มือ กม.“ไข่แม้ว” ออกแรงโต้ ส.ว.เรืองไกร ยื่นศาล รธน.ตีความ ส.ส.สัดส่วนย้ายสังกัดพรรคไม่ได้ แนะให้อ่าน รธน.ให้ชัด ตอกอย่าตีความเหนือตัวอักษรปูดตั้งรัฐฐาลแห่งชาติไม่สำเร็จขู่เกิด 7 ตุลาเลือดภาค 2
วันนี้ (4 ธ.ค.) นายพีระพันธ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร อดีตคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องให้ประธานวุฒิสภาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า สามารถย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย ได้หรือไม่ว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 106(8) บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ส.ส.สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง เมื่อขาดจากการเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้นั้นเป็นสมาชิก และไม่อาจเข้าเป็นสมาชิกของพรรค การเมืองอื่นได้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ในกรณีเช่นนี้ให้ถือว่าสิ้นสุด สมาชิกภาพนับแต่วันถัดจากวันที่ครบกำหนด 60 วันนั้น การตีความอย่าไปบิดเบือน ขอร้องว่าอย่าสร้างความสับสนให้กับสังคมอีก เพราะไม่มีมาตราใดเขียนไว้ว่า ยุบพรรคแล้ว ส.ส.ต้องพ้นจากสมาชิกภาพทันที
นายพีระพันธ์ กล่าวต่อว่า ตนได้บอกเพื่อนๆ หลายคนว่า กระบวนการต่อไปนั้น เขาจะเสนอแนวคิดเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ พรรคประชาธิปัตย์หลายคนก็ออกมาพูดแล้ว ถ้าหากเรื่องนี้ไม่สำเร็จเขาก็จะทำให้ในวันเปิดประชุมสภาเหมือนกับวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาอีก ก็คือ จะเปิดประชุมไม่ได้ สุดท้ายนักกฎหมาย เช่น นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นนักกฎหมายแน่หรือเปล่า พวกประจบสอพลอ จะออกมาพูดว่าถึงเวลาที่จะต้องมีรัฐบาลแห่งชาติ แล้วก็จะมีคนมาตีความ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประธานวุฒิสภาควรจะพิจารณาให้รอบคอบก่อนส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายพีระพันธ์ กล่าวว่า ก็ต้องแล้วแต่ท่านจะพิจารณา เรื่องนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วตอนที่พรรคความหวังใหม่รวมกับพรรคไทยรักไทย ซึ่งตนก็เคยถามว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นหรือไม่มาแล้ว เพราะ ส.ส.ความหวังใหม่ ในขณะนั้นหลายคนก็ไม่ได้ย้ายมาพรรคไทยรักไทย แต่ไปอยู่กับพรรคอื่น ถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็ได้ว่า ขณะนั้นท่านเองได้ย้ายไปพรรคไหน กฎหมายเขียนว่าพรรคอื่นก็อย่าไปตีความให้เหนือกว่าตัวอักษรอย่าไปขยายความในทางที่เป็นลบ
