใครที่เขามองเห็นแบบนั้นเลย
สำหรับกรอบคุณสมบัติของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น นายยงยุทธ กล่าวว่า มีความรู้ความสามารถ ได้รับการยอมรับ ศรัทธาจากสังคม เพื่อนำประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า และประชาชนได้รับความผาสุก อ่อย คนเพื่อไทยไม่อยากเป็นนายกฯแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า มั่นใจว่า รายชื่อที่เป็นข่าวนั้นจะไม่นำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า วันนี้ยังไม่มีการกำหนดใครไว้สักคน คนในพรรคเพื่อไทยวันนี้คงไม่ประสงค์ที่จะเป็นนายกฯแล้ว ขอให้พรรคร่วมไปเจรจากัน แต่ต้องอยู่ในกรอบที่พรรคเพื่อไทย ได้พิจารณาไว้ส่วนขั้นตอนในการเลือกนายกฯนั้นจะเป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่าง พรรคเพื่อไทยจะไม่ทำอะไรนอกกติกา
ส่วน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางมาที่ทำการพรรคเพื่อไทยด้วยนั้น ได้มีการพูดคุยอะไรกันหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ท่านไม่ได้มาร่วมประชุมหรือมาแสดงความเห็นอะไรทั้งสิ้น อาจจะมาให้กำลังใจกัน คนเคยผูกพันกัน ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานก็มาให้กำลังใจกัน ยังไม่ได้ยินเสียงท่านแม้แต่แอะเดียว
เชื่อกองทัพไม่ยุ่งตั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่า ขณะนี้ประชาชนรู้สึกสับสนว่าใครจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ กล่าวว่า ยอมรับว่า ประชาชนก็สับสน แต่ภาพจะเห็นชัดมากขึ้นจากนี้ไป และไม่ใช่เรื่องแปลกที่ประชาชนจะสับสนเพราะยังไม่ได้บทสรุป และจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้น จะต้องรอผู้มีอำนาจในพรรคร่วมรัฐบาลมาหารือร่วมกันกับพรรคเพื่อไทยก่อน เพราะขณะนี้ก็มีพรรคร่วมรัฐบาลเดิมติดต่อเข้ามาจำนวนหนึ่งแต่ไม่สามารถบอกได้ว่าใครบ้างกี่คน ส่วนที่บอกว่ากองทัพเข้าไปเกี่ยวข้องในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ตนก็เห็นว่าเป็นแค่ข่าวเล่าให้ฟัง ถึงอย่างไรพรรคเพื่อไทยก็จะยึดมั่นตามหลักและแนวทางของพรรค ทั้งนี้ขั้นตอนในการจัดตั้งรัฐบาลก็ต้องดูผลสรุปจริงๆ ว่ามีความชอบธรรมในการแถลงที่จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ เพราะจะชัดเจนจริงๆ ก็ต่อเมื่อเสนอรายชื่อและมีพระบรมราชโองการ
ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น นายยงยุทธ กล่าวว่า นี่คือ ข่าวลือ เป็นการคาดเดา พูดกันไป ซึ่งวันนี้ก็ได้เห็นแล้วว่าไม่เป็นความจริง วันนี้มีผู้เสนอชื่อแค่คนเดียว ก็คือ ตน สะท้อนให้เห็นว่า การคาดเดาหรือเรื่องสมมตินั้นไม่ใช่ความจริงที่เกิดขึ้น
“พงศ์เทพ” โผล่ พรรคเพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.15 น.นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาที่ทำการพรรคเพื่อไทย พร้อมกับนายอุดมเดช รัตนเสถียร รักษาการรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รักษาการรมช.สาธารณสุข โดยนายพงศ์เทพ เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาให้กำลังใจสมาชิกพรรคเพื่อไทย และตั้งแต่คุณหญิงพจมานเดินทางกลับประเทศไทยนั้นก็ยังไม่มีโอกาสได้พบท่านเลย เพราะท่านเดินทางมาเพื่อเยี่ยมมารดาที่ป่วยอยู่โรงพยาบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า คุณหญิงพจมานเดินทางมาพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ไม่มี ท่านจะมาทำอะไร ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตุถึงการเดินทางกลับประเทศไทยของคุณหญิงพจมานนั้น นายพงศ์เทพกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน การเดินทางมาครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ท่านมาเพื่อเยี่ยมมารดาที่อยู่ในโรงพยาบาลเท่านั้น ส่วนเรื่องคดีความของคุณหญิงพจมานนั้น เท่าที่ทราบมีเพียงคดีเดียว ตอนนี้อยู่ที่ศาลอุทธรณ์ และทนายความได้ยื่นอุทธรณ์ไปแล้ว ไม่มีอะไร ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล
จากนั้นเวลา 14.45 น. ว่าที่ร.ต.พงษ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย ตัวแทนส.ส.ภาคอีสาน พร้อมด้วยนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายสุรชัย เบ้าจรรยา ส.ส.สัดส่วน นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา ตัวแทนส.ส.ภาคกลาง นายวัลลภ สุปริยศิลป์ ส.ส.น่าน ตัวแทนภาคเหนือ และนายวิชาญ มีนชัยนันท์ รมช.สาธารณสุข ตัวแทนภาคกทม. ร่วมกันแถลงข่าวถึงความพร้อมในการจัดตั้งรัฐบาล
ส.ส.อีสานเช็คยอด 102 คน
ว่าที่ร.ต.พงษ์พันธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ส.ส.อีสานที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยมี 102คน เหลือเพียงไม่กี่คนที่อยู่ระหว่างการประสานงาน คือ จ.มหาสารคาม 1 คน จ.นครพนม 1 คน จ.อำนาจเจริญ 1 คน จ.เลย 1 คน จ.ขอนแก่น 2 คน จ.นครรราชสีมา 2 คน และจ.บุรีรัมย์ 7 คน ทั้งนี้ ยืนยันว่าส.ส.อีสานมีเจตนารมย์ที่จะขับเคลื่อนให้มีการตั้งรัฐบาลในขั้วรัฐบาลเดิม
นายไพจิต กล่าวว่า เราสำนึกในเจตนารมณ์ของชาวอีสานที่เลือกพวกเรา ฉะนั้นจึงหลอมดวงใจของคนอีสานเพื่อตั้งรัฐบาล แม้หนึ่งปีที่ผ่านมาจะโดนทำลายและยุบพรรคแต่หัวใจของพวกตนยังเข้มข้นยึดมั่นแนวทางการทำงานของรัฐบาลเดิม รวมทั้งสิ่งที่ผู้นำได้สั่งสมไว้ให้
“เพื่อนเนวิน” เริ่มเปลี่ยนใจ หลังกลุ่มเสื้อแดงกดดัน
นายสุรชัย กล่าวว่า ส.ส.อีสานนั้นสุดท้ายแล้วจะมีเพียง 7-8 คนที่ไม่มาอยู่กับพรรคเพื่อไทย โดยเป็นส.ส.นครราชสีมา 1คน ส.ส.สุรินทร์ 1-2 คน และส.ส.บุรีรัมย์บางส่วน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทราบว่านายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม กลุ่มเพื่อนเนวิน แจ้งมาว่าจะย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย เพราะโดนมวลชนเสื้อแดงร่วม 300 คนล้อมบ้านพักหลังจากมีข่าวออกไปว่าจะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งนายเชิดชัย วิเชียรวรรณ ส.ส.อุดรธานี ก็จะมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยด้วย เพราะมีประชาชนไม่พอใจหลังทราบว่าอาสจจะไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ จนมีการบุกไปทำลายสำนักงานส.ส.ของนายเชิดชัย
ส.ส.กาญจนบุรี-ปราจีนบุรี พปช. ยังไม่ซบเพื่อไทย
ด้านนายวิทยา กล่าวว่า จำนวนส.ส.ภาคกลางตอนนี้ยืนยันร่วมอุดมการณ์กับพรรคเพื่อไทย 99 % เหลือส.ส.เพียง 2 คนที่อยู่ระหว่างการประสานงาน ทั้งนี้ ตนขอบคุณประชาชนที่ไปบอกส.ส.ในพื้นที่นั้นๆว่าให้มาสมัครที่พรรคเพื่อไทยด้วย จนทำให้ตัวเลขส.ส.ในวันนี้เพิ่มขึ้นอีกหลายสิบคน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ปล้นส.ส.จากพรรคอื่น และคงไม่ไปร่วมอุดมการณ์กับพรรคประชาธิปัตย์
นายสุชาติ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับนายสันทัด จีนาภักดิ์ ส.ส.กาญจนบุรีและนายชยุต ภุมมะกาญจนะ ส.ส.ปราจีนบุรี เพื่อให้ย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย รวมทั้งเชื่อว่าพรรคจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลเดิมนั้น ในส่วนของพรรคเพื่อแผ่นดิน นายมั่น พัธโนทัย ก็จะพาส.ส.เกินครึ่งมาร่วมรัฐบาลด้วย เหลือเพียง 6-7 คนที่อยู่ระหว่างการประสานกัน ที่ตอนนี้ประชาชนสับสนเพราะพรรคประชาธิปัตย์ไปดึงส.ส.ของพรรคร่วมพรรคละ 2-3 คนมาแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งมันยังไม่ใช่มติของพรรคนั้นๆในการร่วมรัฐบาลเลย
ส.ส.เหนือพปช.ยังจงรักภีกดี “แม้ว”
นายวัลลภ กล่าวว่า ภาคเหนือเคยมีส.ส.เขต 48 คน ส่วนส.ส.สัดส่วนนั้นมี10 คน แต่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯไม่ได้ลาออกจากส.ส.สัดส่วน จึงทำให้เหลือส.ส.9คน ฉะนั้นตัวเลขส.ส.สัดส่วนและส.ส.เขตภาคเหนือรวมทั้งสิ้น 57 คน 100% ที่จะอยู่กับพรรคเพื่อไทยทั้งหมด
ขณะที่นายวิชาญ กล่าวว่า ภาคกทม.ยืนยันว่าจะอยู่กับพรรคเพื่อไทย 99 % มีเพียงนายสากล ม่วงศิริ ส.ส.กทม. ที่ขณะนี้มีกระแสข่าวว่าจะย้ายไปอยู่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวยังเป็นเพียงแค่ข่าวลือ เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานกับนายสากล