“ถ่อยแดง” ยังไม่สำนึก ดาหน้ากดดันศาลรัฐธรรมนูญต่อ ขณะที่ “อรินทราช” เจอลูกพี่ นปช.ถึงกับอัมพาตกินชั่วขณะ ปล่อยทหาร 2 กองร้อยเข้ารับหน้าอารักขาศาล จนหวิดเกิดเหตุปะทะกัน ขณะที่ “ชินวัตร” หัวโจกม็อบท้าทายอำนาจศาล เมินคำเตือนห้ามใช้เสียงรบกวน ยังตั้งหน้าปราศรัยโจมตีผ่านเครื่องขยายเสียงต่อไป ล่าสุด ศาลสั่งเฉียบให้ออกจากพื้นที่ภายใน 15นาที หากดันทุรังจะสลายการชุมนุม
วันนี้ (2 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลปกครองสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ ว่าเมื่อเวลา 11.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เริ่มตึงเครียดมากยิ่งขึ้นเมื่อมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 2 กองร้อย พร้อมอาวุธครบมือ ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ส่งมาช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความเรียบร้อยจนกว่าเหตุการณ์จะสงบ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมแสดงความไม่พอใจ บางคนถึงกับเข้ายื้ดยุดฉุดกระชากจนเกือบทำร้ายร่างกายกันบริเวณหน้าประตูทางเข้าอาคารศาลปกครอง
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ 191 พร้อมโล่และกระบองยังคงตรึงกำลังอย่างเข้มงวด ไม่ยอมให้ผู้ชุมนุมเข้าไปภายในศาลโดยเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม นายชินวัตร หาบุญพาด แกนนำ นปช.ยังคงปราศรัยโจมตีการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ และพล.อ.อนุพงษ์ อย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายนิรันดร์ พงษ์พยอม ประธานองค์กรพิทักษ์ความเป็นธรรม บุกเข้ามาวางพวงหรีดสีดำภายในศาลปกครอง เพื่อไว้อาลัยให้กับการดำเนินการของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ศาลปกครองได้เรียกแกนนำ นปช.มาตักเตือน โดยขอร้องให้หยุดใช้เครื่องขยายเสียงเนื่องจากรบกวนการพิจารณาคดีอื่นๆ ของศาลปกครอง ขณะที่ผู้มาติดต่อศาลก็เดือดร้อนไปตามๆ กัน อย่างไรก็ตาม ศาลมีข้อบังคับชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้น หากมีการละเมิดอำนาจศาลจะมีความผิดอาญาทันที
ด้านแกนนำ นปช.ยังคงยืนยันที่จะใช้เครื่องขยายเสียงต่อไป โดยไม่สนใจว่าจะถูกดำเนินคดีในข้อหาละเมิดอำนาจศาลในภายหลังหรือไม่ก็ตาม
ต่อมา เมื่อเวลา 12.00 น. กลุ่ม นปช.ได้กระจายกำลังไปปิดล้อมประตูทางเข้าออกของสำนักงานศาลปกครองทุกประตูเพื่อกดดันไม่ให้ตุลาการศาลปกครองอ่านคำพิพากษา อย่างไรก็ตาม กลุ่ม นปช.มีจำนวนน้อย ทำให้แต่ละประตูจึงมีเจ้าหน้าที่ชุดปราบจลาจลตรึงกำลังด้านละแค่ 50 นาย
ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการศาลปกครอง ได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เดินทางออกจากอาคาร ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่เก็บข้าวของทยอยออกจากอาคารอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน สำนักเลขาธิการศาลปกครอง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำวีดีโอบันทึกภาพความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ชุมนุมและการปราศรัยของแกนนำ เพื่อนำไปเป็นหลักฐานดำเนินคดีต่อไป
ศาลปกครองสูงสุด นำโดย นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ได้ออกหนังสือระบุว่า วันนี้ เวลา 10.00 น. ตุลาการศาลปกครองสูงสุด องค์คณะที่ 5 ได้ออกนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก แต่เนื่องจากมีฝูงชนมาปิดล้อมบริเวณอาคารที่ทำการศาล เป็นเหตุให้ศาลออกนั่งพิจารณาคดีไม่ได้ ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งให้ฝูงชนทั้งหมดออกจากบริเวณศาลเพื่อให้ศาลนั่งพิจารณาคดีต่อไปได้ ถ้าไม่หยุดกระทำการและออกจากบริเวณศาลภายใน 15 นาที ถือว่าเป็นการก่อเหตุชุลมุนวุ่นวายอันเป็นการประพฤติปฏิบัติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล และเป็นการละเมิดอำนาจศาล จึงมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ศาลปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งศาลทันที
หลังศาลปกครองสูงสุดออกคำสั่ง ด้านแกนนำนปช.ได้นำคำสั่งศาลปกครองขึ้นไปอ่านบนรถปราศรัย โดยไม่สนใจที่จะปฏิบัติตาม และยังคงปราศรัยโจมตีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วยถ้อยคำหมิ่นเหม่ดูหมิ่นศาลเช่นเคย
การปราศรัยโจมตีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังคงดำเนินต่อเนื่อง จนกระทั่งเวลา 13.00 น. หลังการอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัฌชิมาธิปไตย เสร็จสิ้นลง แกนนำ ได้ประกาศยุติการปราศรัยโจมตีพร้อมกับประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายไปชุมนุมกันต่อที่ลานคนเมือง กทม.
ทั้งนี้ ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะสลายตัว ได้มีผู้ชุมนุมนำอุปกรณ์เกี่ยวสายไฟฟ้าบริเวณหน้าศาลปกครองทำให้หม้อแปลงระเบิด ไฟดับทั่วอาคาร สร้างความตกตะลึงให้กับสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายในอาคาร โดยนึกว่าจะมีเหตุระเบิด
ทางด้านตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ภายหลังอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคเสร็จเรียบร้อย ได้มีนายทหารพลร่มป่าหวายอาวุธครบมือจำนวน 10 นาย อารักขาออกจากห้องพิจารณาคดีและเดินทางออกจากศาลปกครองด้วยความปลอดภัย
ศาลสั่งเสื้อแดงออกนอกพื้นที่ภายใน 15 นาที ดันทุรังต่อใช้ทหารสลายม็อบ