“ส.ศิวรักษ์” แนะ “สมชาย” เข้าเฝ้าฯ ขอพระราชทานแนวทางการแก้ปัญหาวิกฤตการเมือง ด้านอาจารย์นิด้ารับลูก แนะนายกฯ ประธานสภา ส.ส.เข้าเฝ้าถวายคืนพระราชอำนาจ เพื่อทรงจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่เชื่อเกิดขึ้นยาก เพราะ “น้องเขยแม้ว” ยังคิดว่าตนเองไม่เคยทำผิด ชี้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นกลไกที่พึ่งสุดท้าย จวก “ม็อบเสื้อแดง” บิดเบือน-รัฐประหารซ่อนรูป ระบุจงใจก่อความรุนแรง หากไม่ยอมรับศาล รธน.ทหารคงต้องออกมา
นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม กล่าวถึงสถานการณ์การเผชิญหน้าของสังคมไทยในขณะนี้ว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ควรขอพระราชทานทางออกจากวิกฤตการเมืองขณะนี้
“นี่เป็นโอกาสอันวิเศษที่คุณสมชายจะหาทางรับพระราชทานพระบรมราโชวาทเป็นการภายใน ผมเชื่อเลยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั้นครองแผ่นดินมา 60 ปีกว่าแล้ว ทรงไว้ซึ่งพระสติพระปัญญา ไม่เลือกฝ่ายไหน ผมเชื่อว่าจะทรงหาทางออกให้ได้” นายสุลักษณ์ กล่าว
ด้าน นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์ประจำคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวแสดงความเห็นด้วยกับข้อเสนอของนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม ที่ให้ขอพระราชทานทางออกจากวิกฤต โดยเขาเห็นว่าเป็นข้อเสนอที่ดี
กระนั้นโดยส่วนตัวคิดว่าคงเป็นไปได้ยาก เพราะจากท่าทีที่ผ่านมาของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ก็ได้แสดงให้สังคมเห็นว่า ต้องการยืนหยัดที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป โดยทุกวันนี้รัฐบาลยังคงมองไม่ออกเลยว่า ตัวเองผิดอะไร จึงคิดว่านายสมชาย คงจะไม่ยอมรับข้อเสนอนี้แน่นอน
“รัฐบาลควรเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายอำนาจการบริหารคืนพระองค์ หรือกล่าวได้ว่า คือการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะที่ประธานรัฐสภา และ ส.ส.ควรเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายอำนาจนิติบัญญัติคืนแด่พระองค์เช่นเดียวกัน จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงใช้พระราชอำนาจได้โดยตรง เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบของรัฐบาลแห่งชาติ ดูแลสถานการณ์บ้านเมืองเป็นการชั่วคราว และรัฐบาลอาจแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อดำเนินการจัดการเลือกตั้ง หรือปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ได้” นายพิชาย กล่าว
นายพิชาย กล่าวด้วยว่า สังคมไทยขณะนี้ยังเหลือกลไกของศาลรัฐธรรมนูญอยู่ ซึ่งในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ จะตัดสินคดียุบพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรค ได้แก่ พรรคมัฌชิมาธิปไตย พรรคพลังประชาชน และพรรคชาติไทย โดยถ้าหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินยุบพรรคทั้ง 3 พรรคดังกล่าว นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ ส.ส.ภายในพรรคจะพ้นสถานะทางการเมืองทันที ซึ่งส.ส.บางกลุ่ม อาจไปตั้งพรรคใหม่ บางกลุ่มอาจไปพรรคเพื่อไทย หลังจากนั้น จะมีการฟอร์มรัฐบาลใหม่ขึ้นมา โดยมีความเป็นไปได้หลายทาง ที่จะมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองด้วย
“พรรคประชาธิปัตย์ก็อาจได้เป็นแกนหลักในการจัดตั้งรัฐบาล หรือพรรคเพื่อไทย อาจได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเช่นกันก็ได้ ผมเชื่อว่ากลไกศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้วิกฤตทางการเมืองคลี่คลายลงได้”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่หากกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาล หรือกลุ่ม นปช.ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาชุมนุมประท้วงโดยใช้ความรุนแรง บ้านเมืองจะกลับสู่ความตึงเครียดอีกครั้ง นายพิชาย กล่าวว่า กลไกศาลรัฐธรรมนูญ เป็นทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้ ซึ่งเมื่อมีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญออกมา แกนนำพรรคทั้ง 3 พรรคต้องอธิบายให้มวลชนเข้าใจ เพื่อจะได้ไม่นำไปสู่ความรุนแรงอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม คิดว่าแกนนำของทั้ง 3 พรรคมีแนวโน้มที่จะยอมรับคำตัดสินของศาล หากศาลมีคำสั่งให้ยุบพรรค เพราะอย่าลืมว่าแกนนำพรรคการเมือง รวมถึง ส.ส.ทุกคนยังไม่หมดโอกาสทางการเมือง ยังมีโอกาสที่จะกลับมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้อีก
“ที่ นปช.ออกมาพูดว่า การใช้อำนาจศาลเป็นการรัฐประหารแบบซ่อนรูปนั้น คิดว่า นปช.คงเข้าใจผิด การพูดของ นปช. พยายามที่จะบิดเบือนและปลุกระดมคนให้ออกมาชุมนุมต่อต้าน และ นปช.ก็มีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาอยู่แล้วด้วย ดังนั้น อาจเกิดจลาจลขึ้นในสังคมได้ และมีแนวโน้มที่ทหารจะออกมา” นายพิชาย กล่าว
เขาบอกด้วยว่า สาเหตุที่ทหารยังไม่ออกมาคลี่คลายปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้ เป็นเพราะว่า สังคมไทยเรายังมีกลไกของศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะช่วยหาทางออกให้แก่ประเทศชาติ