xs
xsm
sm
md
lg

“ชวน” รับสภาพพลิกขั้วตั้ง รบ.ยาก-“เทพเทือก” ยังหวัง “เพื่อแม้ว” สะดุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชวน หลีกภัย
“ชวน” ชี้ โอกาส ปชป.พลิกเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลยาก เหตุคะแนนเสียงยังตามห่างขั้วตรงข้าม ปัดรับข้อเสนอนั่งนายกฯ แทน “มาร์ค” ชี้ พรรคการเมืองต้องเชิดชูหัวหน้า ด้าน “สุเทพ” แบะท่า พร้อมจับมือ “เพื่อนเนวิน” ยังหวังเป็นรัฐบาลหาก “เพื่อแม้ว” พลาด พร้อมประสานทุกพรรค กลับลำค้านยุบสภา เพราะเลยเวลามาแล้ว

วันนี้ (5 ธ.ค.) นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเสนอรายชื่อบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ว่า ตนเข้าใจความรู้สึกของประชาชนที่ขมขื่นที่เสนออะไรก็ได้ไม่มีข้อจำกัด แต่เหนือสิ่งอื่นใด ตัวบุคคลมาทีหลัง แต่ขอให้ยึดวิถีทางประชาธิปไตยเป็นหลัก

ส่วนที่มีการเสนอให้มีรัฐบาลพิเศษโดยให้นายชวน เป็นนายกฯ เหมือนสมัยที่ขึ้นมาแทน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หลังวิกฤตการเงินปี 2540 นั้น นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และสถานการณ์ต่างกับสมัยของ พล.อ.ชวลิต แต่ความคล้ายกัน คือ มีวิกฤตเกิดขึ้นทั้งภายนอก และภายใน แต่ในปี 2540 เกิดจากวิกฤตภายใน พล.อ.ชวลิต ประกาศชัดเจนว่าประเทศเหมือนคนไข้จะตายแล้วจึงได้ประกาศลาออก ขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ มีเสียงน้อยกว่าพรรครัฐบาลเพียง 2 เสียงเท่านั้น และวันนั้นประชาชนไม่ยอมรับรัฐบาลนั้นแล้ว พรรคร่วมรัฐบาลจึงเข้ามาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องไปวิ่งเต้นหรือหว่านล้อม ทุกคนหันเข้ามาอยากขอให้พรรคประชาธิปัตย์มาแก้วิกฤต ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้นทำได้ง่ายกว่าปัจจุบัน แต่ปัจจุบันเสียงของพรรคพลังประชาชนและพรรคประชาธิปัตย์ แตกต่างกันมาก แม้จะมีคนที่คิดอยากจะเปลี่ยนขั้วรัฐบาลแต่เป็นแค่คนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่คนส่วนใหญ่ ดังนั้นถ้าจะทำให้ได้จริงคงเป็นไปได้ยาก

เมื่อถามว่า มีความพยายามที่จะผลัดกันนายชวนให้เป็นนายกรัฐมนตรี แทนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สามารถเป็นไปได้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ยิ่งเป็นไปได้อยาก การเปลี่ยนขั้วว่ายากแล้ว ตัวบุคคลก็ยิ่งยากกว่า เพราะมีระบบพรรคการเมืองอยู่ ว่าโดยหลักแล้วเราต้องยกย่องหัวหน้าพรรค ถือว่าหัวหน้าพรรคคือหลัก แม้นายอภิสิทธิ์ไม่ได้ติดประเด็นเหล่านี้ เพราะเคยพูดว่าว่าถ้ามีความจำเป็นก็ไม่ต้องติดระบบพรรคเสมอไป

“เราอย่าพึ่งไปห่วงเรื่องตัวบุคคล เราคิดในโครงสร้างการเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนขั้วก็เป็นไปได้ยาก แต่ยอมรับว่ามีส.ส.ในพรรคพลังประชาชนเดิมที่มีความสนิทสนม อยากจะเปลี่ยนแปลงแต่ก็เป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่คงไม่ได้คิดเรื่องนี้”

ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า จะมีการเจรจากับกลุ่มเพื่อนเนวิน เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ว่า ตนเป็นนักการเมืองมา 30 ปี เชื่อมั่นว่า ส.ส.ต่างๆ เมื่อถึงที่สุดต้องคิดถึงประชาชน และเมื่อตระหนักแล้วว่าทำการเมืองแบบเดิม ผลเสียจะเกิดกับประชาชนและบ้านเมือง ดังนั้น ส.ส.ทุกคนก็ต้องคิดเรื่องนี้กันมาก หากนักการเมืองได้คิดทบทวนก็คงหาทางออกที่ดีของประเทศได้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มี ส.ส.จำนวนจำกัด เราก็ตระหนักดีว่า เราไม่ใช่พรรคที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองอย่างที่หลายคนคาดหวังได้ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขึ้นอยู่กับ ส.ส.ในซีกรัฐบาลเดิม ถ้า ส.ส.เหล่านั้นมีความคิดเห็นเหมือนกับประชาชนทั้งหลายเขาต้องฉุกใจและคิดร่วมมือกันเรา เพื่อสร้างรัฐบาลที่ประชาชนทั้งประเทศสบายใจและ เห็นมีความหวังที่จะเห็นอนาคตของบ้านเมืองได้

เมื่อถามว่า มีข้อเสนอเรื่องการเปลี่ยนขั้วให้เปลี่ยนตัวนายกฯ จาก นายอภิสิทธิ์ มาเป็นนายชวน นายสุเทพ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้เจรจากับบรรดาพรรคการเมืองเหล่านั้น แต่เชื่อว่า ผู้นำของนักการเมืองเหล่านั้นเข้าใจกฎเกณฑ์กติกาในทางการเมือง ตนไม่เชื่อว่าจะมีใครยื่นข้อเสนออย่างนั้น

“การเมืองมีกฎเกณฑ์กติกาธรรมเนียมนายอภิสิทธิ์ เป็นผู้นำฝ่ายค้าน เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ทำหน้าที่มาโดยตลอด ถ้ารัฐบาลบริหารบ้านเมืองไม่ได้ด้วยเหตุใดก็แล้วแต่ เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะต้องมาจัดตั้งรัฐบาล คุณอภิสิทธิ์ ก็มีความชอบธรรมที่จะมาเป็นผู้นำรัฐบาล นี่เป็นกฎเกณฑ์กติกาประเพณีปฏิบัติ ซึ่งบรรดาหัวหน้าพรรคการเมืองทั้งหลายเข้าใจดี เพราะฉะนั้นข้อเสนอนี้คงไม่เกิดขึ้น”

ต่อข้อถามว่า มีการเสนอให้นำคนกลางที่มาจากพรรคการเมืองอื่นมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยที่ไม่ได้มาจากพรรคพลังประชาชนเดิมและพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเกรงว่าจะเกิดความขัดแย้งอีก เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความจริงหากพรรคได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็เป็นหน้าที่ของพรรคลำดับรองลงไป ซึ่งตนพยายามทำเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ ที่ทำไม่ใช่เพราะความทะเยอทะยาน แต่เห็นว่าถ้าเราทำสำเร็จก็เป็นโอกาสทำให้บ้านเมืองกลับสู่สันติสุขได้และสามารถแก้ปัญหาบ้านเมืองได้

“วันนี้ก็เหมือนกัน เพียงแต่เราเคารพให้โอกาสท่านได้มีเวลาตั้งหลักได้ เมื่อตั้งหลักได้ ท่านก็คงนัดหมาย ผมพร้อมที่จะไปกราบผู้หลักผู้ใหญ่ทุกพรรคการเมือง” นายสุเทพ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่ นายอัศวิน วิภูศิริ ส.ส.สัดส่วน อดีตพรรคชาติไทย มาพบเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายสุเทพ กล่าวว่า นายอัศวิน เป็นคนสนิทของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตที่ปรึกษาพรรคชาติไทย เขาก็มาให้กำลังใจพรรคประชาธิปัตย์ และหากจะให้ พล.ต.สนั่นช่วยดำเนินการ พล.ต.สนั่นก็ยินดี

ต่อข้อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้ พล.ต.สนั่นเป็นแกนในการประสานเพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ พล.ต.สนั่น เคยเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์มาก่อน และ เคยอยู่พรรคชาติไทยที่เคยร่วมรัฐบาลกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า 3-4 วันนี้จะเห็นความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะถ้าช้าก็จะทำให้ประเทศเสียหาย

ส่วนปัญหาเรื่อง ส.ส.สัดส่วนจะเป็นตัวแปรในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องข้อเท็จจริงทางกฎหมาย ขอไม่แสดงความเห็น เพราะพรรคอาจมีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งนี้เชื่อว่ารัฐบาลที่จัดตั้งในอนาคตประชาชนจะสมหวัง

นายสุเทพ ยังกล่าวถึง การประชุมสภาฯ นัดพิเศษ เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี คนใหม่ ว่า จะต้องดูความเหมาะสมของสถานการณ์ และโอกาส แต่ถ้าปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไปจะไม่ดี บ้านเมืองจะขาดโอกาส และว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องดูว่า ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อ เพื่อขอเปิดประชุมสภาฯ มีคุณสมบัติครบหรือไม่ มีใครถอนตัวหรือไม่ แต่คิดว่าน่าจะประชุมได้หลังวันที่ 10 ธ.ค.ไปแล้ว และควรมีรัฐบาลใหม่ ก่อนปีใหม่

“ผมไม่เห็นด้วย ถ้าจะมีการยุบสภา เพราะถือว่าเลยเวลานั้นมาแล้ว ถ้าจะยุบสภา ควรทำตั้งแต่ช่วงที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เวลานี้เป็นเวลาที่ทุกคนต้องร่วมกันคิดหาทางออกให้ประเทศ ด้วยการร่วมแก้วิกฤต การยุบสภาไม่ใช่ทางออกแล้ว” นายสุเทพ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น